ย้อนกลับมาตอนที่เย่ชิงหานหมดสติไป ตอนที่แหวนทองเหลืองปล่อยกระแสพลังสีขาวออกมารักษาร่างของเย่ชิงหาน
หลังจากที่กระแสพลังสีขาวไหลเวียนไปทั่วร่างของเย่ชิงหานจนครบหนึ่งรอบ ทุกส่วนของร่างกายยกเว้นจุดชีพจรบริเวณหน้าอกที่แตกสลายไปล้วนฟื้นฟูกลับคืนมาเป็ปกติ
กระแสพลังสีขาวหยุดอยู่บริเวณทรวงอกชั่วอึดใจเดียว จากนั้นทิ้งกระแสพลังอ่อนๆ ไว้สายหนึ่งก่อนที่จะไปหยุดอยู่ตรงจุดชีพจรอีกแห่งหนึ่งข้างๆ กัน สุดท้ายไหลย้อนกลับคืนไปทางแขนและหายกลับเข้าไปในแหวนทองเหลืองดังเดิมอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ...”
เย่ชิงหานตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ความรู้สึกของเขาในตอนนี้คืออบอุ่นไปทั่วทั้งกายรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก “เกิดอะไรขึ้น? ร่างกายของข้าทำไมถึงหายเป็ปกติได้? แม้กระทั่งจุดชีพจรที่ะเิแตกออกไปแล้วก็กลับมาหายเป็ปกติดังเดิม...”
เย่ชิงหานลอบตื่นตระหนกขึ้นมาในใจ ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
ในเวลานั้นเอง อย่างไม่ทันตั้งตัว...
ภายในวงแหวนแสงเกิดการสั่นไหวขึ้น หมอกหนาสีขาวค่อยๆ จางหายไป ภาพที่อยู่ตรงหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็แสงสีต่างๆ เก้าสีปรากฏมาให้เห็น จากนั้นภาพที่อยู่ตรงหน้าแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง เย่ชิงหานรู้สึกราวกับว่าตนเองได้เข้ามาสู่โลกแห่งจินตนาการที่ใดสักแห่งหนึ่ง
มันเป็หุบเขาเล็กๆ ทัศนียภาพโดยรอบสวยงามน่าอัศจรรย์ ภายในมีสัตว์และต้นไม้พืชพันธุ์นานาชนิด
คัมภีร์ลับเืเทพได้ผล?
ตนเองทำได้สำเร็จ?
ที่นี่ก็คือมิติลับแดนอสูร?
เย่ชิงหานตื่นเต้นดีใจแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองกับสิ่งที่ได้เห็น เขาเพ่งมองไปยังฝูงสัตว์เล็กๆ ที่อยู่ภายในหุบเขาอย่างพินิจพิจารณา แต่ทันใดนั้นก็ต้องรู้สึกราวกับว่าถูกผีหลอกในตอนกลางวัน สมองหยุดการสั่งการลงในทันทีคล้ายกับเครื่องจักรที่ติดขัด
“นี่มัน...”
หุบเขาไม่ใหญ่เท่าใดนักขนาดพื้นที่น่าจะสักหนึ่งกิโลเมตรเห็นจะได้ สามทิศทางโอบล้อมไปด้วยขุนเขา มีเพียงแค่ทางทิศเหนือเท่านั้นที่มีถนนเล็กๆ สายหนึ่งและตรงกลางมีทะเลสาบขนาดเล็กอยู่ สัตว์ที่อยู่ภายในหุบเขาล้วนเป็ลูกสัตว์ขนาดเล็กแยกกันอยู่เป็ฝูงๆ
หุบเขาด้านทิศตะวันออกเป็สัตว์อสูรจำพวกเคลื่อนที่ด้วยเท้า อาทิเช่น หมีคลั่ง หมาป่าสีเทา ราชสีห์โลหิต...ลูกสัตว์อสูรระดับสูงเหล่านี้ล้วนหมอบคลานอยู่บนพื้นภายนอกอย่างสงบ ตำแหน่งใจกลางมีลูกพยัคฆ์น้อยสีขาวราวหิมะตัวหนึ่งยืนเด่นอย่างทรนงองอาจ แผ่กลิ่นอายพลังดุดันรุนแรงของราชันย์แห่งสรรพสัตว์ออกมาสายหนึ่ง
หุบเขาด้านทิศเหนือเป็สัตว์อสูรจำพวกมีเกล็ด อาทิเช่น งูเหลือมสีน้ำตาล ไทแรนโนซอรัส และนิ่มสามหัวที่มีอยู่กันเต็มไปหมด ตำแหน่งใจกลางมีลูกัเขียวนอนขดตัวหลับฝันหวานอยู่ตัวหนึ่ง แม้ตาจะหลับอยู่แต่กลิ่นอายพลังัดึกดำบรรพ์ก็ยังคงแผ่พุ่งออกมาอย่างน่ากริ่งเกรงอยู่ไม่ขาด
ส่วนหุบเขาด้านทิศตะวันตกล้วนเป็สัตว์อสูรจำพวกนก อาทิเช่น อินทรีเขียว ฟินิกซ์แดง วิหคสายฟ้าและสัตว์ปีกอีกนานาชนิดที่ไม่รู้จัก ตำแหน่งใจกลางมีต้นไม้สีแดงบนยอดสูงสุดของต้นไม้ปรากฏวิหคเพลิงที่มีเปลวไฟลุกโชนล้อมรอบตัวตัวหนึ่งเกาะอยู่
.................................
“แย่แล้ว...เดินมาผิดทางหรือเปล่าวะนี่? นั่นมันไม่ใช่พยัคฆ์ขาวหรอกรึ? แล้วนั่นัเขียวกับหงส์เพลิง? อย่าบอกน่ะว่าที่นี่เป็ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ คุ้มแล้วโว้ย! คุ้มแล้วโว้ย! มาไม่เสียเที่ยวจริงๆ! สัตว์อสูรที่อยู่ที่นี่ไม่ว่าพาตัวไหนกลับไปได้ก็ถือว่าคุ้มสุดๆ แล้ว”
ความรู้สึกของเย่ชิงหานในตอนนี้เหมือนกับคนที่ซื้อหวยมาหลายสิบปี และตลอดหลายสิบปีที่ซื้อเคยถูกมากสุดก็ไม่เกินแค่ห้าบาท แต่อยู่มาวันหนึ่งมีคนมาบอกว่าเขาซื้อหวยถูกห้าล้านบาทและยังเป็การซื้อแค่ตัวเดียวโดดๆ ด้วย...
แม้เขาจะไม่แน่ใจเต็มร้อยว่าสัตว์อสูรที่อยู่เบื้องหน้าทั้งสามตัวนี้คือสัตว์อสูรในตำนานพยัคฆ์ขาว ัเขียว และหงส์เพลิงหรือไม่ เนื่องจากฐานะในตระกูลของเขาไม่ได้อยู่ระดับที่สูงมากข้อมูลที่เป็ความลับส่วนใหญ่จึงไม่สามารถรู้ได้ แต่ความรู้สึกบอกกับตนเองว่าสัตว์อสูรที่พิเศษไม่เหมือนใครทั้งสามตัวนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ความรู้สึกแห่งความสุขเป็อย่างไร? เย่ชิงหานบอกกับตนเองว่า่เวลานี้แหละคือความรู้สึกแห่งความสุข เพียงแต่ว่ามันมีมากเกินไปจนไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไรดี!
ัเขียว? พยัคฆ์ขาว? หรือว่าหงส์เพลิงดี?
แน่นอนว่าพวกสัตว์อสูรที่อยู่ข้างๆ อย่างหมาป่าสีเทา ไทแรนโนซอรัส ทั้งหมดล้วนไม่อยู่ในสายตาของเขา หากจะเลือกก็ต้องเลือกที่ดีที่สุดเพียงเท่านั้น ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่ต่างจากคนโง่เขลา
อืม...งั้นเลือกลูกสัตว์อสูรตัวที่ดูคล้ายๆ ัเขียวนั่นแล้วกัน ลองคิดดู...สมมติว่าอยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรทำพาัตัวหนึ่งออกไปเดินเล่นด้วยคงเท่ะเิไม่น้อยทีเดียว! โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีวิตที่แล้วของเย่ชิงหานเกิดที่ประเทศจีน ดังนั้นัสำหรับเขาแล้วถือว่าเป็สิ่งที่สูงส่ง!
เย่ชิงหานหลังจากทำการตัดสินใจได้แล้วจึงเตรียมที่จะทำการเรียกัเขียว ในขณะที่กำลังจะโคจรเคล็ดวิชาลับของตระกูลอยู่นั้นเหตุการณ์แปลกประหลาดพลันบังเกิดขึ้น
ฉับพลันนั้นเอง
ทะเลสาบเล็กๆ ที่อยู่ตรงกลางหุบเขาเกิดการสั่นะเืขึ้นมาในทันใด จากนั้นสัตว์สีดำตัวหนึ่งผ่าแยกขึ้นมาจากใต้ผิวน้ำโผล่ลอยอยู่กลางอากาศเนิ่นนานก่อนจะเคลื่อนตัวต่ำลงไปยังริมทะเลสาบ
“หืม? สุนัขจมูกราชสีห์...เอ๊ะ ไม่น่าจะใช่เพราะบนหัวมีเขาอันหนึ่งด้วย! หางก็สั้นกว่า ขนาดตัวยังเล็กแค่เท่ากำปั้น ตกลงว่าเป็สัตว์อสูรชนิดไหนกัน ทำไมไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน? แถมยังเหาะลอยอยู่กลางอากาศได้เป็เวลานานอีกด้วย!”
เย่ชิงหานรู้สึกสั่นสะท้านครู่หนึ่งกับสิ่งที่ได้เจอ แต่วันนี้เขารู้สึกสั่นสะท้านกับสิ่งที่ได้เจอมานับไม่ถ้วนจนเริ่มรู้สึกตายด้านเสียแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้คิดสนใจเ้าสัตว์อสูรนั้นอีกต่อไปประกอบกับเวลาก็เหลือไม่มากแล้วจึงอยากจะรีบโคจรเคล็ดวิชาลับเพื่อเรียกัเขียวกลับไปกับตนเองให้เสร็จโดยเร็ว
แต่สิ่งที่ทำให้ใจนต้องเบิกตากว้างอ้าปากค้างก็คือ สัตว์อสูรจำพวกเคลื่อนที่ด้วยเท้าทางด้านทิศตะวันออกและสัตว์อสูรที่จำพวกนกทางด้านทิศตะวันตกต่างพากันอพยพหนีไปทางด้านทิศเหนือ ส่วนสัตว์อสูรจำพวกมีเกล็ดทางทิศเหนือทั้งหมดต่างก็อพยพวิ่งหนีกันไปยังถนนเล็กๆ ปากทางหุบเขาอย่างอุตลุด ตัวที่วิ่งนำอยู่ด้านหน้าสุดกลับกลายเป็ัเขียวตัวที่เคยแผ่กลิ่นอายพลังดึกดำบรรพ์ที่น่ากริ่งเกรงตัวนั้น!
“เดี๋ยวก่อน...ัเขียวน้อยของข้า แย่แล้ว! พยัคฆ์ขาวน้อย หงส์เพลิงน้อย...เกิดอะไรขึ้น? ทำไมวิ่งหนีกันหมด?”
ชั่วพริบตาเดียว!
สัตว์อสูรนานาชนิดที่เคยมีอยู่ต่างวิ่งนีหายไปกันหมด จะเหลือก็เพียงแค่หมีคลั่งและวานรแขนยาวเพียงสองตัวที่ถูกทิ้งไว้รั้งท้ายเนื่องจากความเร็วในการเคลื่อนที่เชื่องช้า ในขณะที่เย่ชิงหานรู้สึกมึนงงและเสียใจอยู่นั้นเหตุการณ์แปลกประหลาดได้บังเกิดขึ้นอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง เ้าสัตว์ตัวเล็กสีดำที่มีเขาเดียวนั้นได้แผดเสียงร้องคำรามขึ้นอย่างแปลกประหลาด หมีคลั่งและวานรแขนยาวที่กำลังวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตเมื่อได้ยินเข้ากับเสียงร้องคำราม ทั้งสองราวกับถูกสาปให้กลายเป็หินตรึงไว้ข้างทางเข้าหุบเขาไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ อีกเลย
“แปลกประหลาด แปลกประหลาดเกินไปแล้ว! อสูรตัวเล็กแค่นี้กลับมีพลังอำนาจสยบที่รุนแรงขนาดนี้ ช่างมันเถอะ...ไม่มีเวลาแล้ว!” เย่ชิงหานมองดูสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยสายตาโง่ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าทั้งหมดมันเกินกว่าทุกสิ่งที่เคยเห็นมาในตลอดสิบปีนี้
แม้ตอนนี้จะตื่นตระหนกใอย่างที่สุด แต่โชคยังดีที่สมองยังพอจดจำเวลาที่แม่นยำได้ ถ้าหากคาดคะเนไม่ผิดพลาดเล่าก็ตนเองเข้ามาภายในแท่นบวงสรวงแห่งนี้น่าจะสิบกว่านาทีแล้ว อย่างที่ผู้าุโบอกไว้ทุกคนมีเวลาเพียงแค่คนละสิบห้านาทีเท่านั้นไม่เกินไปกว่านี้
“เ้าตัวหน้าตาคล้ายสุนัขจมูกราชสีห์ที่มีเขาเดียวตัวนี้กลับสามารถทำให้พวกัเขียวตื่นกลัววิ่งหนีได้ จะต้องไม่ใช่สัตว์อสูรธรรมดาอย่างแน่นอน แม้ตัวจะเล็กไปหน่อย แต่...เลือกมันก็แล้วกัน!” เย่ชิงหานตอนนี้ไม่สนอะไรอีกแล้ว เริ่มโคจรเคล็ดวิชาเรียกสัตว์อสูรขึ้น ทั้งกายและจิตล้วนเป็สมาธิเพ่งไปยังเ้าอสูรน้อยเขาเดียวตัวนั้น
“โอ้ ไม่ได้การแล้ว! เวลาจะหมดแล้ว”
ในขณะที่กำลังเริ่มโคจรเคล็ดวิชาเพื่อเรียกอยู่นั้น ทัศนียภาพที่เป็หุบเขาค่อยๆ เริ่มเลือนหายไป ในใจรู้สึกตื่นตระหนกและเข้าใจได้ทันทีว่าเวลาจะหมดแล้ว ไม่มีเวลาให้กล่าวโทษหรือเสียใจใดๆ อีกต่อไป สิ่งเดียวที่ต้องทำคือเพ่งสมาธิจดจ่อเรียกสัตว์อสูรเขาเดียวตัวนี้เท่านั้น
.................................
“ทำไมป่านนี้แล้วยังเรียกไม่สำเร็จ?”
“คงไม่ใช่ว่าล้มเหลวหรอกนะ?”
“ขอเหล่าท่านบรรพบุรุษของตระกูลช่วยคุ้มครองให้เรียกสำเร็จด้วยเถิด!”
ภายนอกวงแหวนแสงเก้าสี เหล่าผู้าุโล้วนยืนรอด้วยความร้อนใจเมื่อเห็นเวลาที่กำลังใกล้จะหมด แต่วงแหวนแสงเก้าสีกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แม้แต่น้อย สถานการณ์เช่นนี้จะไม่ทำให้ทุกคนร้อนใจได้อย่างไร?
ต้องเข้าใจว่านี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของตระกูลเย่ที่ปรากฏวงแหวนแสงเก้าสีขึ้น ปรมาจารย์บรรพบุรุษเย่รั่วสุ่ยในตอนนั้นปรากฏวงแหวนแสงสีทองจึงเรียกสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์พยัคฆ์ขาวออกมาได้ อาศัยอสูรศักดิ์สิทธิ์บุกตะลุยไปทั่วทั้งสามเขตปกครองไร้ผู้ต่อกร สร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้กับตระกูลเย่ยาวนานนับหลายร้อยปี
แต่ตอนนี้วงแหวนแสงเก้าสีที่ปรากฏสูงกว่าสีทองขั้นหนึ่ง เช่นนี้จะสามารถเรียกสัตว์อสูรคุณภาพระดับใดออกมา? หากสามารถเรียกอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้อีกตระกูลเย่ก็จะพิชิตไปทั่วทั้งสามเขตปกครองอีกครั้ง และถ้าหากสามารถเรียกเทพอสูรออกมาได้...เหตุการณ์เช่นนี้แม้แต่คิดยังไม่กล้าที่จะคิดเลย แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ทุกคนก็ยังมองไปที่วงแหวนแสงเก้าสีด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความปรารถนาอย่างล้ำลึก
“ท่านพี่ ท่านต้องทำได้สำเร็จแน่ ท่านพ่อท่านแม่ที่อยู่บน์โปรดช่วยคุ้มครองท่านพี่ด้วย” เย่ชิงอวี่ที่อยู่มุมหนึ่งของห้องโถงสีหน้าราบเรียบ นางกำลังทำการอธิษฐานอ้อนวอนอยู่อย่างเงียบๆ เกี่ยวกับเื่ที่เย่ชิงหานปลุกพลังทางสายเืจนปรากฏวงแหวนแสงเก้าสี นางเพียงแค่ยิ้มด้วยความดีใจเท่านั้นไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย เพราะสำหรับนางแล้วเย่ชิงหานจะเก่งกาจหรือไม่ไม่สำคัญ อย่างไรก็ยังคงเป็พี่ชายของนาง พี่ชายที่มีชีวิตเพื่อกันและกัน
“หึ่งๆ...”
วงแหวนแสงเก้าสีในที่สุดก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่เปลี่ยนกลับคืนไปสู่สีขาวบริสุทธิ์ดังเดิมนั้น แต่ในความรู้สึกของทุกคนราวกับว่าเวลาได้ผ่านไปยาวนานหลายศตวรรษ
“ใช้เวลาไปประมาณสิบห้านาทีพอดี สรุปว่าสำเร็จหรือไม่สำเร็จ?”
“ทำไมยังไม่ออกมาอีก? ไม่ใช่ว่าล้มเหลวนะ?”
“ถูกต้อง พิธีปลุกพลังก็จบลงแล้ว ทำไมยังไม่ออกมาอีก?”
ในขณะที่ทุกคนกำลังใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ อยู่นั้น เงาร่างสีเขียวสายหนึ่งเดินออกมาจากวงแหวนแสง ในอ้อมอกมีลูกสัตว์สีดำตัวหนึ่งกำลังนอนหลับปุ๋ยอย่างสบายใจอยู่ตรงระหว่างท่อนแขนของเขา
“เย่! สำเร็จแล้ว!”
“ฮ่าๆ...ไม่เลว ทำได้ดีมาก!”
“์คุ้มครองตระกูลเย่ เอ๊ะ? สัตว์อสูรที่อยู่ในอ้อมอกเขาทำไมดูคุ้นตาจัง?”
“เออใช่ ดูคุ้นตาจริงๆ ด้วย เฮ้ย...ทำไมมันดูคล้ายกับสุนัขจมูกราชสีห์? หรือว่า?”
“โอ้์! สัตว์อสูรคุณภาพระดับสี่สุนัขจมูกราชสีห์! มันเป็ไปได้อย่างไร?”
“ข้าเล่าอยากจะกลั้นใจตายเสียจริง! ช่างเป็เด็กที่ไม่เอาไหนไม่ได้ความอย่างที่สุด วงแหวนแสงเก้าสีแต่ดันเรียกออกมาได้แค่สุนัขจมูกราชสีห์! น่าเศร้าสลด ช่างน่าเศร้าสลดยิ่งนัก...”
มองเห็นเย่ชิงหานอุ้มลูกสัตว์อสูรขนาดเท่ากำปั้นเดินออกมา ทันใดนั้นสายตาที่แหลมคมสิบกว่าคู่ต่างก็จับจ้องไปยังลูกสัตว์อสูรสีดำนั้น แต่ชั่วครู่...ทั่วทั้งหอสัตว์อสูรก็โกลาหลขึ้นมาทันที
เพราะว่าลูกสัตว์อสูรที่เย่ชิงหานเรียกออกมาได้นั้น เหมือนกับของลูกหลานในตระกูลคนหนึ่งที่เรียกออกมาได้ในตอน่เช้า สัตว์อสูรคุณภาพระดับสี่สุนัขจมูกราชสีห์ จะมีก็แค่เพียงรูปร่างที่เล็กกว่าเท่านั้นที่เป็สิ่งเดียวที่แตกต่างออกไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้