หากผ่านไปหลายปี ทุกครั้งที่คนรุ่นต่อมาของตระกูลหลงเอ่ยถึงหอดารา พวกเขาต้องนึกถึงหลงเหยียนยอดอัจฉริยะ จากหอดาราที่เป็เขตต้องห้ามและสำคัญของตระกูล ตอนนี้กลับเปิดให้เข้าออกทุกวันตามใจชอบแล้ว
…
อีกสองวันต้นเซียนหอมหมื่นลี้ก็โตเต็มที่แล้ว ยามนี้กลิ่นหอมที่โชยมาชัดมากขึ้นเรื่อยๆ โชคดีที่หญ้าวิเศษอยู่ในเทือกเขาหยุนหลัว ถึงอยู่ที่เหวตัด เกรงว่ามันต้องนำมาซึ่งการแย่งชิงของคนหลายหมู่บ้านหลายเมืองที่อยู่ใกล้เคียงเป็แน่
หลงเหยียนต้องรีบทำเวลา ในเมื่อตอนนี้เขาได้รับกระบี่สังหารัแล้ว เช่นนั้นก็ต้องฝึกใช้มันให้เป็ประโยชน์ เขาอยากหลอมวิชาสะท้านปฐีเข้ากับกระบี่มากเหลือเกิน ไม่รู้ว่าหากทำสำเร็จมันจะรุนแรงมากเท่าใด
“ท่านปู่ เรายังเหลือเวลาอีกสองวัน หากไม่มีเื่อื่น ข้าอยากกลับไปศึกษาอย่างละเอียดเื่กระบี่สังหารั!”
ผู้าุโพยักหน้า “อืม เ้าไปเถอะ!”
ทุกคนเตรียมตัวออกจากตำหนักหลงอู่
อยู่ๆ ผู้าุโก็นึกอะไรบางอย่างได้จึงพูดเสียงดัง “ในเมื่อยังเหลือเวลาอีกสองวัน เช่นนั้นข้าขอตัดสินใจ เริ่มั้แ่วันพรุ่งนี้เป็ต้นไป ตระกูลหลงของเราจะเข้าสู่เทือกเขาหยุนหลัวใน่บ่าย ทุกคนกลับไปเตรียมตัวกันก่อน ครั้งนี้ไม่ว่าความหวังจะมีมากน้อยเพียงใด เราก็ต้องชิงเซียนหอมหมื่นลี้มาให้ได้ ส่วนเื่แผนการนั้น ข้าจะปรึกษากับผู้ใหญ่ในตระกูลก่อน วันรุ่งขึ้นเมื่ออาทิตย์ตกดิน พวกเราทุกคนต้องพร้อมออกเดินทาง”
“ขอรับ! ท่านปู่” เด็กรุ่นถัดไปของตระกูลหลงขานรับ รังสีความแข็งแกร่งกระจายไปทั่ว คนออกเดินทางทั้งหมดสิบห้าคน ในตระกูล หลงอีบิดาหลงเหยียนเฝ้า ส่วนคนอื่นที่มีพลังระดับชีพัขั้นที่สี่ขึ้นไปล้วนมีสิทธิ์เข้าร่วมเื่ใหญ่ที่เกี่ยวข้องความเป็ความตายของคนในตระกูล
“เย็นวันรุ่งขึ้นหรือ? เมื่ออาทิตย์ตกดิน?” หลงเหยียนหันหลังเดินออกจากตำหนัก เพราะเวลานี้เขายังมีเื่กังวลนั่นก็คืออาการาเ็ของราชสีห์หิรัณย์ เขาเก็บมันไว้ในตระกูล หลงเหยียนยังคงกังวลใจมากจึงรีบพุ่งกลับเข้าห้องตัวเองโดยเร็ว
ราชสีห์หิรัณย์นอนอยู่บนเตียงไม้เงียบๆ ลมหายใจรวยริน ส่วนหลงหยุนฉีนั่งเฝ้าอยู่ข้างกาย ใช้มือลูบขนแข็งๆ บนตัวมันอย่างแ่เบา
หากไม่ใช่เพราะมัน เกรงว่าหลงเหยียนคงตายไปแล้ว เป็เพราะราชสีห์หิรัณย์กลายร่างใหญ่กว่าเดิมเป็สิบเท่าจึงทำให้หลงหยุนฉีใไม่น้อย
“สิงโตน้อย!” หลงเหยียนพุ่งเข้ามา มือทั้งสองข้างแนบที่่ท้อง พลังปราณในจุดรวมปราณของมันทะลุทะลวงอย่างยิ่ง ดูเหมือนจุดรวมปราณของมันาเ็
หากเป็มนุษย์ หลงเหยียนคงมีวิธีรับมือได้บ้าง ทว่ามันเป็สัตว์เทพ หลงเหยียนไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร…
“หยุนฉี เ้ากลับไปก่อนเถิด ท่านปู่บอกว่าเย็นวันรุ่งขึ้น พวกเราจะมุ่งหน้าไปเทือกเขาหยุนหลัว ถึงตอนนั้นพวกเราต้องเปิดศึกกับตระกูลเซียว ศึกชี้ชะตาเป็หรือตาย เ้ารีบกลับไปเตรียมตัวก่อนเถิด ดูว่าพ่อเ้ามีอะไรจะสั่งหรือไม่”
หลงหยุนฉีพยักหน้า ขณะที่กำลังจะออกไป หลงเหยียนก็ดึงมือนางไว้ “หากวันรุ่งขึ้นไม่เจอข้า เ้าบอกท่านปู่ออกเดินทางได้เลย หากเขาเชื่อใจหลานอย่างข้า ข้าต้องร่วมด้วยแน่”
เมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของหลงเหยียน หลงหยุนฉีจึงพยักหน้าหงึกหงัก น้ำเสียงแลสั่นกลัวเล็กน้อย “พี่เหยียน วางใจเถิด ข้ารู้ว่าท่านต้องมาแน่ ท่านช่วยพวกเราตระกูลหลงไว้…”
เมื่อพูดจบนางก็รีบออกจากประตูห้องของหลงเหยียนทันที หลงเหยียนรู้ดีว่านางกำลังรู้สึกปวดร้าว ทั้งหมดนี้เป็เพราะพละกำลังที่น้อยเกินไป ในบรรดาคู่ต่อสู้ทั้งหมดที่หลงเหยียนเจอมา ครั้งนี้เป็ครั้งที่น่ากลัวที่สุด
ยอดฝีมือระดับชีพเทพ แค่คิดยังรู้สึกขนลุกเลย หลงเหยียนนึกถึงตอนที่ตนถูกพยัคฆ์ร้ายจับตัวไป ขณะที่ถูกบีบคอนั้น เขาไม่สามารถขัดขืนได้เลย คล้ายร่างกายหมดเรี่ยวแรงไม่อาจดิ้นหลุดจากมือได้
นี่ก็คือความน่ากลัวของยอดฝีมือระดับชีพเทพ ทว่าเมื่อนึกถึงใบหน้าที่น่ารังเกียจของเขา หลงเหยียนก็ไม่กล้าวางใจได้ลง
หากเทียบกันด้วยพละกำลังระหว่างสองตระกูล บอกได้ว่าตระกูลหลงแกร่งมากกว่านิดหนึ่ง ทว่าเพราะตระกูลเซียวร่วมมือกันกับสำนักบงกชมาร นางคือฉนวนที่เข้ามาเปลี่ยนโอกาสชนะของพวกเขา ครั้งนี้หลงอีต้องอยู่เฝ้าตระกูลของพวกเขาไว้
คาดว่าพวกเขาคงก้าวผ่านด่านที่จะเข้าชิงต้นเซียนหอมหมื่นลี้ไม่ได้เลย ต่อต้านศิษย์สำนักมารนั้นคือคนละระดับชั้นกัน
ทุกคนในตระกูลฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่หลงเหยียน เขาผู้เป็ยอดอัจฉริยะ เห็นราชสีห์หิรัณย์าเ็ เขาก็กำหมัดแน่น
“สิงโตน้อย เ้าว่าข้าควรทำอย่างไรดี ข้าจะเพิกเฉยต่อตระกูลหลงก็ไม่ได้ใช่หรือไม่เล่า? ตอนนี้เ้าเองก็าเ็หนัก ข้าจะช่วยเ้ารักษาอย่างไรดี?”
ราชสีห์หิรัณย์ “แคกๆๆ” จากนั้นเสียงที่ไร้เรี่ยวแรงก็ดังตามมา “ดินแดนนั้นกว้างใหญ่ สถานที่เล็กๆ ของท่านไม่ใช่ปัญหา หากยังไม่ถึงทางตันก็ย่อมมีเส้นทางให้เดินเสมอ ท่านไปบุกเบิกเส้นทางของตัวเองเถิด ไม่ต้องเป็ห่วงข้าหรอก ข้ายังไม่ตายตอนนี้ แค่รู้สึกหิวนิดหน่อยเท่านั้น อาจเป็เพราะใช้พลังงานเยอะไปหน่อยตอนช่วยท่าน”
หลงหยียนหมดคำพูด มือประสานกันแล้ววางเอาไว้บนศีรษะ สมองของเขากำลังครุ่นคิดว่าจะผสานวิชาสะท้านปฐีอย่างไร จะหลอมพลังเข้าไปในกระบี่ได้อย่างไร
จากนั้นหลงเหยียนก็ลุกขึ้นมานั่ง หยิบกระบี่ที่อยู่ในฝักสีทองเรืองรองออกมาจากถุงผ้าเฉียนคุน ก่อนชักกระบี่สังหารัที่ส่องแสงสีฟ้าครามออกมา
กระบี่ถูกชักออกจากฝัก รังสีโลหิตฟุ้งไปทั่ว! รังสีพลังที่มาจากตัวกระบี่ทำให้ราชสีห์หิรัณย์ที่เดิมทีเหลือลมหายใจรวยรินก็ขยับจมูกสูดดม
“พี่เหยียน เหมือนกระบี่เล่มนี้มีกลิ่นอายคล้ายตัวท่านนะ…”
“เ้าว่าอะไรนะ?” หลงเหยียนมองไปทางราชสีห์หิรัณย์ด้วยความประหลาดใจ
เมื่อครู่มันบอกว่ากระบี่มีกลิ่นอายคล้ายตัวหลงเหยียนงั้นหรือ? หลงเหยียนหยิบมันขึ้นมาสำรวจ จากนั้นก็โบกสะบัดกระบี่ในมือ มันเปล่งลำแสงกระบี่ทั่วไป ดูเหมือนไม่ได้พิเศษอะไร
“ท่านปู่บอกว่านี่คือกระบี่สังหารั คล้ายอยู่เหนือระดับชั้นของอาวุธทั้งหมด ไม่รู้ว่าอยู่ในระดับใด ทว่าสามารถบอกได้เลยว่าเป็กระบี่ที่ร้ายกาจนัก”
เมื่อนึกถึงความรักที่ผู้าุโมีต่อตน หลงเหยียนก็รู้สึกปลาบปลื้มอยากปกป้องเขา ตระกูลหลงมีกิจการใหญ่โต ทั้งหมดนี้มาจากสองมือสองเท้าของผู้าุโ เขาสร้างทุกอย่างขึ้นด้วยความยากลำบาก ไม่มีใครรู้ว่าเขาเสียแรงกายเพื่อตระกูลหลงมากเท่าไร
“ข้า หลงเหยียน ขอสาบาน ไม่ว่าจะเป็เช่นไรข้าต้องปกป้องตระกูลของเราให้ดี ไม่ว่าจะต้องเจอสิ่งใด ข้าก็จะไม่มีวันถอย ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม”
นึกถึงท่านปู่ที่มอบกระบี่เล่มนี้ให้ตน มันเป็ถึงสมบัติประจำตระกูล ทำให้หลงเหยียนรู้สึกรับไม่ไหว
“พี่เหยียน หากข้าเดาไม่ผิด ในกระบี่เล่มนี้ต้องซ่อนความลับบางอย่างแน่ เท่าที่ท่านบอก กระบี่เล่มนี้ผู้าุโเซียวเป็คนได้ไปก่อน จากนั้นปู่ของท่านก็ชิงมันมา ข้าว่ามันต้องซ่อนความลับของตระกูลเซียวไว้แน่”
หลงเหยียนมองราชสีห์หิรัณย์ “มีกลิ่นอายเหมือนข้า หลายปีมานี้ไม่เคยมีผู้ใดเห็นกระบี่เล่มนี้เคลื่อนไหวเองมาก่อน ตอนที่ข้าััมันกลับสั่นอย่างรุนแรง ่บ่ายที่ผ่านมา ท่านปู่และทุกคนเห็นเองกับตา”
จากนั้นหลงเหยียนก็หัวเราะเสียงดัง “สิงโตน้อย ข้าขอบคุณเ้า เช่นนั้นก็ดี ข้าจะไปตระกูลเซียวเดี๋ยวนี้ ไปถามเื่นี้ให้ชัดเจน หากเื่นี้ไม่กระจ่าง ข้าไม่ยอมลดละแน่”
--------------------