เสิ่นอิ๋นหวนคิดว่าอาจเกี่ยวข้องกับเจียงเฉิงจึงเรียกเขามาคุยอย่างจริงจัง “ฉางควน เ้าเป็เด็กดี ป้ารู้ว่าเ้าสนิทกับอันหรานไม่เลว ่นี้นางดูเศร้าใจ ป้าที่เป็แม่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จะให้ถามตรงๆ ก็คงไม่ดี เ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
เจียงเฉิงกระดากอายเล็กน้อย คนที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นไม่ได้มีแค่เสิ่นอิ๋นหวน เขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าหลี่อันหรานเป็อะไร “ขออภัยขอรับท่านป้า ข้าไม่ทราบเช่นกันว่าอันหรานเป็อะไร ่นี้อาจเจอเื่ที่ไม่มีความสุขกระมังขอรับ ข้าจะลองสอบถามและชี้แนะนางดู ท่านไม่ต้องเป็ห่วง”
เสิ่นอิ๋นหวนได้ยินก็ซาบซึ้งใจมาก นางตบแขนฉางควนเบาๆ และถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ลูกคนนี้หยิ่งในศักดิ์ศรีมาั้แ่เด็ก เมื่อก่อนฐานะครอบครัวเราร่ำรวย รูปโฉมนางเองก็เรียกได้ว่างดงามมาก แต่ว่าครอบครัวเราเจอเหตุไม่คาดฝัน มิหนำซ้ำนางยังถูกทำร้ายจนเสียโฉม คิดว่าความกลัดกลุ้มน่าจะมีส่วนจากเื่เหล่านี้ด้วย”
“แต่นี่ก็ผ่านมาสักพักแล้วนะขอรับ ต่อให้นางจะรู้สึกไม่จำยอมแต่น่าจะจบลงไปแล้ว” เจียงเฉิงกล่าว
เสิ่นอิ๋นหวนเอามือกุมหน้าผาก “เด็กน้อย เ้าอาจจะยังไม่รู้เื่นี้ อันหรานมีคู่หมั้นคู่หมาย คู่หมั้นของนางเป็แม่ทัพจากตระกูลเจียง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ฐานะครอบครัวเราจะตกต่ำ แต่อันหรานก็ยังคงรู้สึกว่าด้วยรูปโฉมของตัวเองแล้วนางก็ยังสามารถแต่งเข้าตระกูลเจียงได้อยู่ดี ทว่าตอนนี้นางเสียโฉมแล้ว เฮ้อ หากตระกูลเจียงถอนหมั้นขึ้นมาไม่รู้ว่าอันหรานจะรับเื่นี้ได้อย่างไรไหว”
เจียงเฉิงเปลี่ยนเป็ฝ่ายตบแขนเสิ่นอิ๋นหวนเบาๆ แทน “ท่านป้า จากการอยู่ด้วยกันมาสักระยะ ข้ารู้สึกว่าอันหรานไม่ใช่สตรีที่รักสบายและคิดแต่จะอยากแต่งงานกับคนรวย เื่นี้อาจไม่เกี่ยวกับตระกูลเจียงก็ได้นะขอรับ” เจียงเฉิงไม่รู้ว่าควรปลอบใจเสิ่นอิ๋นหวนอย่างไร เพราะคู่หมั้นที่อีกฝ่ายพูดถึงก็คือตัวเขาเอง
เสิ่นอิ๋นหวนถอนหายใจออกมาอีกครั้งแล้วไม่พูดอะไรต่อ ผ่านไปครู่หนึ่งนางก็เดินกลับห้อง ทิ้งให้เจียงเฉิงอยู่เพียงลำพัง
ส่วนเื่ถอนหมั้นหรือไม่ ตัวเจียงเฉิงตอบไม่ถูกเช่นกัน จริงอยู่ที่เขาไม่ถือสารูปร่างหน้าตาของหลี่อันหราน ทั้งยังเกิดความรู้สึกดีๆ กับสตรีนางนี้หลังจากได้อยู่ด้วยกัน แต่การแต่งงานเป็เื่ใหญ่ เขาไม่อยากด่วนตัดสินใจ หรือเปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆ
ความจริงจิตใต้สำนึกของเจียงเฉิงบอกเขาว่าอยากถอนหมั้น เขาอยากรับใช้ชาติบ้านเมือง ในสนามรบเต็มไปด้วยอันตราย มีดดาบไร้ปรานี หลี่อันหรานลำบากมามากพอแล้ว เขาไม่อยากให้นางกลายเป็หญิงหม้ายเพราะแต่งกับเขา
เจียงเฉิงตั้งใจจะออกไปเดินเล่น ระหว่างทางเขาพบกับหลี่เยวี่ยซือที่แต่งกายงามหยาดเยิ้มพอดี แน่นอนว่าหลี่เยวี่ยซือจำเจียงเฉิงได้ั้แ่แรกเห็น เจียงเฉิงทำเพียงส่งยิ้มให้แล้วเดินผ่านไป ทว่าหลี่เยวี่ยซือกลับไล่ตามไม่ลดละ สุดท้ายเจียงเฉิงต้องไปดื่มน้ำชากับนางที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่งด้วยความจนใจ
ระหว่างที่สนทนากับหลี่เยวี่ยซือ เจียงเฉิงได้รู้โดยบังเอิญว่าก่อนหน้านี้หลี่อันหรานถูกใช้กำลังขืนใจ นี่ทำให้เขาโมโหเดือดดาลมาก หรือว่าอาการเศร้าหมองกลัดกลุ้ม่นี้ของหลี่อันหรานจะมีสาเหตุมาจากเื่นี้?
หลี่เยวี่ยซือนึกไม่ถึงว่าเจียงเฉิงจะโมโห แต่นางคิดอย่างไร้เดียงสาว่าเขาคงโมโหเพราะรังเกียจหลี่อันหราน รู้สึกว่าหลี่อันหรานน่าสะอิดสะเอียน ด้วยเหตุนี้จึงพูดถึงหลี่อันหรานในทางไม่ดีให้เขาฟังแบบบิดเบือนไปจากความจริง
ตอนแรกเจียงเฉิงไม่คิดจะสนใจหลี่เยวี่ยซือแล้ว ถึงกระนั้น ความอดทนก็มีขีดจำกัด ในตอนที่หลี่เยวี่ยซือได้คืบจะเอาศอก เขาะโขึ้นเมื่อเส้นประสาทขาดผึง “พอแล้ว!” ส่งผลให้หลี่เยวี่ยซือหุบปากฉับ ก่อนที่ชายหนุ่มจะลุกหนีไป ทิ้งให้หลี่เยวี่ยซืองงงวยท่ามกลางสายลมดังหวีดหวิว
ระหว่างทางกลับ เจียงเฉิงบอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร ชายที่พรากเอาความบริสุทธิ์ของหลี่อันหรานไปทำให้เขาโกรธแค้นจนกัดฟันกรอด
เขาคิดกับตัวเองว่าจะช่วยหลี่อันหรานตามหาชายผู้นั้นให้จงได้ พร้อมตั้งมั่นว่าจากนั้นจะช่วยแก้แค้นแทนนาง
เจียงเฉิงเดินไปพร้อมกับความคิดเช่นนี้เป็ระยะทางที่ไกลมาก กระทั่งเมื่อเดินออกจากเขตแดนของหมู่บ้านแห่งนี้จึงหยุดฝีเท้าลงอย่างฉับพลัน เขาหันกลับไปมองด้วยความรู้สึกซับซ้อน เขาไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรหลังจากที่ได้ฟังเื่พวกนั้นจากหลี่เยวี่ยซือ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจดี นั่นคือความเป็อยู่ที่นี่ของหลี่อันหรานไม่มีคุณภาพ ต่อให้มีคนรังแกก็ทำได้แค่อดกลั้นฝืนทน
จังหวะที่กำลังครุ่นคิดถึงตรงนี้ ก็มีเสียงไพเราะสายหนึ่งลอยมาเข้าหู เจียงเฉิงไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็ผู้ใด “มายืนทึ่มอะไรตรงนี้?”
เจียงเฉิงหันกลับไป นางมีรอยยิ้มสดใส ทว่าสายตาเขากลับเอาแต่จ้องแผลเป็บนใบหน้า “เดินเล่นน่ะ”
“คงไม่ได้ว่าตั้งใจมารับข้าหรอกกระมัง?” หลี่อันหรานเอ่ยหยอกล้อ นางก้มหน้าเดินด้วยฝีเท้าหนักอึ้งเพราะต้องแบกตะกร้าจักสาน ไม่ทันสังเกตเห็นความอ้างว้างในแววตาเจียงเฉิงแม้แต่น้อย
เจียงเฉิงมองไปที่ในตะกร้า ในนั้นคือของที่เรียกว่าพริกที่ก่อนหน้านี้หลี่อันหรานไปเก็บจากบนูเา นางดูจะไม่เหน็ดเหนื่อยบ้างเลย
หลี่อันหรานวางตะกร้าลงแล้วทิ้งก้นนั่งลงบนพื้น นางถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนเงยหน้ามองมาทางเขา ถึงแม้รอยยิ้มใต้แผลเป็จะสดใสเพียงใดแต่ก็ยังคงดูหนักหน่วงอยู่ดี “เหม่ออันใดอยู่ ข้าถามท่านอยู่นะ”
เจียงเฉิงพลันสะดุ้งได้สติ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเอาแต่หมกมุ่นถึงคำพูดพวกนั้นของหลี่เยวี่ยซือ
เขาคิดถึงขั้นว่าคนแบบใดกันที่ทำชั่วร้ายเช่นนั้นกับหลี่อันหราน คิดว่านางเข้มแข็งได้อย่างไรทั้งที่เจอเื่เช่นนี้
“ข้าช่วย” เขาเดินก้มหน้าไปหยิบตะกร้าแล้วหันตัวเดินไปทางหมู่บ้าน
หลี่อันหรานกะพริบตาปริบๆ นางมองแผ่นหลังกว้างเขาแล้วลุกขึ้นปัดฝุ่นไล่ตามไป
หลังจากไล่ตามทัน นางมองใบหน้ามุมข้างอันหล่อเหลาของเขาด้วยความสงสัย “วันนี้ท่านเป็อะไร?”
“ไม่มีอะไร” เขาตอบอย่างเ็าโดยไม่แม้แต่จะชำเลืองตามอง พริกในตะกร้าถือว่าเบาสำหรับเขามาก บ่าอันบอบบางของนางไม่เหมาะกับงานพวกนี้เลยจริงๆ
“เห็นอยู่ว่าท่านทำตัวแปลกๆ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เจอเื่อะไรมาหรือ?” หลี่อันหรานไม่ได้โง่ นางมองออกว่าเขากำลังพยายามหลบเลี่ยงและเ็ากว่าปกติ สีหน้าเองก็อึมครึมเช่นกัน
หลี่อันหรานเห็นเจียงเฉิงไม่ตอบก็วิ่งเอาตัวไปขวางเขา “ท่านเป็สตรีหรืออย่างไร? มีอะไรก็พูดออกมาสิ หรือต้องให้ข้าคาดเดาเอาเอง?”
เจียงเฉิงจ้องนางนิ่งๆ นับั้แ่ที่เกิดเหตุไม่คาดฝันกับครอบครัวของนาง นางอดทนมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไรกันนะ? ที่ผ่านมาคงเจอความยากลำบากมาไม่น้อย
“หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วยเหลือก็บอกมาได้เลย”
หลี่อันหรานผงะ “เหตุใดจึงพูดเช่นนี้? เหตุใดจู่ๆ จึงพูดเช่นนี้?”
“หากไม่ใช่เพราะเ้า ข้าคงตายอยู่กลางป่ากลางเขาไปแล้ว ข้าย่อมต้องตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิต บัดนี้ข้าแข็งแรงดีแล้ว อีกไม่นานก็จะไปจากที่นี่” เจียงเฉิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงและใบหน้าราบเรียบ
หลี่อันหรานชะงักอีกครั้ง นางรู้อยู่เต็มอกว่าไม่ช้าเร็วเขาก็ต้องไปจากที่นี่ แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะกล่าววาจาเช่นนี้ออกมา ระหว่างเขากับนางเป็แค่ความสัมพันธ์แบบผู้มีพระคุณเท่านั้นหรือ ไม่มีอย่างอื่นหรือ?
นางอยากถามเขาว่าไม่มีอย่างอื่นแล้วจริงหรือ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามออกไป
“โอ้?! ที่แท้ก็เื่นี้หรอกหรือ ข้าก็นึกว่าเื่อะไรกัน” แม้หลี่อันหรานจะฉีกยิ้ม แต่กลับหลบเลี่ยงสายตาของเขาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่นางจะถอยไปอยู่ด้านข้างตามเดิม “เช่นนั้นข้าก็มีเื่อยากรบกวนให้ช่วย”
เจียงเฉิงได้ยินนางพูดแบบนี้ก็รีบถาม “อยากให้ช่วยอะไรก็บอกมาได้เลย ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็จะไม่ปฏิเสธ”
“เหอะๆ…” นางหัวเราะในลำคอเสียงเบา น้ำเสียงในประโยคถัดมาเจือความแดกดัน จากนั้นจึงเหลือบพิจารณาเขาด้วยหางตา “ไม่ถึงขั้นต้องแลกด้วยชีวิตหรอก คนเช่นข้าคงได้เพียงขอให้ท่านช่วยงานจิปาถะและงานที่ต้องใช้แรงงาน ่นี้ข้ากำลังคิดค้นของสิ่งหนึ่ง ใช้วัตถุดิบค่อนข้างมาก ท่านมาช่วยข้าเถิด รอข้าคิดค้นสำเร็จแล้วค่อยไป”
นางพูดจบแล้วเดินกลับหมู่บ้านโดยไม่แม้แต่จะหันมามอง
แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหันกลับมาเพราะพบว่าคนด้านหลังไม่ตามมาด้วย บัดนี้ใบหน้าซึ่งเคยมีรอยยิ้มสดใสหลงเหลือเพียงความเ็าและดุร้ายใต้รอยแผลเป็ “นี่ รีบตามมาสิ! แบกพริกในตะกร้ากลับมาด้วย เอาไปไว้ที่ครัวและล้างให้สะอาด เย็นนี้ข้าต้องใช้”
ว่าจบแล้วก็สาวเท้ายาวๆ กลับไปยังหมู่บ้าน ไม่สนใจเจียงเฉิงที่อยู่ด้านหลังอีกต่อไป
เจียงเฉิงล้างทำความสะอาดพริกพวกนั้นตามที่หลี่อันหรานสั่งแต่โดยดี ตอนแรกเขาคิดว่าเ้าสิ่งนี้มีพิษ ทว่าเมื่อมาอยู่กับหลี่อันหราน ของพวกนี้กลับกลายเป็ของล้ำค่าอย่างน่าประหลาด
เขาไม่รู้ว่านางทำได้อย่างไรและไม่อยากคิดมากเกี่ยวกับเื่นี้เช่นกัน ในเมื่อเขารับปากไว้แล้วว่าจะช่วยนาง เช่นนั้นก็ย่อมต้องทำตามที่นางสั่ง
ครั้นใกล้ถึงเวลามื้อเย็น เสิ่นอิ๋นหวนบอกให้หลี่อันหรานไปตามเจียงเฉิง แต่หลี่อันหรานไม่อยากไป นางถือชามตะเกียบไปด้วย พูดไปด้วย “เขากำลังยุ่ง ตอนนี้คงยังไม่มีเวลากินข้าว พวกเรากินกันก่อนเถิด”
เสิ่นอิ๋นหวนขมวดคิ้วนึกตำหนิบุตรสาว “ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็แขก จะปฏิบัติต่อแขกแบบนี้ไม่ได้ รีบไปตามเขา มิเช่นนั้นเ้าเองก็ไม่ต้องกิน”
หลี่อันหรานยู่ปากบ่นอุบ
“ยังไม่รีบไปอีก” เสิ่นอิ๋นหวนเร่งเร้า
หลี่อันหรานกลอกตามองบนแล้วเดินออกไป นางเจอกับหลี่อันอันที่หน้าประตู อีกฝ่ายถือผิงกั่ว [1] ป่าสองลูกไว้ในมือ “พี่หญิง ผิงกั่วที่พี่ชายเก็บมาเมื่อตอนกลางวันหวานมากเ้าค่ะ ท่านลองกินดูสิเ้าคะ”
หลี่อันหรานรับมาหนึ่งลูก นางเช็ดทำความสะอาดกับเสื้อผ้าตัวเอง ก่อนเอื้อมมือไปลูบศีรษะหลี่อันอัน เมื่อเดินออกไปยังลานบ้าน ก็เห็นเจียงเฉิงยังคงล้างพริกอยู่ที่บ่อน้ำ
นางเอนตัวพิงเสาด้านข้างพร้อมกับกัดผิงกั่วในมือ “แม่ข้าตามให้ไปกินข้าว เดี๋ยวค่อยมาล้างต่อ”
เจียงเฉิงก้มหน้าล้างพริกพลางตอบ “ไม่เป็ไร ล้างอีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว พวกเ้ากินกันก่อนเลย”
หลี่อันหรานขมวดคิ้วทันที นางโยนผิงกั่วทิ้งไปด้านข้างก่อนจะเดินไปออกแรงดึงเขาให้ลุกขึ้น “ฉางควน อย่ามามัวหลอกตัวเองอยู่ที่นี่เลย ท่านมิใช่คนที่จะมาทำงานแบบนี้ ดูมือท่านสิ มันบอบบางอ่อนนุ่มปานนั้น ดูเสื้อผ้ากับเครื่องประดับท่านสิ มันเหมือนชาวบ้านยากจนแบบพวกข้าที่ใดกัน?”
หลี่อันหรานอดกลั้นต่อความโมโหในใจ นางไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดตัวเองจึงโมโหขนาดนี้
“ข้ารู้ว่าสักวันท่านก็ต้องไปอยู่แล้ว ข้าไม่้าการตอบแทนจากท่าน หากจะไปก็รีบไปเถิด กลับไปสู่ชีวิตสุขสบายของท่าน หมู่บ้านเล็กๆ ของพวกข้าจะไม่รั้งไว้”
นับั้แ่วันแรกที่ได้พบกับฉางควน หลี่อันหรานก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่นางไม่อยากคาดเดาตัวตนของเขาก็เท่านั้น ทว่าท่าทีสง่าผ่าเผยและรูปลักษณ์อันหล่อเหลาของเขากลับคอยย้ำเตือนถึงความห่างชั้นระหว่างเขากับนาง
และความห่างชั้นนี้เองที่ทำให้นางอดโมโหไม่ได้
“บุญคุณที่ช่วยชีวิต ต้องตอบแทนดุจสายธาร!”
“ไปไกลๆ เลย ผู้ใดอยากได้การตอบแทนจากท่านกัน” หลี่อันหรานสวนกลับ
เจียงเฉิงขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าหล่อเหลาของเขามีความเคร่งขรึมและน่าเกรงขาม เสียงถอนหายใจเบาๆ ที่พ่นออกจากจมูกมีความเยาะหยันที่ทำให้หลี่อันหรานไม่พอใจมาก
เชิงอรรถ
[1] ผิงกั่ว(苹果) หมายถึง แอปเปิล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้