ฉินโจ้วเลเวล 54 ส่วนหนานกงเสี่ยวก็ฝ่าด่านกำแพงเลเวล49 จนได้ก่อนจะมาถึงระดับ 50 ซึ่งเป็เื่ที่น่ายินดีเป็อย่างยิ่ง
าาซากศพพันปีนั้นดรอปของออกมาเพียงแค่สามชิ้นั้แ่ฉินโจ้วเคยจัดการบอสมา นี่เป็อัตราการดรอปที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากที่สุดแต่เมื่อเขาหยิบมันขึ้นมา เขาไม่เพียงไม่มีความสุข แต่กลับรู้สึกแปลกใจขึ้นแทนเพราะมันเป็ทักษะลับ 3 เล่ม ทั้งหมดเป็ทักษะลับถึงแม้ว่าจะเป็วิชาที่ไม่ค่อยน่าสนใจ แต่มันก็ยังเป็ที่นิยมเป็อย่างมากและยังทรงพลังอีกด้วย
ไท่อี่เทพสายฟ้า :สายฟ้าเป็เวทโจมตีชนิดหนึ่ง ที่รู้จักกันในนามของไท่อี่หยางเล่ยเป็สายฟ้าที่มาจาก์ พลังจากฟ้าดินหลอมรวมกันเป็พลังชี่ด้านบวกก่อนจะพุ่งลงมาบนโลกอย่างรุนแรงและหนักหน่วง ขจัดความมืดมน ความชั่วร้ายและต่อต้านสิ่งอัปมงคลต่างๆ
ท่วงทำนองเพลงกระชากใจ: เป็การโจมตีเวทด้วยคลื่นเสียงสามารถสร้างความเสียหายให้กับศัตรูที่อยู่ในทิศทางของเสียงที่กระจายออกไปไม่สามารถมองเห็นได้ แต่สามารถสังหารผู้คนได้โดยไม่ทันรู้ตัว สามารถโจมตีใส่ผู้เล่นคนเดียวหรือโจมตีแบบกลุ่มก็ได้
ทักษะดาบอาบโลหิต: มีสามระดับ เหมาะสำหรับใช้ต่อสู้ประชิดตัวในสนามรบเป็ทักษะการใช้ดาบของนายพลผู้กล้าที่ใช้ก่อนที่จะตาย (หมายเหตุ :ทักษะดาบนี้เหมาะกับการต่อสู้แบบนองเื ต้องสังหารผู้คนมากกว่าหนึ่งหมื่นคนจึงจะสามารถปลดล็อกความรุนแรงที่มากขึ้นและปลดล็อกพลังทักษะดาบระดับที่สอง)
แทบจะไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ''ท่วงทำนองเพลงกระชากใจ'' นั้นเหมาะกับหนานกงเสี่ยวส่วน ''ไทอี่เทพสายฟ้า'' ก็ต้องเป็ของฉินโจ้วส่วน ''ทักษะดาบอาบโลหิต'' นั้นทั้งคู่ล้วนไม่ชอบดังนั้นพวกเขาจึงเก็บเอาไว้ก่อน ในขณะที่ถือ ''ท่วงทำนองเพลงกระชากใจ''อยู่นั้น หนานกงเสี่ยวรู้สึกดีใจมากจนแทบจะอดใจไว้ไม่อยู่ผู้ใช้พิณเป็อาชีพที่หาทักษะลับได้ค่อนข้างยาก แทบจะไม่เคยมีวางขายในตลาดเลยและร้านค้าของระบบยิ่งไม่มีทางหาซื้อได้แน่ เธอกำลังคิดอยู่ว่า เธอยังไม่มีทักษะลับสำหรับอาชีพนี้เลยแล้วจู่ๆ ก็ได้มันมา ทำให้เธอดีใจจนพูดอะไรไม่ออกเลย
ใน่ที่หนานกงเสี่ยวกำลังใช้เวลาเพื่อเรียนรู้ทักษะ''ท่วงทำนองเพลงกระชากใจ'' ขณะนั้นฉินโจ้วก็กำลังเรียนรู้ไท่อี่เทพสายฟ้าอยู่เช่นเดียวกันด้วยทักษะที่ทรงพลัง ในเวลานี้ทำให้ทั้งคู่นั้นมีความรู้สึกมั่นใจเต็มเปี่ยมพวกเขาไม่ชอบอยู่เฉยๆ ในห้องสี่เหลี่ยม ดังนั้นจึงไม่เลือกการออฟไลน์เพื่อพักผ่อนแต่กลับเลือกที่จะฝ่าฟันต่อไป
ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจฉินโจ้วพบทางเข้าสู่สุสานชั้นที่สามอยู่ใต้แท่นหินที่เป็ตำแหน่งที่วางของโลงหินที่ชั้นสามของสุสานก็ยังคงมีผีดิบอยู่ แต่ว่ามันเป็ผีดิบกลายพันธุ์
ผีดิบเขี้ยวเงิน : ระดับ 56 พลังชีวิต 50,000 หน่วยร่างกายแข็งราวกับเหล็ก เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วคล้ายกับลมเชี่ยวชาญในการดูดเื จะดีใจมากถ้าเป็เืมนุษย์เนื่องจากได้รับไอแห่งความชั่วร้ายที่อยู่ใต้ดิน ทำให้ร่างกายค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละน้อยเขี้ยวทั้งสี่ที่งอกออกมาเป็สีเงิน มีความสามารถในการต้านทานเวทแห่งแสง 20%สามารถเดินในเวลากลางวันได้แต่ยังคงต้องหลีกเลี่ยง่เวลาเที่ยงวัน
แต๊ง...แต๊ง...
นิ้วเรียวยาวขาวเนียนดูนุ่มนวลพรมนิ้วไปบนสายพิณ คลื่นเสียงที่มองไม่เห็นกระจายออกมาเสียงที่ออกมาเหมือนกับเหล็กกำลังฝนบนทั่ง เสียดแสบแก้วหูยิ่งนักก่อนจะเกิดรอยลึกถึงกระดูกที่บริเวณคอของผีดิบเขี้ยวเงิน
แต๊ง... แต๊ง...คลื่นเสียงเริ่มขึ้นอีกครั้ง อ๊ะ... หัวของผีดิบเขี้ยวเงินที่เคยติดอยู่กับร่างตอนนี้ถึงกับหลุดกระเด็นออกไป รอยตัดราบเรียบราวกับใช้ของมีคม หลังจากผีดิบเขี้ยวเงินสูญเสียหัวของตนไปแล้วก็ล้มลงและตายในทันทีดรอปหินดูดเืออกมาสามก้อน
''ท่วงทำนองเพลงกระชากใจ''นี่เป็เพลงที่ยอดเยี่ยมเสียจริง โจมตีได้รุนแรงอย่างที่คิดเอาไว้เป็การโจมตีที่น่ากลัวมาก ซึ่งทำให้ฉินโจ้วถึงกับประหลาดใจเพียงแค่ปล่อยคลื่นเสียงออกไปสองครั้ง ซึ่งห่างกันเพียงชั่วครู่ก็สามารถจัดการได้ภายในเสี้ยววินาที ระดับของหนานกงเสี่ยวคือ 50 สามารถจัดการมอนสเตอร์ระดับ 56 ได้ภายในเสี้ยววินาทีก็ถือได้ว่ามีคุณสมบัติเป็ผู้เชี่ยวชาญในระดับต้นๆ แล้ว
ดูเหมือนกับว่าทางเดินของสุสานจะมีรูปทรงเหมือนกับพีรามิดกลับหัวเมื่อเปรียบเทียบกับชั้นที่สองแล้ว ทางเดินสุสานชั้นที่สามนี้ค่อนข้างเล็กกว่ามากซึ่งมีอัศวินปฐีเพียงสองตัวที่ยืนอยู่ด้านหน้าผีดิบเขี้ยวเงินนั้นแข็งแกร่งมากกว่าผีดิบทั่วไปที่เคยได้พบมามากนักทั้งความรุนแรงในการโจมตี และความสูงในการะโนั้นได้ถูกพัฒนาขึ้นเป็อย่างมากถึงแม้ว่าจำนวนจะน้อยลง มองไปก็เห็นว่ามีอยู่แค่สองตัว แต่รับมือได้ไม่ง่ายนักท่าทีของทั้งคู่ดูไม่ได้ผ่อนคลายลงเลยแม้แต่น้อย กลับต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น
แต๊ง...แต๊ง... คลื่นเสียงเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง
คลื่นเสียงทั้งสิบสายที่ปล่อยออกมานั้นไม่ต่างอะไรจากสายฟ้าที่ผ่าทะลวงก้อนเมฆแหลมคมดุจมีด อ่อนโยนราวกับสายลม ข้ามผ่านได้แม้กระทั่งความว่างเปล่า ผีดิบเขี้ยวเงินทั้งห้าตัวต่างก็หยุดยืนนิ่งรอยฉีกขาดที่คอเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ก่อนที่หัวจะสูญเสียการควบคุม และร่วงหล่นกลิ้งหลุนๆไปกับพื้นแล้วหยุดนิ่ง ปรากฏแสงสีเทาแห่งความตายลอยอยู่เหนือร่างผีดิบทั้งห้า จากนั้นก็มีอุปกรณ์และแร่หลายสิบก้อนดรอปออกมา
อัตราการดรอปของผีดิบเขี้ยวเงินนั้นสูงมากแต่ละตัวดรอปหินดูดเือย่างต่ำตัวละสามก้อน
หนานกงเสี่ยวหยุดเล่นพิณสีหน้าซีดเผือด แต่แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นการโจมตีด้วยคลื่นเสียงนั้นใช้พลังงานค่อนข้างมาก เธอเองเพิ่งเรียนรู้ ''ท่วงทำนองเพลงกระชากใจ'' ไม่นานก็ปลดปล่อยคลื่นเสียงออกไปมากกว่าสิบครั้ง ซึ่งนั่นก็คือขีดจำกัดสูงสุดแล้วทำให้ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหยุดพักเพื่อฟื้นฟูพลัง
ผีดิบพวกนี้เป็เผ่าพันธุ์ที่ค่อนข้างแปลกเส้นเสียงนั้นควรจะแข็งทื่อไปแล้ว แต่ในความเป็จริงพวกมันกลับสามารถสร้างเสียงขึ้นได้ถึงแม้ว่าเสียงอาจฟังดูแปร่งๆ และดูน่าเกลียดอยู่บ้างก็ตาม
ผีดิบเขี้ยวเงินตัวหนึ่งะโข้ามหัวอัศวินปฐีมาก่อนจะมุ่งตรงไปยังหนานกงเสี่ยว ดูเหมือนพวกมันจะรู้ว่าถ้าจะจับโจรจะต้องจับตัวหัวหน้า ฉินโจ้วยอมให้พวกมันทำแบบนั้นไม่ได้ ก่อนจะรีบก้าวขึ้นไปข้างหน้าเพื่อปกป้องหนานกงเสี่ยวไว้ลูกบอลสายฟ้าหลายลูกได้ส่องแสงกะพริบวาบอยู่บนฝ่ามือของเขาแต่ละลูกมีขนาดประมาณไข่ไก่ได้
ทันทีที่บอลสายฟ้าปรากฏขึ้นก็เกิดประกายรัศมีเจิดจ้าราวกับดวงตะวันขนาดย่อม ส่องสว่างไปทั่วห้องสุสานพลังที่ยิ่งใหญ่นี้ดูเหมือนจะมีความพิเศษอยู่ เมื่อปรากฏขึ้นผีดิบเขี้ยวเงินก็รับรู้ได้ทันที ก่อนจะมีร่องรอยความหวาดกลัวและความร้อนรนแสดงขึ้นให้เห็นบนสีหน้าคล้ายกับว่าจุดจบใกล้จะมาถึงแล้ว ทำให้การโจมตีและการกระทำต่างๆ พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
"ไท่อี่เทพสายฟ้าไปเลย..." ฉินโจ้วะโขึ้นด้วยเสียงอันดังก่อนจะขว้างบอลสายฟ้าที่อยู่ในมือออกไป ดูเหมือนว่าสายตาเขายังดีอยู่ บอลสายฟ้าพุ่งเข้าชนผีดิบเขี้ยวเงินที่อยู่กลางอากาศ
เปรี้ยง!
เกิดเสียงดังขึ้นคล้ายกับเสียงฟ้าผ่าพลังงานที่ยิ่งใหญ่และรุนแรงเกิดการะเิขึ้นทำให้ผีดิบเขี้ยวเงินถูกะเิออกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย จนไม่เหลือซากเหลือไว้เพียงหินดูดเืจำนวนสามก้อน และอุปกรณ์ระดับทองคำที่ตกอยู่ความรุนแรงของะเินั้นน่าตกตะลึงและน่าหวาดกลัวยิ่งนัก ส่งผลให้ผีดิบเขี้ยวเงินที่เหลือถึงกับนิ่งงันพลังของสายฟ้าที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในอากาศทำให้พวกมันต่างรู้สึกหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณเป็ความรู้สึกที่ควบคุมอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ จึงไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีอื่นใด
ใน่ที่ผีดิบเขี้ยวเงินกำลังตะลึงงันอาศัยจังหวะนี้ด้วยความแข็งแกร่งของฉินโจ้ว เมื่อเขาปล่อยพลัง ''ไท่อี่เทพสายฟ้า'' ออกมาไม่ต่ำกว่าสิบลูกทำให้เกิดะเิอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผีดิบเขี้ยวเงินนับสิบตัวถูกแรงะเิจนไม่เหลือแม้แต่เศษซากในเวลานี้จึงเกิดพื้นที่ว่างขึ้นอย่างกะทันหันในกองทัพผีดิบ
พลังจิตที่ส่งผ่านออกไปทางฝ่ามืออย่างต่อเนื่องราวกับฉินโจ้วเป็เครื่องจักรที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หลังจากที่ปล่อย ''ไท่อี่เทพสายฟ้า'' ออกไปเป็จำนวนหลายสิบลูกสายฟ้าอีกนับโหลก็ถูกเรียกขึ้นมาและขว้างตามออกไปอีกหลายสิบชุดในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ''ไท่อี่เทพสายฟ้า'' ถูกขว้างออกไปไม่ต่ำกว่าแปดสิบลูก ก่อนที่เขาจะหยุดพักหายใจนั่นทำให้ผีดิบเขี้ยวเงินไม่ต่ำกว่าแปดสิบตัวถูกจัดการ แต่ดูเหมือนว่ายังไม่มากพอฉินโจ้วสูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง และจ้องมองไปทางซากศพทั้งหลายดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ใน่เวลาไม่ถึงนาทีมอนสเตอร์ระดับ 56 ถูกจัดการไปถึงแปดสิบตัวพลังในการโจมตีนี้ก็เปรียบได้กับเวทมนตร์ระดับสูง ถ้าการโจมตีเช่นนี้เผยแพร่ออกไป ผู้คนคงพูดเป็เสียงเดียวกันว่าบ้าไปแล้วแน่นอน
ใน่เวลาที่ผีดิบเขี้ยวเงินถอยร่นออกไปทั้งสองรีบหยิบไอเทมที่ตกอยู่อย่างรวดเร็วเท่าที่จะเร็วได้ก่อนจะให้อัศวินปฐีสองตัวเริ่มการโจมตีรอบใหม่นี่ช่างเป็การเดินทางที่สุดแสนจะวิเศษในการจัดการมอนสเตอร์เสียจริง
เวลาผ่านไปเพียงเล็กน้อยเลเวลของฉินโจ้วก็เพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ เป็เลเวล 55
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงครึ่งระดับของหนานกงเสี่ยวก็เพิ่มขึ้น เป็เลเวล 51
สามชั่วโมงผ่านไปแสงแห่งการเพิ่มระดับก็ส่องประกายขึ้นเหนือหัวของคนทั้งคู่พร้อมกันตอนนี้เลเวลของฉินโจ้วคือ 56 ส่วนของหนานกงเสี่ยวอยู่ที่ 52
ไม้เท้าเวทที่มือซ้ายของฉินโจ้วทำหน้าที่ร่ายเวท''หน่วง'' ซึ่งถูกยิงออกมาอย่างรวดเร็วราวกับปรอทส่วนมือขวาก็ปล่อย ''ไท่อี่เทพสายฟ้า'' ออกมาลูกแล้วลูกเล่าการผสมผสานทักษะทั้งคู่นั้นราวกับเสือติดปีก ทำให้ผีดิบเขี้ยวเงินหวาดกลัวเป็อย่างมากหลังจากที่เปลี่ยนพวกมันเป็ค่าประสบการณ์ตัวแล้วตัวเล่าฉินโจ้วและหนานกงเสี่ยวก็เพิ่มระดับขึ้นอีกครั้ง
ภายใต้การร่วมมือของฉินโจ้วและหนานกงเสี่ยวทำให้ผีดิบเขี้ยวเงินในสุสานชั้นที่สามนี้ถูกจัดการลงอย่างรวดเร็วและพวกเขาก็มาถึงหลุมศพที่เป็จุดสิ้นสุดทางเดินของสุสาน
ทั้งหลุมศพและบรรยากาศยังเป็แบบเดียวกันแต่ที่แตกต่างก็คือหลุมศพนี้มีความงดงามมาก มีโลงศพสัมฤทธิ์วางอยู่ที่กึ่งกลางห้องที่น่าสังเกตคือ ในสมัยโบราณนั้น ทองแดงเป็อุปกรณ์ที่ค่อนข้างแข็งแรง ไม่ใช่ว่าคนธรรมดาทั่วๆไปจะใช้ได้ ผู้ที่สามารถใช้โลงศพสัมฤทธิ์น่าจะเป็คนที่ค่อนข้างสูงศักดิ์หรืออาจมีความใกล้ชิดกับจักรพรรดิ ตะเกียงน้ำมันส่องสว่างทั้งสี่ที่อยู่บนกำแพงก็ถูกแทนที่ด้วยตะเกียงเงิน
ทั่วทั้งโลงสัมฤทธิ์นั้นถูกแกะสลักเต็มไปด้วยรูปัร่างของัห่อหุ้มโลงศพโดยรอบ ซึ่งดูเหมือนจริงมากและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ฉินโจ้วสังเกตอย่างใกล้ชิดก็พบว่า อุ้งเท้านั้นมีกรงเล็บเพียงสี่เล็บตามการแบ่งแบบโบราณนั้น "ห้ากรงเล็บคือั สี่กรงเล็บคืองูแสดงว่านี่ควรจะต้องเป็งู โดยแบ่งเป็ "ห้ากรงเล็บ หมายถึง กษัตริย์ สี่กรงเล็บเป็เ้าชาย สามกรงเล็บคือ หมอ"ถ้าให้เดาสถานะของบุคคลที่อยู่ในโลงนี้ ก็น่าจะเป็เ้าชายองค์ใดองค์หนึ่ง
ฟ่อ...ฟ่อ...
ในขณะที่ฉินโจ้วกำลังคิดว่าจะลงมืออย่างไรดีก็มีเสียงบาดหูคล้ายกับโลหะครูดกับหินดังขึ้นในห้องสุสาน เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ ในสภาวะแวดล้อมเช่นนี้ เสียงที่ดังขึ้นกะทันหันทำให้คนทั้งคู่ต่างพากันใดูเหมือนว่าเ้าของห้องคงจะใจร้อน ยังไม่ทันทำอะไรเลยก็รีบออกมาต้อนรับแขกเสียแล้ว
เคร้ง... แคร้ง...
ฝาโลงศพถูกพลิกหงายไปบนพื้นผีดิบสีเงินลอยออกมาจากโลงศพทองแดง ก่อนจะร่อนลงบนพื้นอย่างไร้สุ้มเสียงคล้ายกับิญญาหลังจากที่ลงสู่พื้น ใบหน้าแสดงถึงความงุนงงเล็กน้อยดูเหมือนจะยังไม่ฟื้นคืนสติเต็มที่ หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองมันทำจมูกฟุดฟิด หันกลับมาและจ้องเขม็งไปยังคนสองคน วินาทีต่อมาก็เริ่มส่งเสียงแหบพร่า้าที่จะดื่มเืก่อนที่จะพุ่งตรงมาหาทั้งสองคน
ฉินโจ้วค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นเพราะถ้าผีดิบไม่ยอมออกมา เขาเองก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เวลานี้เมื่อมันออกมาแล้วก็ค่อยง่ายขึ้นหน่อยในขณะที่มองดูการเคลื่อนไหวของมัน เขาก็เช็กสถานะของผีดิบไปด้วย
ผีดิบเงิน : ระดับ 58 พลังชีวิต 150,000 หน่วยก่อนตายเคยเป็เ้าชายทางดินแดนตะวันตกมาก่อน สถานะค่อนข้างสูงถูกฝังพร้อมกับช้างสี่เชือกเป็องครักษ์ ร่างกายดูดซับพลังชี่จากสภาพแวดล้อมหลังจากผ่านไปพันปีก็ก่อตัวเป็ซากศพสีเงินที่ค่อนข้างหาได้ยาก มีพิษร้ายแรงมากสามารถตายได้ทันทีที่ััถูก และไม่มียาแก้พิษ เคลื่อนไหวเหมือนสายลม รวดเร็วไร้ซึ่งเสียง เนื่องจากมีร่องรอยทางสติปัญญาอยู่เล็กน้อยจึงพัฒนาจนมีสติปัญญาเป็ของตนเอง
หลังจากฉินโจ้วได้อ่านรายละเอียดของผีดิบเงินแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ก่อนจะร้องออกมาว่า "ไม่นะ... ยกเลิกคำสั่งไม่ทันแล้ว..." แคร้ง...อัศวินปฐีโจมตีเข้าใส่ร่างของผีดิบเงิน ทันทีที่หอกดำยาวััถูกร่างของผีดิบเงินแสงสีเงินก็เปลี่ยนไปคล้ายกับงูสีเงิน เลื้อยผ่านหอกดำยาวของอัศวินปฐีไปที่ฝ่ามือเป็อันดับแรกก่อนจะไปที่แขน ที่หน้าอก และหลังจากนั้นก็กระจายไปทั่วร่างความว่องไวนั้นเร็วเกินที่จะป้องกันตัวได้ทัน เพียงแค่ชั่วอึดใจอัศวินปฐีก็เหมือนถูกห่อหุ้มด้วยผ้าคลุมสีเงินไปทั่วทั้งตัว จนกลายเป็ก้อนสีเงินส่องประกายระยิบระยับแวววาวมาก
ฉินโจ้วรู้สึกเสียใจในใจรู้สึกเ็ปแปลบราวกับถูกเข็มทิ่มแทง เมื่อหันไปมองดูอัศวินปฐีอีกครั้งร่างที่ใหญ่โตก็สูญเสียความแข็งแกร่งไปในทันที ก่อนจะล้มลงกระแทกกับพื้นเปลี่ยนสภาพกลายเป็บ่อของเหลวสีเงินจากนั้นของเหลวสีเงินก็เปลี่ยนตัวเองเป็งูสีเงินแล้วพุ่งหวือกลับไปที่นิ้วเท้าของร่างผีดิบเงินและก็หายไปอัศวินปฐีทั้งสองตายลง ผีดิบเงิน ''หยางเทียน'' ส่งเสียงหวีดร้องห้องสุสานถึงกับสั่นไหวจากเสียงหวีด บรรยากาศเปลี่ยนไปเป็ความน่าสะพรึงกลัวแสงสีเงินของอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะแข็งแรงและทรงพลังอย่างไม่มีอะไรเปรียบ
แสงสีเงินไม่เพียงแต่เป็พิษร้ายแรงเท่านั้นแต่ยังมีความสามารถในการดูดกลืนสิ่งมีชีวิตอีกด้วยคล้ายกับการดูดของดาวที่มีอายุมาก ในใจของฉินโจ้วคิดว่าน่าจะเป็เช่นนั้น
หลังจากที่ผีดิบเงินจัดการกับอัศวินปฐีทั้งสองตัวไปแล้วมันก็ยังไม่พอใจ หรืออาจเป็เพราะอัศวินปฐีไม่สามารถโจมตีมันได้อีกต่อไปร่างกายจึงเคลื่อนไหวและสั่นเหมือนผีเข้า ฉินโจ้วไม่กล้าที่จะปล่อยให้มันเข้ามาใกล้ก่อนจะแตะปลายเท้าลงที่พื้นและเคลื่อนไปด้านข้าง ห่างไปอีกสามฟุตเพื่อหลบการโจมตีของผีดิบเงิน ในมือมีประกายแสงของสายฟ้าบอลสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
"ระวัง"หนานกงเสี่ยวอุทานขึ้นอย่างรวดเร็ว นิ้วเรียวยาว ขาวเนียนดูนุ่มนวลพรมนิ้วไปบนสายพิณอย่างรวดเร็ว แตร๊ง... แต๊ง... คลื่นเสียงดนตรีก็พุ่งออกไปตรงเข้าไปสู่สมองของผีดิบเงิน ทำให้การเคลื่อนไหวของผีดิบเงินหยุดนิ่งกรงเล็บที่เกือบจะถึงคอของฉินโจ้วก็หยุดลงทันที
ฉินโจ้วถึงกับตกตะลึง เหงื่อเย็นไหลทั่วร่างความเร็วของผีดิบเงินนั้นเร็วกว่าเขาถึงสามส่วน สามารถอ้อมมาอยู่ด้านหลังได้โดยปราศจากสุ้มเสียงถ้าไม่ได้หนานกงเสี่ยวช่วยหยุดเอาไว้ เขาคงถูกโจมตีเข้าให้แล้วไม่รู้ว่าร่างที่ทนต่อพิษของเขาจะสามารถต้านทานพิษจากแสงสีเงินได้หรือไม่นี่เหมือนกับการต่อสู้ของโล่และหอก ซึ่งฉินโจ้วเองก็ไม่ได้อยากจะลองสักเท่าไร
ถึงอย่างนั้นแล้วเนื่องจากระดับของหนานกงเสี่ยวนั้นต่ำกว่าผีดิบเงินค่อนข้างมากการโจมตีด้วยท่วงทำนองเพลงกระชากใจสามารถหยุดผีดิบเงินไม่ให้เคลื่อนไหวได้เพียงชั่วขณะแต่นั่นก็เพียงพอสำหรับฉินโจ้วมากแล้ว
"ไท่อี่เทพสายฟ้า"
"เขย่าิญญา"
"หน่วง"
การโจมตีทั้งสามพุ่งเข้าใส่ผีดิบเงินอย่างต่อเนื่องรวดเร็ว ฉับไว
บึ้มม...
"ไท่อี่เทพสายฟ้า"ะเิขึ้นและตัวเลขความเสียหาย -5,000 หน่วยลอยอยู่เหนือหัวของผีดิบเงินผีดิบเงินที่กำลังตกตะลึงจากการโดน ''ไท่อี่เทพสายฟ้า''โจมตีอย่างไม่รู้ตัวและทำไมถึงไม่สามารถหลบหลีกได้เมื่อโดนโจมตีด้วย ''เขย่าิญญา''โชคดีที่การโจมตีนั้นสำเร็จ ทำให้ร่างกายของผีดิบเงินหยุดนิ่งและจิตใจก็สับสน ฉินโจ้วย่อมไม่ปล่อยโอกาสดีๆ แบบนี้ให้หลุดลอยไป
"หน่วง""หน่วง" "หน่วง"...
ฉินโจ้วรู้สึกหวาดกลัวกับความเร็วของผีดิบเงินที่รวดเร็วเกินไปซึ่งใช้ ''หน่วง'' เพื่อจำกัดความเร็วเอาไว้สองวินาทีต่อมา ก็ใช้ ''เขย่าิญญา'' สำเร็จอีกครั้ง จากนั้นก็ใช้ ''หน่วง'' โจมตีอย่างต่อเนื่องแล้วตามด้วย ''เขย่าิญญา'' อีกครั้วและตามด้วยเวทดีบัฟ ซึ่งผีดิบเงินเองก็ไม่คาดคิดมาก่อน จึงประมาทไปชั่วครู่ ทำให้ไม่สามารถขยับร่างกายได้และด้วยการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของฉินโจ้วทำให้ค่าสถานะของผีดิบเงินนั้นลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว
หนานกงเสี่ยวถือพิณรอเอาไว้ เพื่อเตรียมโจมตีและป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้น
ผีดิบเงินนั้นมีทักษะที่ยังไม่ได้ถูกใช้อีกหลายอย่างแต่เมื่อพบกับคนที่นิสัยผิดปกติไม่เหมือนคนอื่นอย่างฉินโจ้วจึงทำได้เพียงแค่ทนเก็บเอาไว้ภายใต้การโจมตีของ ''ไท่อี่เทพสายฟ้า''และ ''หน่วง'' ทำให้พลังชีวิตของผีดิบเงินนั้นเกือบจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว''เขย่าิญญา'' นั้นเป็มากกว่าเวทมนตร์ซึ่งสามารถใช้หยุดยั้งได้อย่างชะงัด
"เขย่าิญญา"
กระแสลมสีเทาพุ่งตรงไปยังผีดิบเงินก่อนจะแสดงสัญลักษณ์ล้มเหลวขึ้นในใจของฉินโจ้วนั้นเต้นรัวเมื่อล้มเหลว ไม่มีอัตราความสำเร็จ 100% สำหรับเวทมนตร์ทุกชนิด ถึงแม้โชคของฉินโจ้วนั้นจะดีมากซึ่งไม่เคยเกิดเหตุการณ์ล้มเหลวมาก่อนเลย แต่ในเวลานี้เขารู้สึกว่ามืดแปดด้านโอกาสที่จะได้พบเจอผีนั้นมีค่อนข้างน้อย แต่ดูเหมือนว่ามันจะเกิดขึ้นแล้วโชคไม่ดีที่ในเวลาคับขันเช่นนี้ ''เขย่าิญญา'' กลับล้มเหลวเป็ครั้งแรก
ฉินโจ้วก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าเวทมนตร์นั้นล้มเหลว เขาก็ถอยกลับทันที แต่ดูเหมือนว่าผีดิบเงินนั้นจะตอบโต้กลับได้รวดเร็วมากกว่าปลายสีเงินได้เปลี่ยนไปกลายเป็งูฝูงใหญ่เคลื่อนไหวยั้วเยี้ยอยู่รอบตัวของฉินโจ้ว
ดูเหมือนว่าิญญาของฉินโจ้วจะตกอยู่ในอันตรายเสียแล้วความเร็วของฝูงงูสีเงินนั้นรวดเร็วมาก ไม่รู้ว่าจะหลบไปทางไหนดี ความคิดวิ่งวนสับสนวุ่นวายอยู่ในหัวของเขา และดูเหมือนว่าเขาน่าจะหลีกหนีอันตรายที่อยู่ตรงหน้าครานี้ไม่พ้นเสียแล้วก่อนจะหลับตาลงเตรียมพร้อมที่จะตาย
คงเรียกได้ว่าเป็มอนสเตอร์ที่มีความฉลาดมากวิธีการโจมตีนั้นไม่มีการโจมตีอย่างรีบร้อน ซึ่งเทียบไม่ได้กับมอนสเตอร์ตัวอื่นๆถึงแม้ว่าความรวดเร็วนั้นจะถูก ''หน่วง'' ทำให้ช้าลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดจะโจมตีผู้เล่นั้แ่แรกกลับใช้ทักษะโจมตีโดยตรงแทน ทำให้ฉินโจ้วที่้าหลบหนีก็หนีไม่ได้และเวลาที่ลงก็ค่อนข้างเหมาะสมและแม่นยำทันทีที่ฉินโจ้วมีปฏิกิริยาตอบสนองและถอยหนี ซึ่งก็ใช้เวลาราวหนึ่งวินาทีเท่านั้น อย่างไรก็ตามแม้ว่างูสีเงินจะรวดเร็วแต่ก็ไม่น่าจะไล่ตามฉินโจ้วได้ทัน
สุดท้ายแล้วทุกความคิดในหัวของเขาก็ถูกร้อยเรียงเป็คำคำหนึ่งขึ้นมานั่นก็คือต่อไปนี้อย่าดูถูกมอนสเตอร์อีก
ใน่เวลาวิกฤติเสียงพิณก็ดังขึ้น ไม่ต่างจากเสียงฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิซึ่งสั่นะเืไปทั่วบริเวณ
งูสีเงินที่พุ่งเข้าโจมตีความยาวประมาณเจ็ดชุ่นจู่ๆ ก็กลายเป็งูที่ตายแล้วก่อนจะแยกกระจัดกระจายออกเป็ชิ้นๆ อย่างรวดเร็วอยู่กลางอากาศ
เสียงพิณนั้นราวกับเอลฟ์ในสายลมสามารถเคลื่อนที่ด้วยการะโในอากาศ ทุกครั้งที่ะโ ิญญาของงูก็จะสลายไปแต่กับฉินโจ้วที่อยู่ใกล้ๆ นั้นไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลยดูท่าการควบคุมเสียงพิณของหนานกงเสี่ยวจะได้รับการเลื่อนระดับขึ้นแล้ว
"ดับสูญว่างเปล่า"
"สำเร็จ!"
ฉินโจ้วะโขึ้นด้วยเสียงอันดังนี่เป็ครั้งแรกที่ได้ใช้ทักษะที่ได้เรียนรู้มาจากหัวหน้าหมาป่าั์สวมเกราะสีคราม
เกิดรอยแยกของมิติสีดำขึ้นเป็เส้นคล้ายกับการทอผ้าของหญิงสาว ดูผอมบาง มีขนาดยาวปลดปล่อยพลังแห่งความตายออกมาอย่างเงียบเชียบทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างซึ่งผีดิบเงินเองยังไม่ทันได้สังเกตเห็น ทันใดนั้นศีรษะขนาดใหญ่โตก็พลันหายไปเฉยๆตามมาด้วยส่วนของร่างกายท่อนบน ขา และสุดท้ายก็ทั้งร่างหายไปในอากาศ กลายเป็ฝุ่น PM 2.5 ก่อนที่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย และตายลงอย่างสงบไม่รู้สึกเ็ป ไม่รู้ว่าผีดิบเงินจะรู้หรือไม่ว่าตกอยู่ในอันตรายตอนไหนจนกระทั่งตายลงแต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผีดิบเงินจะคิดอย่างไรก่อนที่จะตาย สุดท้ายแล้วก็ต้องตายเหมือนกันอยู่ดีในที่สุดก็จบลงสักที ผีดิบเงินดรอปอุปกรณ์ออกมาสี่ชิ้นและหินดูดเือีกสามสิบก้อน
พลังชีวิตของผีดิบเงินนั้นถูกโจมตีจนลดต่ำกว่า10% ใน่ที่อ่อนแอ ประกอบกับโชคดีของฉินโจ้ว ทำให้"ดับสูญว่างเปล่า" โจมตีสำเร็จในครั้งเดียว
ติ๊ง!ระบบแจ้งเตือน ขอแสดงความยินดีด้วยผู้เล่นเมามายซบตักสาวงามได้เลื่อนระดับขึ้นหนึ่งขั้น เลเวล 57
ลำแสงสีขาวปรากฏขึ้นเหนือหัว หนานกงเสี่ยวก็เพิ่มระดับเป็เลเวล 53
ถึงแม้ว่าผีดิบเงินนั้นจะไม่มีชื่อนำหน้าว่าบอส แต่ความแข็งแกร่งก็ถือว่าใกล้เคียงกัน ไม่ต่างกันเท่าไรนักในฐานะที่เป็หัวหน้าของสุสานชั้นที่สาม ค่าประสบการณ์ที่ได้ถือว่าค่อนข้างมากทำให้ทั้งคู่ต่างรู้สึกขอบคุณเป็อย่างยิ่ง