"อาจารย์หวัง"
"น้องหวังคุณอยู่ที่นี่ด้วยหรือ?"
มีกลุ่มคนจำนวน5-6 คน เดินเข้ามาจากด้านนอก พวกเขากำลังจะตรงไปยังห้องส่วนตัวแต่เมื่อเห็นหวังโหรวพวกเขาจึงได้หันกลับมา สองคนที่ทักทายนั้นคนหนึ่งเป็นักเรียนของหวังโหรวชื่อว่า จ้าวเล่ยส่วนอีกคนเป็เพื่อนร่วมงานของหวังโหรวชื่อ จางฮั่น เป็อาจารย์สอนแคลคูลัสมีนักเรียนอีกสามคน แต่ไม่ได้เรียนกับหวังโหรว พวกเขาจึงไม่ได้กล่าวทักทาย
"อืม..."หวังโหรวตอบ แต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้น ถึงแม้ว่าเธอจะยิ้มตอบ แต่ก็แฝงไปด้วยความเ็าหวังโหรวนั้นเป็คนที่มีมารยาทเป็อย่างมาก จ้าวเล่ยเป็นักเรียนของเธอ เธอจึงพยักหน้าเป็การตอบรับส่วนจางฮั่นเป็เพื่อนที่ทำงานของเธอ หวังโหรวไม่ได้ลุกขึ้นตอบรับ แต่แค่พูดออกไปในความเข้าใจของฉินโจ้ว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบแต่เธอก็จะไม่แสดงท่าทีที่ไร้มารยาทออกมา ถ้าเป็ไปตามที่คิดฉินโจ้วจึงจ้องมองจางฮั่นด้วยสายตาไม่เป็มิตรนัก
ใบหน้าของจางฮั่นเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นแต่เพราะปฏิกิริยาของหวังโหรวทำให้คำพูดที่เขาอยากจะพูดติดอยู่ที่ลำคอเขาจึงไม่สามารถเอ่ยออกไปได้ ก่อนที่สีหน้าของเขาจะกลายเป็สีแดงและทำให้รู้สึกท้อใจ ถึงเขาจะรู้มาก่อนว่าอาจารย์หวังนั้นไม่ชอบคุยกับเขา ถ้าแกล้งทำเป็ไม่เห็นคงจะดีกว่านี้ท่ามกลางความกระอักกระอ่วน เขาก็หันไปเห็นฉินโจ้วก่อนที่ั์ตาของเขาจะเบิกกว้างและทำให้เขาเกิดความสนใจขึ้นมาทันที
"ไม่ใช่นายคนนั้นหรอกหรือ? ฉินอะไรนะ... ที่ลาออกก่อนที่จะเรียนจบน่ะ ผมคิดว่าผมคงไม่ได้พบคุณอีกนักเรียนฉิน... นี่ช่างเป็เื่บังเอิญจริงๆ ผมแนะนำตัวก่อนผมจางฮั่นเป็อาจารย์สอนคณิตศาสตร์ที่โรงเรียน"ก่อนที่จ้าวเล่ยจะทักทายฉินโจ้วด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
ฉินโจ้วเองก็ไม่มีทางเลี่ยงนี่เขาดูเหมือนลูกพลับนิ่มมากเลยหรืออย่างไร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ลุกขึ้นก่อนจะพูดแสดงความเคารพกับจางฮั่น"สวัสดีครับอาจารย์"การเคารพครูบาอาจารย์เป็สิ่งที่ควรทำและมันก็เป็มารยาทที่ต้องมี
การให้ความเคารพของฉินโจ้วทำให้จางฮั่นคลายความอึดอัดเมื่อสักครู่ลงและด้วยนิสัยจากอาชีพของเขาจึงได้กล่าวแนะนำอย่างจริงใจว่า "ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงต้องออกจากโรงเรียนกลางคันแต่ความรู้นั้นมันคือพลัง ไม่ว่านายจะไปทำอะไรก็ตามนายไม่สามารถทำได้โดยปราศจากความรู้ หรือแม้แต่การจะหางานทำ นายอาจจะหางานดีๆทำได้ยากถ้าไม่มีปริญญา ดังนั้นถึงแม้ว่านายจะไม่ได้อยู่ในโรงเรียนแล้วแต่ก็ยังสามารถอ่านหนังสือได้ ไม่มีใครที่จะแก่เกินเรียนหรอก เข้าใจไหม?"
ฉินโจ้วยังไม่ได้ตอบอะไรแต่ชูหลิงก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงปกติว่า "เท่าที่ฉันรู้ส่วนใหญ่เ้าของธุรกิจก็มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีปริญญานะแต่พวกลูกน้องเขาต่างหากที่มีใบปริญญา" ถึงแม้ว่าชูหลิงนั้นจะเรียนจบมหาวิทยาลัยแต่เธอก็ไม่ได้รับปริญญาบัตร นี่เลยกลายเป็แผลในใจเธอ ดังนั้นแล้วนอกจากหวังโหรวคนอื่นถึงไม่รู้ว่าทำไมชูหลิงอยู่ๆ ถึงได้อารมณ์เสีย
ถ้าฉินโจ้วเป็คนพูดก็ไม่มีปัญหาแต่นี่เป็ชูหลิงสาวงามคนหนึ่งที่จะตอบโต้ก็ไม่สามารถทำได้หรือจะด่าว่าก็ทำไม่ได้อีกเช่นกัน จางฮั่นจึงทำได้แค่หยุดพูดไปโดยปริยาย
"ที่ผมกำลังพูดถึงอยู่นั้นหมายถึงพวกนักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนเธอก็พูดง่ายนี่เพราะเธอจบจากโรงเรียนไปแล้ว ก็เหมือนกับเกมนั่นแหละ เมื่อเร็วๆนี้ เกมเหยี่ยวั่งที่เป็ที่นิยมมากของโลก ผมจะบอกอะไรให้อาจารย์จางคนนี้เป็ถึงผู้นำกลุ่ม 1 ใน 5 คนของกิลด์ต้นไม้ทงเทียน ที่ติด 1 ใน 5กิลด์ดังของจีน และตอนนี้ระดับเลเวลอยู่ที่ 25 แล้วด้วย" จ้าวเล่ยนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาส่วนเด็กนักเรียนอีกสามคนที่อยู่ด้านหลังก็มองดูด้วยความรู้สึกเดียวกันที่จริงแล้วเหตุผลที่พวกเขาชวนจางฮั่นมากินอาหารเย็นวันนี้เพราะ้าจะเข้าร่วมกับกิลด์ต้นไม้ทงเทียนทั้งห้ากิลด์แทบไม่มีที่ว่างให้สำหรับกลุ่มผู้เล่นระดับทั่วไป เขา้าแต่ระดับผู้เชี่ยวชาญขึ้นไปจึงเป็การยากที่ผู้เล่นทั่วไปจะเข้าไปมีส่วนร่วมได้ ซึ่งเป็ที่น่าเสียดายว่าทั้งสามคนนั้นเป็เพียงผู้เล่นธรรมดาทั่วไป
"ฉันยังไม่ได้ออกจากหมู่บ้านโนวิสเลยฉันเลยไม่รู้หรอกว่ากิลด์ทั้งห้านั้นเป็อย่างไร" ชูหลิงตอบอย่างเฉยชาน้ำเสียงฟังดูไม่สนใจเลยสักนิด เกมเหยี่ยวั่งอันที่จริงเธอนั้นรู้จักดีกิลด์ต้นไม้ทงเทียนเธอเองก็รู้ ก่อนจะมองพวกเขาอย่างไม่สบอารมณ์
จ้าวเล่ยถึงกับพูดไม่ออกผู้เล่นที่ยังไม่ออกจากหมู่บ้านโนวิสกับกิลด์ทั้งห้า ก็เหมือนกับหัววัวไม่ตรงกับปากม้า(ไม่เกี่ยวข้องกัน ไม่สอดคล้อง) เพราะว่าระดับของเขานั้นยังไม่มากพออีกอย่างสาวงามมักไม่ค่อยมีเหตุผลสักเท่าไร จ้าวเล่ยทำได้แค่ปลอบใจตัวเองก่อนจะกลืนคำตอบที่จะตอบลงท้องให้เน่าอยู่ในท้องต่อไป
เมื่อได้จังหวะหวังโหรวจึงเอ่ยขึ้นว่า"อาจารย์หวัง ยังมีอีกหลายคนกำลังรอกินอาหารเย็นอยู่คงไม่ดีนักถ้าจะปล่อยให้หิวมากกว่านี้
"ขอบคุณมากน้องหวังที่เป็ห่วงพวกเราไม่รบกวนเวลาคุณแล้ว" ในขณะที่จางฮั่นกำลังจะเดินจากไปถึงแม้ว่าเขาเองจะรู้สึกอึดอัดใจ แต่เขาก็ยังคงยิ้มให้อย่างสุภาพก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องส่วนตัวพร้อมกับเด็กนักเรียน แต่เขาก็ดูไม่เป็มิตรกับฉินโจ้วสักเท่าไร
ฉินโจ้วเองในเวลานี้ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เพราะในความเป็จริงเขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเลย คำพูดที่ทำให้ผู้คนขุ่นเคืองเ่าั้ก็มีแต่ชูหลิงที่เป็คนพูดแต่ถึงอย่างไรคนพวกนั้นก็คงไม่ชอบเขาและเขาก็อาจจะต้องโดนนินทาเื่นั่งคู่กับสองสาวงามอยู่ดี
หวังโหรวส่ายหน้าก่อนจะถอนหายใจ"มันช่างน่าเบื่อน่ารำคาญเสียจริง"
"ใครใช้ให้เธอแต่งตัวสวยไปสอนล่ะก็ย่อมต้องดึงดูดฝูงผึ้งฝูงผีเสื้อเป็ธรรมดา" ชูหลิงพูดพร้อมรอยยิ้มเธอมีประสบการณ์เื่แบบนี้มาก่อน ทำให้มีภูมิคุ้มกันเป็ธรรมดา
"อาจารย์หวังเขาเป็คนที่มีเสน่ห์มากอยู่แล้ว"ฉินโจ้วตอบอย่างเห็นด้วย
"ผู้หญิงเขาจะคุยกันพวกผู้ชายน่ะหุบปากไปเลย" น้ำเสียงชูหลิงฟังดูดุดันก่อนที่สายตาจะเหลือบไปทางด้านล่างของฉินโจ้วอย่างตั้งใจฉินโจ้วถึงกับหยุดพูดโดยทันที ก้มหน้ามองพื้นอย่างเขินๆ ผู้หญิงนี่มักจะรู้วิธีคุกคามจุดอ่อนของคนเสียจริง
"นี่ไม่ใช่เื่ล้อเล่นนะหลิงหลิง เธอลาออกจากงานแล้ว แล้วเธอคิดไว้หรือยังว่าจะทำอะไรต่อในอนาคต?"หวังโหรวถามด้วยความเป็ห่วง
"ฉันก็คงต้องหางานใหม่ฉันไม่มีใครคอยส่งเสริม และก็คงไม่สามารถเที่ยวเล่นไปวันๆ เหมือนพวกคนรวยพวกนั้นถ้าฉันไม่ได้มีพ่อรวยเหมือนบิลเกตส์" เธอรู้สึกเป็ทุกข์อยู่บ้างก่อนจะพูดว่า การหางานน่ะไม่ยาก แต่จะหางานที่ดีๆ นี่สิยากกว่า
"ถ้าไม่อย่างนั้นจะมาทำงานกับฉันไหม?"หวังโหรวถาม
"ที่มหาวิทยาลัยเจียงซีน่ะเหรอเธอล้อฉันเล่นหรือเปล่า ฉันไม่ได้มีใบปริญญานะ ใครเขาจะจ้างฉัน"ชูหลิงตอบพลางส่ายหน้า
"ไม่ใช่มหาวิทยาลัยฉันกำลังพูดถึงเกม ''เหยี่ยวั่ง'' ในเกมเหยี่ยวั่งฉันตั้งบริษัทขึ้นมาแต่ฉันไม่มีเวลามาที่นี่บ่อยเพราะติดสอน เอาแบบนี้เป็ไงพวกเราพี่น้องมาสร้างอาชีพที่นี่กันแสดงให้พวกผู้ชายเห็นว่าเรานั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขา"หวังโหรวกำลังพูดเพื่อดึงดูดใจ
"ว้าว..."ตาคู่นั้นของชูหลิงถึงกับเบิกกว้างจ้องมองหวังโหรวราวกับเป็คนแปลกหน้าอย่างตกตะลึง ก่อนจะพูดว่า "เธอตั้งบริษัทแล้วฉันนับถือเธอเลย ว่าแต่พอบอกได้ไหมว่า เงินลงทุนอยู่ที่เท่าไร?"
"1.5ล้าน" หวังโหรวหยุดพูดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อว่า "เหรียญทอง"
"1.5ล้าน?!"ชูหลิงพูดคำต่อคำ "เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าฉันคำนวณไม่ผิด 1.5ล้านเหรียญทอง ก็ประมาณ 1.5 พันล้านหยวน 1.5 พันล้านหยวน 1.5 พันล้านโอ้โห... บ้าไปแล้ว ทำไมถึงมากมายขนาดนั้น โหรวโหรว เธอพูดจริงใช่ไหมไม่ได้หลอกฉันเล่นนะ ทำไมเธอถึงมีเงินมากมายขนาดนี้?"
ชูหลิงแทบไม่อยากจะเชื่อถ้าเธอไม่รู้ว่าหวังโหรวนั้นมีนิสัยอย่างไร เธอคงคิดว่านี่คงเป็เื่ตลกแน่นอน
"ฉันไม่ได้หลอกเธอ"หวังโหรวส่ายหน้าท่าทางจริงจังแบบนี้ดูไม่เหมือนว่านี่จะเป็เื่ตลกเลยแม้แต่น้อย
"ตกลงฉันเอาด้วยคน โหรวโหรว" คำตอบของชูหลิงนั้นตรงไปตรงมาถึงแม้ว่าเธอคิดว่ามันไม่น่าเป็ไปได้ แต่เธอก็รู้ว่าหวังโหรวไม่เคยโกหก
"ฉันเป็แค่ผู้จัดการต้องรอถามหัวหน้าก่อน" หวังโหรวยิ้มตอบ
"ใครเหรอ"ชูหลิงถาม
"ฉินโจ้ว"หวังโหรวตอบก่อนจะมองตรงไปทางฉินโจ้ว ดวงตาใสกระจ่างราวกับน้ำ
"เป็นาย?"ชูหลิงในตอนนี้ดูเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหางเธอลุกพรวดขึ้นทันทีก่อนที่จะอ้าปากค้าง ดูแล้วน่าจะใส่ไข่เข้าไปได้ทั้งฟองชูหลิงมองดูฉินโจ้วด้วยั์ตาที่เต็มไปด้วยความสับสนชั่วขณะแต่เพียงชั่วครู่ท่าทางก็เปลี่ยนมาเป็เพื่อนที่แสนดี ใบหน้าของเธอยิ้มกริ่มก่อนจะเข้าไปคล้องแขนฉินโจ้วเอาไว้พร้อมกับบีบนวดอย่างนุ่มนวล และพูดประจบว่า"ป๋าขา... เรามาเป็เพื่อนกันเถอะ"