การสอบเข้าสำนักศึกษาสตรีใช้เวลาทั้งสิ้นสามวัน ซูซานหลางเป็คนไปรับหลานชายหลานสาวกลับมา
เขาพาเด็กทั้งสามกลับไปเรือนสามโดยตรง เฉียวเยว่คะเนว่าอาจเป็คำสั่งของท่านย่า หากพวกเขามาเรือนสาม แสดงว่าต้องรู้สถานการณ์ความวุ่นวายเ่าั้แล้ว โดยเฉพาะพี่หญิงสาม ซึ่งน่าจะได้รับผลกระทบถึงแปดส่วน การเข้าศึกษาในสำนักศึกษาสตรีเป็เื่ที่ยากมากอยู่แล้ว อย่างไรเสียก็ไม่อาจให้ความวุ่นวายเหล่านี้มามีผลกระทบต่อพวกเขา
ซูซานหลางจัดห้องพักแขกสามห้องให้พวกเขาแล้วกล่าวกำชับ "ให้พวกเ้าพักเรือนสามก็หวังว่าพวกเ้าจะใช้เวลา่เย็นทบทวนบทเรียนให้ดี"
"ท่านอาสามขอรับ นี่เป็่เวลาสุดท้ายแล้ว พวกเราทบทวนตอนนี้ยังมีประโยชน์อีกหรือ?" เฟิงอันถาม
เขารู้สึกพะว้าพะวังไม่สบายใจ
"ย่อมมีประโยชน์ เดิมทีข้าไม่คิดจะชี้นำพวกเ้าเป็การส่วนตัว เพราะไม่คิดว่าจะสามารถช่วยให้พวกเ้าดีขึ้นได้ แต่วันนี้ดูจากความตั้งใจของพวกเ้าแล้ว ข้าก็หวังว่าพวกเ้าจะรั้งอยู่ที่นี่ ข้าจะบอกพวกเ้าอย่างละเอียดว่าจะรับมือกับข้อสอบอย่างไรบ้าง การเตรียมตัวเตรียมใจให้ดีมีผลในการสอบอย่างยิ่ง"
"ท่านอาสาม ข้ายินดีมากเ้าค่ะ" เฉี่ยวเยว่ตอบทันที
หรงเยว่แค่นเสียงหึ "พวกขี้ประจบ"
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่เฉี่ยวเยว่กลับไม่บันดาลโทสะ พูดเพียงว่า "พี่หญิงสาม ข้าไม่ได้เป็เช่นนั้น ข้า..."
ซูซานหลางเห็นเด็กสองคนถกเถียงกันเพราะเื่เล็กน้อย ก็เอ่ยอย่างจริงจัง "อาสามหวังว่าพวกเ้าจะอยู่ร่วมกันอย่างสมัครสมานปรองดอง"
หรงเยว่ไม่พูดอะไรอีก
"พี่หญิงสาม ข้ามาแล้ว"
เสียงใสแจ๋วของเด็กหญิงตัวน้อยดังขึ้นก่อนที่เ้าตัวจะวิ่งเข้ามา นางเห็นทุกคนล้วนอยู่ในห้องหนังสือของบิดา ก็ยิ้มอย่างเริงร่า "พี่หญิงสาม วันนี้สอบเป็อย่างไรบ้าง ไม่มีปัญหาเลยใช่หรือไม่?"
"ไม่ใช่เลย ยากจะตาย" หรงเยว่บ่น
เฉียวเยว่นิ่วหน้ามองหรงเยว่พลางเอ่ยถาม "หา? จริงหรือ?"
ซูซานหลางนึกว่านางมาหาเื่ ก็เอ่ยขึ้นว่า "เ้ามาทำไมอีก? รบกวนพวกพี่สามเขาอีกแล้ว"
เฉียวเยว่ทำหน้าละห้อย "ข้าแค่อยากมาเก็บประสบการณ์ล่วงหน้า ถึงอย่างไรตอนข้าสิบขวบก็ต้องเข้าเรียนสำนักศึกษาเหมือนกัน"
"ตอนนี้แค่เ้าไม่รบกวนจนส่งผลกระทบถึงพวกเขาก็ดีแล้ว" ซูซานหลางยิ้มน้อยๆ
อันที่จริงในความคิดของซูซานหลาง การสอบเข้ากั๋วจื่อเจียนหรือสำนักศึกษาสตรีล้วนยากทั้งคู่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย หรงเยว่ไม่ใช่เด็กขยันเล่าเรียน หากฝืนบังคับเคี่ยวเข็ญก็คงจะต้องเหนื่อยมาก
แต่ถ้อยคำเหล่านี้เขาไม่ควรเป็คนพูด อีกอย่างสภาพจิตใจของเด็กทั้งสามตอนนี้ไม่สู้ดีนัก เดิมทีพวกเขาไม่ค่อยจะไหวอยู่แล้ว หากใจไม่สู้ ก็จะยิ่งเกิดความผิดพลาดได้ง่าย
"ข้าคุยกับบิดาของพวกเ้าแล้ว ให้พวกเ้าพักอยู่ที่นี่สองคืน ข้ามีเื่จะคุยกับพวกเ้า"
"เช่นนั้นข้าฟังด้วย" เฉียวเยว่กล่าว
ซูซานหลางส่ายหน้า "เ้าอย่ามารบกวนพวกเขา กลับไปซะ"
เฉียวเยว่ยังรีรอ แต่พอเห็นสายตาของบิดา ในที่สุดก็เชื่อฟัง "เช่นนั้นก็ได้"
มาคิดดูดีๆ นี่เป็การสอบที่เหมือนกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ความรู้สึกย่อมจะกดดันมาก นึกดูก็รู้ บิดาของนางก็ใกล้จะสอบเคอจวี่ต้นฤดูใบไม้ร่วงนี้แล้ว ก็น่าจะมีปัญหาอย่างเดียวกัน
เฉียวเยว่ไม่เข้าใจเื่เหล่านี้มากนัก ในใจพะวงถึงแต่เื่ท่านลุงใหญ่กับหวังหรูเมิ่ง ท่านน้าสกุลหวังของนางผู้นี้อยากแต่งงานกับท่านลุงของนางมาโดยตลอด ไม่รู้เหตุการณ์วันนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
แม้ว่านางจะกล่าวต่อหน้าท่านย่าไปเยี่ยงนั้น แต่ไหนเลยจะไม่เข้าใจ มีการตำหนิอันใดที่ไหนกัน เห็นชัดอยู่ว่าเป็... เฉียวเยว่เดินไปคิดไป ไม่ทันระวังชนถูกผู้อื่นเข้า
นางลูบจมูกน้อยๆ ของตนเอง "ฉีอัน เ้ามาได้อย่างไร?"
ฉีอันทำท่าราวกับเป็ผู้ใหญ่ "ข้ากลัวว่าเ้าจะทำผิดถูกบิดาตำหนิน่ะสิ ก็เลยมาเป็กำลังเสริมช่วยเ้าดับไฟ"
เฉียวเยว่หัวเราะขบขัน จูงมือเขา "ข้าเปล่าเสียหน่อย"
นางฮัมเพลงเบาๆ แล้วเอ่ยว่า "จะไปอ่านตำราที่ห้องหนังสือด้วยกันหรือไม่?"
"อ้อจริงสิ เ้าคงยังไม่รู้กระมัง เมื่อครู่นี้จวนอวี้อ๋องส่งตำราเล่มเล็กมาให้จำนวนหนึ่ง บอกว่าเอาไว้ให้เ้าอ่าน" ฉีอันพูดขึ้นมา
เฉียวเยว่ร้องเอ๋ รู้สึกคาดไม่ถึง "พี่จ้านส่งตำรามา? น่าแปลกจริงๆ"
"ท่านแม่พลิกอ่านดูทุกเล่ม บอกว่าพวกเราสามารถอ่านได้" ฉีอันแสดงท่าทางเหมือนจนปัญญา
เฉียวเยว่ "..."
"ข้าคิดว่าท่านแม่ยังกังวลท่าทีของอวี้อ๋องอยู่ อาจรู้สึกว่าเขาเป็เสือกินคน" ฉีอันกล่าวเพิ่มเติม
เฉียวเยว่ "..."
เห็นเฉียวเยว่เอาแต่ทำสีหน้าชอบกล ฉีอันก็หัวเราะออกมา "เ้าอย่าทำสีหน้าเช่นนี้สิ ท่านแม่หวังดีต่อเ้าทั้งนั้น"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ข้ารู้"
ท่านแม่ทำเพื่อนาง นางจะไม่รู้ได้อย่างไร ต้องให้เด็กน้อยอย่างเ้ามาพูดหรือ?
นางสะกิดฉีอัน "ไปจวนท่านตาครานี้ เ้าอย่าร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับมาอีกเล่า”
นึกถึงท่าทางคิดถึงบ้านของเขาคราก่อน เฉียวเยว่ก็หัวเราะเยาะไม่จบไม่สิ้น
ฉีอันแค่นเสียงหึ "ไม่มีทาง ครานี้ข้าไปก็เพื่อเ้า"
เฉียวเยว่ร้องเอ๋ด้วยความสงสัย
ฉีอันทำสีหน้าจริงจังอย่างมาก "ข้าไม่วางใจให้เ้าอยู่ข้างนอกคนเดียว เ้าชอบก่อเื่อยู่เรื่อย ข้าต้องทำอะไรบ้าง"
เหอะๆ นางถูกไชเท้าน้อยตั้งแง่อยู่หรือนี่
แต่ถึงจะเป็เช่นนี้ นางกลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เอื้อมมือไปกอดคอฉีอัน "สมกับเป็น้องชายของข้า"
ฉีอันดิ้นรนขัดขืนราวกับลูกเจี๊ยบ "เ้าจะสังหารคนหรือไร"
เฉียวเยว่หัวเราะลั่น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว การสอบเพียงพริบตาก็ผ่านไปแล้ว ความสงสัยใคร่รู้ของเฉียวเยว่ยิ่งเข้มมากเป็พิเศษ นางอยากรู้ว่าทางด้านเรือนสองเกิดอะไรขึ้น และแก้ไขปัญหาอย่างไร แต่คิดมาคิดไป ก็รู้ว่าตนเองไม่อาจเข้าไปแอบฟังได้ มิเช่นนั้นต้องถูกตีก้นอีกแน่ๆ
เฉียวเยว่ไปคารวะผู้ใหญ่ที่เรือนหลักทุกวัน แต่ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้น
"เฉียวเยว่ เฉียวเยว่" ฉีอันวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาจากด้านนอก "ข้ามีอะไรจะบอก ข้ามีอะไรจะบอก"
เฉียวเยว่เห็นเขาหายใจไม่ทันก็พูดอย่างระอาใจ "เ้าไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด"
ฉีอันจะไม่รีบร้อนได้อย่างไร "ในจวนกำลังจะจัดงานมงคล"
เฉียวเยว่ตกตะลึง หลังจากนั้นก็ถามว่า "งานมงคลอันใด?"
"ท่านลุงใหญ่จะแต่งอนุ"
เฉียวเยว่หน้าถอดสี "เื่นี้เชื่อถือได้หรือไม่?"
ฉีอันพยักหน้า "แน่นอนสิ เมื่อครู่ข้าเพิ่งไปเรือนท่านย่า ฟังท่านแม่ซุบซิบกับหลันหมัวมัวอยู่หนึ่งเค่อก็วิ่งกลับมา ได้ยินว่าท่านลุงจะแต่งอนุ ก็คือท่านน้าสกุลหวังผู้นั้น"
ที่แท้ก็เป็เช่นนี้
แต่สกุลหวังยอมให้บุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกมาเป็อนุของบ้านพวกข้าได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นพี่สาวของนางยังเป็นายหญิงของเรือนสอง
แม้เื่จะออกมาเป็แบบนี้ แต่เฉียวเยว่ก็ยังรู้สึกว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และมักรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ
ฉีอันนั่งลงข้างเฉียวเยว่ "เ้าว่าเพราะเหตุใดท่านน้าสกุลหวังถึงยอมเป็อนุ?"
เขาไม่เข้าใจจริงๆ
เฉียวเยว่เม้มปาก ไม่พูดอันใด
นึกถึงสถานการณ์วันนั้น นางก็รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัวแล้ว เื่ของผู้ใหญ่ นางยุ่งได้เสียที่ไหน
"แล้วบอกหรือไม่ว่าจะจัดงานมงคลเมื่อไร?" นางถาม
ฉีอันส่ายหน้า "ไม่ได้ฟัง หากฟังต่อไปก็ถูกท่านแม่จับได้พอดีน่ะสิ"
เฉียวเยว่จนปัญญา
"ฉีอัน ข้าคิดว่าพวกเราไปค้างบ้านท่านตาสักหลายๆ วันดีกว่า"
"เพราะเหตุใดเล่า?" ฉีอันถาม
"ข้าจับยามสามตาแล้ว เหมือนว่าจะไม่ค่อยดี"
ที่จริงคือแย่มาก ไม่ต้องให้เฉียวเยว่พูดก็ได้
กลางดึก
ขณะที่เฉียวเยว่กำลังหลับสบายก็ต้องถูกเสียงเอะอะจากด้านนอกปลุกให้ตื่น นางลุกขึ้นมานั่งขยี้ตาอย่างงัวเงีย "อวิ๋นเอ๋อร์"
อวิ๋นเอ๋อร์เข้ามาทันที "คุณหนู เหตุใดถึงตื่นเล่า? ท่านรีบพักผ่อนเถิดเ้าค่ะ"
"ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น?" เฉียวเยว่ถาม
ไฉนวุ่นวายโกลาหลเยี่ยงนี้
อวิ๋นเอ๋อร์นิ่งไปสักพัก ก่อนเอ่ยว่า "ห้องด้านข้างของเรือนสองพลั้งทำเชิงเทียนตกเกิดไฟไหม้เ้าค่ะ"
เฉียวเยว่งุนงง หลังจากนั้นก็ถามอย่างจริงจัง "มีใคราเ็หรือไม่?"
อวิ๋นเอ๋อร์ส่ายหน้า "น่าจะไม่าเ็ร้ายแรง ได้ยินว่านายท่านใหญ่ถูกไฟลวกมือ แต่ไม่ร้ายแรงเ้าค่ะ ท่านหมอพันแผลให้แล้ว เมื่อครู่ไฟทางนั้นก็มอดหมดแล้ว หากวันนี้ไม่มีลมแรง ไฟก็คงจะไม่ลุกลามเร็วถึงเพียงนั้น"
เฉียวเยว่เม้มปาก "แล้วหวังหรูเมิ่งเล่า?"
อวิ๋นเอ๋อร์อึ้งงัน
"ท่านน้าสกุลหวังเป็อย่างไรบ้าง?" เฉียวเยว่ซักไซ้
"ไม่เป็อันใดเ้าค่ะ นางยังสบายดี" อวิ๋นเอ๋อร์ตอบ
เฉียวเยว่ไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เดาว่าต้องเกี่ยวข้องกับหวังหรูเมิ่งเป็แน่
อีกอย่างท่านลุงใหญ่ของนางไปทำอะไรที่เรือนสองกลางดึกกลางดื่น?
อวิ๋นเอ๋อร์กลัวว่านางจะคิดฟุ้งซ่าน จึงนั่งลงข้างเตียงเกลี้ยกล่อมเฉียวเยว่ "คุณหนูเจ็ดพักผ่อนเถิดเ้าค่ะ หากนอนไม่พอ พรุ่งนี้จะมีแรงไปเล่นกับคุณหนูสามได้อย่างไร ท่านอยากรู้มิใช่หรือว่าวันนี้คุณหนูสามสอบเป็อย่างไรบ้าง"
เฉียวเยว่เห็นสายตาของอวิ๋นเอ๋อร์แฝงไปด้วยการอ้อนวอน ก็รู้ว่าไม่ควรทำให้สาวใช้ลำบากใจ จึงตอบอื้ม แล้วกลับลงไปนอน "อวิ๋นเอ๋อร์ร้องเพลงกล่อมข้าหน่อย"
"ได้เ้าค่ะ" อวิ๋นเอ๋อร์รับคำทันที
นางฮัมเพลงเบาๆ เฉียวเยว่ไม่มีรอยยิ้ม เพียงแค่ซุกใต้ผ้าห่มผืนน้อยทำท่าราวกับกำลังครุ่นคิด
อวิ๋นเอ๋อร์ตบนางเบาๆ "คุณหนูคนดี พรุ่งนี้บ่าวจะพาท่านไปเตะลูกขนไก่ในสวน"
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร แต่ในที่สุดเฉียวเยว่ก็หลับไป
อวิ๋นเอ๋อร์ถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะเตรียมลุกขึ้นก็เห็นไท่ไท่สามสวมเสื้อคลุมเดินเข้ามา "ไท่ไท่"
"นางใหรือเปล่า?" ไท่ไท่สามเอ่ยถาม
"คุณหนูถามถึงคุณหนูรองสกุลหวังเ้าค่ะ" อวิ๋นเอ๋อร์ตอบ
ไท่ไท่สามนิ่งไปสักพักก็เอ่ยว่า "่สองสามวันนี้มีเื่วุ่นวายมากมายในจวน ข้าวางแผนส่งเฉียวเยว่สองพี่น้องไปอยู่จวนสกุลฉีสักพัก เ้าติดตามไปด้วย ท่านตากับท่านลุงของนางปกป้องเด็กได้ดีที่สุด เ้าก็ต้องช่วยดูแลพวกเขามากขึ้นด้วย"
"ไท่ไท่โปรดวางใจ บ่าวทราบเ้าค่ะ" อวิ๋นเอ๋อร์ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ไท่ไท่สามนิ่งไปสักพักก็เอ่ยขึ้นมาอีก "ออกไปข้างนอก ทั้งคำพูดและการกระทำต้องระมัดระวังและมีขอบเขต"
"บ่าวทราบเ้าค่ะ" อวิ๋นเอ๋อร์รับคำทันที
ไท่ไท่สามถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนเดินออกจากห้อง
แม้จะไม่มีเสียงซุบซิบอันใดแพร่งพรายออกมา แต่คนส่วนใหญ่ล้วนคาดคะเนได้ โดยเฉพาะสองสามเื่ที่เกิดขึ้นใน่นี้
่ตั้งครรภ์อยู่ไท่ไท่รองทำตัวเหิมเกริมไร้ขอบเขต ฮูหยินผู้เฒ่าคำนึงถึงบุตรในครรภ์จึงไม่พูดอะไรมาก แต่บัดนี้เด็กคลอดออกมาแล้ว ไท่ไท่รองยังคงงี่เง่าไร้เหตุผล นั่นไม่ใช่สิ่งที่สามารถทนได้อีก
นอกจากนี้คำพูดลามปามไม่เคารพผู้ใหญ่ของนางทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ ฮูหยินผู้เฒ่าเรียกนายท่านรองไปพบ ไม่รู้ว่าพูดอะไรบ้าง แต่ใครจะคาดคิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุคนตกน้ำเสียก่อน
หลังจากนั้นเื่ลงโทษไท่ไท่รองก็เงียบหายไป
แล้วจู่ๆ ก็มีข่าวออกมาว่าคุณหนูรองสกุลหวังจะแต่งงาน หลังจากนั้นก็เกิด 'อุบัติเหตุเพลิงไหม้'
ด้วยเหตุนี้จึงยิ่งทำให้คนเกิดความสงสัยเป็อย่างมาก
อย่าว่าแต่ใครอื่น ในใจของไท่ไท่สามเองก็ประมาณการไว้คร่าวๆ ยังไม่แน่ว่าคนเ่าั้จะก่อความวุ่นวายอะไรอีกบ้าง
นางไม่อยากให้บุตรสาวรั้งอยู่ในจวน รับรู้เื่สกปรกโสมมเ่าั้
ไท่ไท่สามไตร่ตรองแล้วก็กล่าวอย่างหนักแน่น "ให้พวกเขาไปพรุ่งนี้เลยดีกว่า"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้