ะ พรรคอีกาทองคำ ภายในห้องโถงใหญ่
จางหลี่เอ๋อร์ยืนอยู่กลางห้องโถงโดยมีจางเสินซวียืนอยู่เคียงข้าง ทั้งสองมองจางเจิ้งเต้าที่มาส่งเทียบเชิญเดินจากไป
จางหลี่เอ๋อร์ถือเทียบเชิญไว้ด้วยสีหน้าพิกล “บริษัทเสินหวัง พิธีเปิด? หวังเค่อ?”
“เ้าจางเจิ้งเต้านี่ยังกล้ามาหาพวกเราอีก?” จางเสินซวีเองก็ประหลาดใจ
“ทำไมมันจะไม่กล้า? เทียบกับครั้งก่อนที่มันมาแจ้งข่าวถึงพรรคอีกาทองคำเรา เ้าไม่เห็นหรือว่าหน้ามันหนาขึ้นกว่าเดิมอีกแล้ว?” จางหลี่เอ๋อร์ส่ายศีรษะ
“ท่านพี่ ท่านคิดให้ข้ายอมปล่อยวางความบาดหมางรึ?” จางเสินซวีกล่าวอย่างไม่ยินยอม
“เ้าหมายถึงอะไร?”
“ข้ารึ? ถึงครั้งก่อนหวังเค่อมันจะให้จางเจิ้งเต้ามาช่วยแจ้งข่าวที่พรรค แต่ที่ข้าต้องมีสภาพน่าอดสูเช่นนั้นไม่ใช่เพราะหวังเค่อมันหรีอไร? หากไม่มีหวังเค่อ ข้าไหนเลยจะถูกจับ? อีกอย่าง เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยเองก็คิดแลกชีวิตตกตายกับพวกมารอยู่แล้ว ถ้าหวังเค่อมันไม่มาขัดขวาง ยังไงข้าก็รอดปลอดภัย!” จางเสินซวีขมวดคิ้ว
“แต่ถ้าหวังเค่อมันไม่ช่วยเกลี้ยกล่อมพวกมารร้ายให้จับศิษย์พรรคอีกาทองคำไว้แทน พวกเ้าคงตายที่เมืองจูเซียนกันหมดแล้ว!” จางหลี่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว
“แล้วจะให้ทำอย่างไร? หวังเค่อมันรูดทรัพย์สินริบอาวุธวิเศษของพวกเราไปจนหมด มันเป็ผีร้ายจอมละโมบ จะให้ปล่อยมันไปแบบนี้?” จางเสินซวีเอ่ยอย่างไม่ยินยอม
“ทำตามวิถีธรรมะ ถ้าหากเ้ายังคิดหาเื่หวังเค่ออยู่ก็นับว่าทำวิถีธรรมะเสื่อมเสีย!” จางหลี่เอ๋อร์ส่ายหน้า
“จะให้ข้าปล่อยไปรึ?” จางเสินซวีมองหน้าพี่สาว
“ผายลมเถอะ เ้าไม่รู้จักวิธีตีหัวรีดทรัพย์เรอะ? หลายปีที่เบื้องนอกสิบหมื่นมหาบรรพตเ้าเรียนรู้อะไรมาบ้าง? ท่านพ่อเขียนจดหมายบอกว่าเ้าสมองมีแต่กล้าม ที่แท้ก็เป็เื่จริง! เมื่อติดหนี้บุญคุณย่อมต้องทดแทน! มีเพียงตระกูลจางเราข่มเหงผู้อื่น ไหนเลยจะยอมให้ผู้อื่นข่มเหงตระกูลจางเรา? หลายปีมานี้เ้าใช้ชีวิตเยี่ยงสุนัขมาหรือไร?” จางหลี่เอ๋อร์ถลึงตา
“เอ๋? แต่ว่า ข้า…ท่านพี่ เื่นี้ข้าไม่ผิดนะ ทั้งหมดเป็ความผิดของไอ้เด็กหน้าไม่อายหวังเค่อ!” จางเสินซวีเอ่ยอย่างชอกช้ำ
“เ้าจะอายหน้าตัวเองไปทำไม?” จางหลี่เอ๋อร์มองจางเสินซวี
“หา?” จางเสินซวีเหม่อมองหน้าพี่สาวตัวเอง
“ขอเพียงได้ผลตอบแทน ยังต้องรักษาหน้าตาอะไรอีก? เ้ากินหน้าตาตัวเองแทนข้าวได้เหรอ? เ้านี่น้า ไม่ต้องพูดถึงหวังเค่อ เอาแค่จางเจิ้งเต้าเ้ายังเทียบไม่ได้เลย!” จางหลี่เอ๋อร์คิดหลอมเหล็กให้เป็เหล็กกล้า[1]
“ท่านพี่ ท่านพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง?” จางเสินซวีถามด้วยสีหน้าพิลึก
“ในนี้มีคนนอกอยู่ด้วยหรือไง? ข้ากำลังสอนเ้าให้ทำตัวดีๆ! เห็นวิธีทำเงินของหวังเค่อหรือไม่? ตอนอยู่ในเมืองจูเซียน มันหาวิธีรูดทรัพย์คนฝ่ายธรรมะจนเกลี้ยง อีกอย่าง ข้าได้ตรวจสอบแผนการลงทุนที่หวังเค่อขายก่อนหน้านี้มาอย่างละเอียดแล้ว นั่นมันแผนอัจฉริยะชัดๆ ทำไมข้าไม่เคยนึกถึงมาก่อน? อาศัยเศษกระดาษไม่กี่แผ่นก็ทำเงินได้?” จางหลี่เอ๋อร์เอ่ยอย่างตื่นเต้น
“ท่านพี่ ท่านคือศิษย์พี่หญิงใหญ่พรรคอีกาทองคำ ไม่ใช่ท่านควรทำตัวนุ่มนวลกว่านี้หรือ? ท่านจะตื่นเต้นกับเื่การทำเงินไปทำไม?” จางเสินซวีเอ่ยด้วยสีหน้ามึนงง
“ข้าไม่เคยคิดอยากทำเงินจึงต้องอาศัยเงินเบี้ยเลี้ยงจากพรรคอีกาทองคำมาตลอด แล้วเงินค่าขนมที่ท่านพ่อส่งให้ข้าทุกปีพอใช้ที่ไหนกัน? เ้ารู้หรือเปล่าว่าครั้งที่แล้วข้าเสียเงินซื้อกำไลมิติรุ่นจำนวนจำกัดไปตั้งเท่าไหร่? หากข้าไม่คิดเื่ทำเงินจะมีปัญญาที่ไหนไปซื้อ? ดูศิษย์น้องคนนั้นส่งเงินให้พี่สาวตัวเองซี! ช่างละเอียดอ่อนนัก! แล้วดูเ้าสิ หลายปีดีดักไม่เพียงหาเงินไม่ได้ แต่ยังผลาญเงินได้ทุกวี่วัน! ข้าพึ่งอะไรเ้าได้ที่ไหน! เฮ้อ!” จางหลี่เอ๋อร์ทอดถอนใจ
จางเสินซวี “...!”
“น้ำกับน้ำมันที่หวังเค่อขูดรีดไปจากเ้าต้องให้มันคายกลับออกมา! เ้าไม่อยากได้ ข้าจะเอ่ยปากขอเอง หากได้คืนมา ข้าจะริบเป็ค่าขนมตัวเอง ครั้งนี้หวังเค่อเปิดบริษัทเสินหวังอะไรนี่ ข้าััได้ถึงกลิ่นอายละม้ายคล้ายแผนการลงทุนในเมืองจูเซียนครั้งก่อน เป็กลิ่นของสินค้า กลิ่นของเงินทอง!” จางหลี่เอ๋อร์เอ่ยอย่างตื่นเต้น
“ท่านพี่ ท่านคิดทำอย่างไร?” จางเสินซวีถามด้วยสีหน้าว่างเปล่า
“ไปหาหวังเค่อให้มันคายเงินเ้าคืนมา อีกอย่าง มันคิดทำเงินมหาศาลรึ? พวกเราเองก็สามารถมีส่วนได้!” จางหลี่เอ๋อร์ตอบด้วยรอยยิ้ม
จางเสินซวีมองดูพี่สาวตนเองอย่างตกตะลึง แม่หญิงงามไฉนละโมบได้ถึงเพียงนี้?
“ท่านพี่ จางเจิ้งเต้าบอกว่าเมื่อถึงฤกษ์ยาม ประมุขพรรคเทพหมาป่า์กับสี่เ้าตำหนักจะเข้าร่วมพิธีเปิดด้วย เป็ไปได้สูงว่านี่เป็แผนการของพรรคเทพหมาป่า์ให้หวังเค่อออกหน้าจัดการ ส่วนพรรคเทพหมาป่า์หนุนหลังบริษัทเสินหวัง แล้วท่านพี่จะเข้าไปมีส่วนได้อย่างไร?” จางเสินซวีถามด้วยสีหน้าเหม่อลอย
“ลองไปสังเกตการณ์กันก่อน ต้องมีช่องโหว่บ้างล่ะน่า! ไปตามคนมาเพิ่ม! อีกอย่าง ห้ามแจ้งท่านประมุขกับเหล่าผู้าุโ เดี๋ยวพวกท่านไปด้วยจะทำเสียงานหมด!” จางหลี่เอ๋อร์กล่าวอย่างตื่นเต้น
“เอ๋? ได้!” จางเสินซวีพยักหน้ารับอย่างเลื่อนลอย
พิธีเปิดบริษัทเสินหวัง
เดิมที พิธีเปิดร้านค้าทั่วไปเช่นนี้ไม่ได้สลักสำคัญอันใด ต่อให้ได้ยินว่าอาคารบริษัทเสินหวังพิสดารตระการตานัก แต่ไหนเลยอาคารก่อสร้างหลังเดียวจะดึงดูดบรรดายอดฝีมือผู้ฝึกตนมาได้?
แต่ถ้าหากประมุขพรรคเทพหมาป่า์กับสี่เ้าตำหนักล้วนแต่มาร่วมพิธีเปิดนี้ด้วย เื่ราวจะเปลี่ยนไปทันที
ขณะที่จางเจิ้งเต้าเดินทางไปยังสำนักเซียนฝ่ายธรรมะทีละแห่ง สำนักเซียนฝ่ายธรรมะทั้งหมดก็ต่างพากันเปิดประชุมถกเถียง จนท้ายพวกมันก็รู้สึกว่าเื่นี้ไม่ชอบมาพากล อาจเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ของสิบหมื่นมหาบรรพต ดังนั้นประมุขพรรคสำนักทั้งหลายจึงพากันส่งลูกศิษย์จำนวนมากมาร่วมงานพิธีเปิดเพื่อสังเกตการณ์
ข่าวสารนี้หลังกระจายตัวไปทั่วพรรคสำนักฝ่ายธรรม บรรดาสายสืบลัทธิมารที่แฝงตัวอยู่ก็ย่อมส่งข่าวไปให้ฝ่ายอธรรมอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องโถงมืดมิด
ถงอันอันพอได้ยินรายงานจากลูกน้องก็เผยสีหน้าประหลาดออกมา
“บริษัทเสินหวัง? พิธีเปิด? เตรียมวางขายสินค้า? เชิญชวนพรรคฝ่ายธรรมะทั้งหมดในสิบหมื่นมหาบรรพต?” ถงอันอันทวนด้วยสีหน้าพิกล
“ขอรับ!” ลูกน้องพยักหน้ารับ
“ไอ้หวังเค่อมันทำบ้าอะไร? มันไปขอการสนับสนุนจากพรรคเทพหมาป่า์ทั้งหมดมาได้ยังไง? แถมข้าเพิ่งได้ข่าวว่ามารอริยะแต่งตั้งให้หวังเค่อเป็นายท้ายเทพัอีก? นี่เื่อะไรกัน?” สีหน้าถงอันอันยิ่งมายิ่งแปลกพิกล
ตอนยังอยู่บนเกาะเทพั เนื่องจากต้องซ่อนตัว ทำให้ถงอันอันไม่ทราบเื่ที่หวังเค่อได้มารอริยะแต่งตั้งเป็นายท้ายเทพั ครั้งนี้หลบหนีสำเร็จถึงค่อยทราบข่าว
มารอริยะตรวจสอบด้วยตัวเอง หวังเค่อต้องเป็มารไม่ผิดแน่ แต่ทำไมพอกลับถึงพรรคเทพหมาป่า์มันดันกลายเป็ศิษย์ฝ่ายธรรมะไปได้? ข้าถึงขนาดให้ไป๋จินกับคนที่เหลือล่อมู่หรงลวี่กวงไปตรวจสอบด้วยตัวเอง ขนาดเฉินเทียนหยวนก็ยังคิดว่าหวังเค่อเป็ศิษย์ฝ่ายธรรมะ?
“มีอาถรรพ์!” ถงอันอันเอ่ยด้วยสีหน้าทะมื่น
“ผู้ดูแลถง ไม่ใช่ท่านกล่าวว่าหวังเค่อมันเป็จอมหลอกลวง? บางทีมันอาจหลอกมารอริยะ ไม่สิ หลอกเฉินเทียนหยวนก็ได้?” ลูกน้องคนหนึ่งกล่าว
ถงอันอันขมวดคิ้วพลางพยักหน้ารับ “ข้าเกรงว่านี่คงเป็ความเป็ไปได้เพียงหนึ่งเดียว!”
“ผู้ดูแล ท่านเรียกพวกเรามาเพื่อเอาชีวิตหวังเค่อ แต่หลายเดือนมานี้หวังเค่อมันเอาแต่มุดหัวอยู่ในพรรคเทพหมาป่า์ ไม่มีโอกาสลงมือ นอกจากตอนมันลงเขาไปอาคารเสินหวังเป็ครั้งคราว พวกเราก็ไม่เห็นโอกาสอื่นอีกแล้ว?” เหล่าลูกน้องพากันกังวล
ถงอันอันหรี่ตา “งั้นเราก็จะฆ่าหวังเค่อที่ไอ้อาคารเสินหวังเวรตะไลนั่น!”
“อ๋า? ไม่ใช่พวกเราต้องเข้าใกล้พรรคเทพหมาป่า์?” เหล่าลูกน้องวิตก
“แล้วอย่างไร? เหอะ! พิธีเปิด? พิธีเปิดน้องสาวเ้าสิ หวังเค่อ เ้าทำร้ายข้าสาหัสสภาพน่าอดสู ครั้งนี้ต้องฆ่าเ้าให้ได้!” ถงอันอันกล่าวเสียงเย็น
เหลืออีกสิบวันก่อนจะถึงงานพิธีเปิดบริษัทเสินหวัง
จางเจิ้งเต้ากลับสู่พรรคเทพหมาป่า์ในสภาพเหนื่อยหอบก่อนจะปีนขึ้นยอดเขาหยั่งรู้กระบี่ไป
พอขึ้นมาถึงยอดเขา มันก็เห็นหวังเค่อนั่งเอนกายดูดน้ำผลไม้เย็นเจี๊ยบอยู่
“หวังเค่อ เ้ายังมานั่งสบายใจอยู่อีก? เกิดเื่ใหญ่แล้ว!” จางเจิ้งเต้าเอ่ยอย่างกังวล
“เกิดอะไรขึ้น?” หวังเค่อวางแก้วน้ำผลไม้ลง
“ข้าเพิ่งเดินทางไปเยือนสำนักเซียนทั้งหลายเสร็จ พอกลับมาถึงอาคารเสินหวัง ข้าก็เห็นคู่พี่น้องจางเสินซวีมาหา บอกว่ามาทวงหนี้เ้า!” จางเจิ้งเต้าตอบ
“หนี้? หนี้อะไร?” หวังเค่อไขว้ขาพลางสงสัย
“เ้าลืมไปแล้วรึ? ตอนนั้นในเมืองจูเซียน เ้าริบอาวุธวิเศษของพวกศิษย์ฝ่ายธรรมะจนเกลี้ยง ตอนนั้นเ้าสูบทั้งกำไลมิติ อาวุธวิเศษ และกระบี่บินจากศิษย์พรรคอีกาทองคำไปตั้งยี่สิบกว่าคน! พวกมันล้วนมาเพื่อทวงหนี้ ตอนนี้ดูทรงแล้วพวกมันคงคิดไปเอ่ยปากทวงจากท่านประมุข! เงินพวกนี้หามาไม่ใช่ง่ายๆ! ตอนนี้พวกมันรออยู่ในอาคารเสินหวัง!” จางเจิ้งเต้าอธิบาย
“ล้อกันเล่นหรือไง พวกมันคิดล้วงเงินจากกระเป๋าข้า?” หวังเค่อถามด้วยสีหน้าพิกล
“งั้นเ้าก็ไปไล่พวกมันเอง พวกมันโวยวายอยากพบเ้า หากไม่เจอเ้า พวกมันไปจะทวงเอาจากเฉินเทียนหยวน!” จางเจิ้งเต้าอธิบาย
“พวกมันทำแบบนี้เป็ด้วย?” หวังเค่อมุ่นคิ้ว
อย่างไรเสีย ครั้งก่อนก็เป็จางเสินซวีที่เสียหน้า เื่แบบนี้ยังหยิบมาพูดคุยกันได้อีก?
“เ้าจางเสินซวีอาจเสียหน้าไม่กล้าพูด แต่บางทีอาจเป็ฝีมือจางหลี่เอ๋อร์พี่สาวมัน ข้าเคยบอกเ้าเมื่อนานมาแล้วไม่ใช่เรอะ? จางหลี่เอ๋อร์มีชื่อเสียงในสิบหมื่นมหาบรรพตในฐานะนางโจร! ถึงจะไม่ได้ออกปล้นแล้ว แต่ก็ไม่ยอมเสียเปรียบแน่!” จางเจิ้งเต้าอธิบาย
หวังเค่อผุดลุกขึ้น คนเอ่ยปากด้วยสีหน้าบูดเบี้ยว “พวกมันกำลังบีบให้ข้านอนหมอบ!”
“อ๋า? บีบให้เ้านอนหมอบ? เ้าหมายความว่ายังไง?” จางเจิ้งเต้าทำหน้างุนงง
“ไป เราไปพบสองพี่น้องนี้กัน!” หวังเค่อกล่าวเสียงเข้ม
จากนั้นหวังเค่อก็ลงจากเขาโดยมีจางเจิ้งเต้าตามติด มันขบคิดถึงคำว่า “บีบให้ข้านอนหมอบ” ของหวังเค่อไปด้วย พอมาถึงประตูทางลงเขา จางเจิ้งเต้าก็หน้าแข็งค้าง ข้าเข้าใจแล้ว หวังเค่อยอมหมอบ ใช่เตรียมหลอกลวงผู้คนหรือไม่?
“หวังเค่อ มีคนมากมายเฝ้าดูอยู่ เ้าต้องระวังเื่หน้าตาไว้ด้วยนะ!” จางเจิ้งเต้ารีบตามไป
หวังเค่อมาถึงประตูทางเข้าอาคารเสินหวัง
เป็ไปตามคาด จางหลี่เอ๋อร์กับจางเสินซวีสองพี่น้องขนศิษย์พรรคอีกาทองคำมาด้วยสามสิบคน พวกมันออกันอยู่ด้านนอกอาคารเสินหวัง ลูกน้องที่หวังเค่อทิ้งไว้ให้ดูแลต้อนรับพวกมันด้วยความจริงใจไร้ปัญหา
“หวังเค่อเล่า? ให้มันออกมา!” จางเสินซวีะโ
“ท่านประมุขจะมาถึงในอีกไม่ช้า ทุกท่านโปรดรอสักครู่ พวกท่านสนใจเข้าไปรับชาดำด้านในโรงอาหารหรือไม่?” พี่หญิงเล็กเอ่ยอย่างนอบน้อมในฐานะผู้จัดการห้องรับรองชั่วคราว
“ไม่ไป หวังเค่อไม่มา ข้าก็ไม่เข้า!” จางเสินซวีตอบเสียงเย็น
อีกด้านหนึ่ง จางหลี่เอ๋อร์มองดูอาคารเสินหวังแสนหรูหราด้วยตาเบิกกว้าง
“หวังเค่อนี่? มันหาเงินเก่งนัก! อาคารร้านค้านี้ตกแต่งอย่างประณีตหรูหรา ไม่ว่าวางขายอะไร หากไม่สามารถทำกำไรมากกว่าทั่วไปอย่างน้อยสามเท่า ถือว่าเสียทีที่วางในร้านนี้แล้ว!” จางหลี่เอ๋อร์พึมพำกับตัวเอง
ยามนี้เอง พี่หญิงเล็กก็ตาเป็ประกาย “ท่านประมุข! ท่านมาแล้ว!”
ทุกคนต่างหันไปมองหวังเค่อที่เร่งรีบมาตามเสียงของพี่หญิงเล็ก
“หวังเค่อ? ในที่สุดเ้าก็มา? ไม่ใช่ถึงเวลาคืนของที่ยึดจากพวกข้าไปในเมืองจูเซียนครั้งก่อนแล้วรึ?” จางเสินซวีกล่าวเสียงเข้ม
ถึงจะค่อนข้างรู้สึกเสียหน้าอยู่บ้าง แต่พอเห็นหน้าหวังเค่อจางเสินซวีก็ยังอดรู้สึกโกรธขึ้นมาไม่ได้
ขณะที่จางเจิ้งเต้าคิดว่าหวังเค่อจะนอนหมอบอย่างว่าง่าย มันก็เห็นหวังเค่อก้าวออกไปกุมมือจางเสินซวีไว้
“พี่เสินซวี ครั้งก่อนจากกันข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก ได้ท่านมาร่วมงานพิธีเปิดบริษัทเสินหวังของข้าช่างเป็เกียรติเหลือเกิน! ข้าไม่พูดมากความแล้ว วันนี้ข้าขอดื่มเป็เพื่อนท่าน!” หวังเค่อพูดอย่างกระตือรือร้น
จางเจิ้งเต้า “…!”
จางหลี่เอ๋อร์ “…!”
จางเสินซวี “…!”
ทุกคนล้วนคิดไม่ถึงว่าหวังเค่อจะมาไม้นี้ เ้าสนิทสนมกับจางเสินซวีหรอกเรอะ?
“หวังเค่อ เ้าอย่ามาทำเนียน พวกเราสนิทกันงั้นเรอะ?” จางเสินซวีปัดมือหวังเค่อออก
“พวกเราถูกมารร้ายจับตัวไปด้วยกัน ร่วมแรงร่วมใจฟันฝ่าเคราะห์กรรมมาด้วยกัน พี่เสินซวี ท่านอาจไม่แยแส แต่ข้าให้ความสำคัญกับความรู้สึกนี้มากนะ!” หวังเค่อสวนทันที
ความรู้สึก? ความรู้สึกผายลมเ้าสิ! เ้าขุดหลุมดักข้ามากี่ครั้งลืมแล้วหรือ? หากไม่ใช่ฆ่าเ้าแล้วตามเช็ดล้างลำบาก ข้าคงชักกระบี่หั่นเ้าเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว
“ท่านลืมไปแล้วหรือ? จูหงอีกับพวกมารกำลังจะฆ่าท่าน เป็ข้าที่เสี่ยงชีวิตยืนหยัดเคียงข้างท่าน ช่วยปกป้องท่าน ท่านลืมแล้วหรือ? ในวังหลวงเมืองชิงจิง เป็ข้าส่งข่าวเรียกจางหลี่เอ๋อร์กับคนอื่นมาช่วยพวกท่าน! เื่นี้ไม่ต้องพูดถึง ในฐานะฝ่ายธรรมะเหมือนกัน พวกเราสมควรช่วยเหลือกันและกัน! ท่านลืมไปแล้วหรือไร?” หวังเค่อแหกปากเสียงดัง
เสียงดังลั่นนี้ทำให้ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์รอบด้านที่ได้ยินเป็ต้องหันมามองด้วยสีหน้าสงสัย
จางเสินซวีกลายเป็หน้าแข็งค้าง แม่งเอ๊ย ถ้าไม่ใช่เพราะเ้าข้ามีหรือจะโดนจับ? เ้าทำเหมือนเป็ผู้มีพระคุณช่วยชีวิต แต่ทั้งหมดมันความผิดเ้าหรือเปล่า?
“หวังเค่อ ตอนนั้น…!” จางเสินซวียังคิดแก้ตัว
“ที่ท่านพูดถึงใช่กำไลมิติ อาวุธวิเศษ และกระบี่บินที่ท่านเสียไปในเมืองจูเซียนใช่หรือไม่?” หวังเค่อถาม
“ถูกต้อง เ้าจะคืนให้ข้าได้หรือยัง?” จางเสินซวีเอ่ยเสียงเข้ม
“ท่านลืมไปแล้วหรือไร? ว่าตอนนั้นท่านทำอะไรกับทรัพย์สินตัวเอง?” หวังเค่อมองจางเสินซวี
“เป็เ้าเอาไปไง!” จางเสินซวีตอบอย่างจริงจัง
“ท่านคิดดูอีกที ใช่ข้าเอาไปหรือ? ข้ามอบให้ใครไปกันแน่?” หวังเค่อถาม
“เ้ารูดทรัพย์พวกข้าแล้วมอบให้จูหงอี แต่จูหงอีมันไม่สนใจ เ้าก็เลยเอาของไป!” จางเสินซวียืนกราน
“ผิดแล้ว ข้าโดนบังคับให้รีดทรัพย์แทนจูหงอีต่างหาก เป็จูหงอีเอาเงินพวกท่านไป ท่านมอบทรัพย์สินตัวเองให้จูหงอี แล้วจูหงอีค่อยมอบให้ข้าต่อ ไม่ถูกหรอกหรือ?” หวังเค่อมองหน้าจางเสินซวี
“แล้วต่างกันตรงไหน?” จางเสินซวีถามอย่างจริงจัง
“ต่างสิ ก็ทรัพย์สินท่านโดนจูหงอีเอาไป แล้วจูหงอีค่อยมอบให้ข้าต่อ! แปลว่าจูหงอีเป็คนรูดทรัพย์พวกท่าน ไม่ใช่ข้า!” หวังเค่อส่ายหน้า
“มันก็เหมือนกัน!”
“ไม่เหมือน เดี๋ยวข้ายกตัวอย่างให้ฟัง ท่านให้ข้ายืมเงิน เสร็จแล้วข้าก็ใช้เงินที่ยืมมาไปทำบุญช่วยเหลือคนยากไร้ แปลว่าข้าไม่ต้องชดใช้เงินคืนท่านแล้วใช่หรือไม่? เพราะตอนนี้เงินอยู่ในมือคนยากไร้แล้ว ท่านต้องไปทวงเงินคืนจากคนยากไร้หรือเปล่า?” หวังเค่อเอ่ย
“จะเป็แบบนั้นได้อย่างไร? ข้าให้เ้ายืมเงิน ก็ต้องเป็เ้าใช้เงินคืนข้าสิ เกี่ยวอะไรกับผู้อื่นด้วย?” จางเสินซวีถลึงตา
“ถูกต้อง เงินท่านถูกจูหงอีเอาไป เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย!” หวังเค่อกางมือออก
“อึก!” จางเสินซวีใบหน้าแข็งค้าง
“พี่เสินซวี คนที่เอาเงินท่านไปคือจูหงอี! ท่านสมควรไปทวงกับมันต่างหาก! อีกอย่าง ท่านทราบหรือไม่? ว่าข้าต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ให้ลัทธิมารเพื่อช่วยชีวิตพวกท่าน? ข้ายังไม่ได้บอกท่าน ท่านยังมีหน้ามาทวงข้าอีก! ช่างน่าผิดหวังเหลือเกิน เฮ้อ! คนดีเขาไม่ทำกันแบบนี้!” หวังเค่อปั้นหน้าชวนเวทนา
ไม่ไกลออกไป ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ที่มามุงดูต่างพากันชี้มือชี้ไม้ จางเสินซวีใบหน้าบูดเบี้ยวถึงขีดสุด
อะไรกัน ทำไมเงินของข้ากลายเป็หายวับไปแล้ว? แถมข้ายังติดเงินมันแทนอีกต่างหาก?
จางเจิ้งเต้าที่อยู่ด้านข้างปั้นหน้าพิกล จางเสินซวีเอ๋ย เ้ามีหรือจะหน้าด้านสู้หวังเค่อมันได้? เ้ายังเด็กเกินไป หวังเค่อมันไม่ทันได้หมอบ เ้าก็เป็ฝ่ายนอนราบแทนแล้ว? คิดทวงหนี้ผายลมอันใด? หากยังพูดคุยกันต่อ หวังเค่อต่างหากที่จะเป็ฝ่ายทวงหนี้เ้า!
[1] หมายถึง การตั้งความหวังหรือเข้มงวดเพื่อให้อีกฝ่ายได้ดิบได้ดี
