บทที่ 144 ข้าโดนลูกธนูยิงเข้าที่หัวเข่า
บริเวณลานเรือน ทุกคนต่างกำลังรอให้ฉู่อวิ๋นยิงธนู เมื่อเห็นว่าเขากำลังหลับตาทำสมาธิ ใครก็ไม่อาจรบกวน ดังนั้นทั้งหมดจึงได้แต่ขมวดคิ้วรอ
“เ้าคนป่านั้นตายไปแล้วหรือ? ไม่เห็นขยับเลย”
“เขา...หลับอยู่หรือเปล่า?”
ทุกคนสับสน ฉู่อวิ๋นไม่ได้ขยับตัวมานานแล้ว เขาแค่ยืนอยู่กับที่ และหลับตาราวกำลังหลับ
“บางทีเขาอาจจะอยากลอกเลียนข้าก็ได้ คนอื่นต่างต้องเตรียมตัว ไม่มีความคิดเป็ของตัวเองเสียเลย” ตงฟางสยงดื่มเหล้าอีกแก้วใหญ่และพูดอย่างสบายใจ
ในเมื่อเขาแพ้ เขาย่อมคิดว่าผู้ชนะคือเสวี่ยหานเฟย ดังนั้นทุกอย่างจึงดูสบายๆ
ในทางกลับกัน เสวี่ยหานเฟยกลับโบกพัดขนนกและหัวเราะเบาๆ “ให้เขาทำเถอะ อย่างไรเสียข้าก็ว่าง มาดูกันว่าเขาจะทำอะไรได้บ้าง ฮ่าๆๆ”
ตอนนี้ หินเกล็ดม่วงถูกเกราะน้ำแข็งครอบเอาไว้ ไม่อาจทำให้แตกหักได้ แม้ว่าฉู่อวิ๋นจะมีโชคยิงโดนเป้า แต่ลูกศรก็จะกลายเป็เศษน้ำแข็งและแตกออก ผลลัพธ์ย่อมล้มเหลว
ดังนั้น เสวี่ยหานเฟยจึงผ่อนคลายและพึงพอใจมากกับชัยชนะในกำมือ แทบอดใจปลีกไปหาฉู่ซินเหยาที่ศาลาข้างทะเลสาบไม่ไหว
หากไม่ใช่ว่ายังต้องรักษาภาพลักษณ์ไว้ เขาคงเดินออกไปและหัวเราะออกมาดังๆ อย่างดีใจแล้ว
“คุณชายอวิ๋น คุณชายอวิ๋น? อย่าฝืนตัวเองเลย หรูเยียนเองก็มีสมบัติมากมายให้ท่านเลือกสรร เชื่อข้า กลับมาดีหรือไม่?”
เสวี่ยหรูเยียนคิดว่าฉู่อวิ๋นกำลังเจอปัญหา นางจึงพูดเบาๆ ราวกับกำลังเกลี้ยกล่อมเด็ก ทำให้บางคนอดสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ไม่ได้
พูดตามตรง แม้ว่าฉู่อวิ๋นจะมีความสามารถในการทำลายเป้าได้ แต่เสวี่ยหรูเยียนก็ไม่้าให้เขาชนะ ยิ่งไม่อยากให้เขากับฉู่ซินเหยาได้รู้จักกัน
เพราะนางเชื่อว่า “อวิ๋นชู” ผู้นี้เป็ของนางเท่านั้น ไม่อาจให้ผู้หญิงคนอื่นแย่งไปได้
ใครก็ไม่ได้!
แต่ในความเป็จริง ไม่มีใครรู้ว่าฉู่อวิ๋นกำลังสื่อสารกับโยวกู่จือ โดยขอให้เขาสิงในลูกศรและควบคุมทิศทางของมัน
กลยุทธ์นี้เป็สิ่งที่ฉู่อวิ๋นคิดไว้ั้แ่แรก เพราะเขาไม่ใช่ผู้ฝึกธนู จึงสู้อดีตสหายหญิงของเขา มู่หรงซิน ที่ร้อยก้าวแม่นยำ ยิงศรทะลุใจได้
ถ้าเขาใช้ความสามารถของตัวเองในการยิงจริงๆ แค่ผิวหินก็คงไม่ได้เฉียดเข้าใกล้
แต่หากมีโยวกู่จืออยู่ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
แม้ว่าผู้เฒ่าคนนี้จะพูดอยู่เสมอว่าเขาอ่อนแอมากและ้าซ่อนตัวพักฟื้นในวงแหวนอวกาศ แต่ฉู่อวิ๋นไม่เชื่อเลยสักนิด
เพราะั้แ่กลับมายังโลกนี้ ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกได้ถึงพลังที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ของโยวกู่จือ แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็สงบลงมาก ไม่เหมือนคนอ่อนแอ
แม้ว่าจะอยู่ที่จวนตระกูลเสวี่ยแล้ว แต่ชายชราก็แค่ะโเบาลง ทั้งยังไม่แสดงท่าทีคัดค้านใดๆ
ต้องรู้เสียก่อนว่าจวนตระกูลเสวี่ยนั้นสำคัญเพียงใด? ย่อมมีผู้แข็งแกร่งประจำการอยู่ที่นั่นแน่นอน ถ้าหากแค่ร่างิญญาเล็กๆ ในวงแหวนอวกาศยังหาไม่เจอ ยังจะเรียกว่าผู้แข็งแกร่งได้อีกหรือ?
มีเพียงคำอธิบายเดียวเท่านั้น นั่นคือพลังของชายชราฟื้นคืนแล้ว และเขาสามารถสร้างเกราะป้องกันตัวเองได้
ฉู่อวิ๋นไม่เชื่อว่าผู้เฒ่านี่จะควบคุมลูกศรเล็กๆ นี้ไม่ได้
“ผู้าุโ เหตุใดท่านถึงได้หล่อเหลาขนาดนี้?” ฉู่อวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงสดใสในทะเลฌาน ราวกับว่าแผนการชั่วร้ายของเขาประสบความสำเร็จแล้ว
“หยุดพูดพล่ามได้แล้ว เ้าเด็กสารเลว! ข้าจะแสดงให้เ้าได้เห็นว่าพลังิญญาคืออะไร!” โยวกู่จือพูดอย่างภาคภูมิใจ
“เอาล่ะ เตรียมตัว!”
ทันใดนั้น ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็เบิกกว้าง พลังพุ่งสูงขึ้น สีหน้าเคร่งขรึม และเริ่มง้างสายธนู เตรียมพร้อมที่จะยิง
“ดูเหมือนเขาจะจริงจังมากนะ”
“เ้าคนป่านั่นยังดูเก้ๆ กังๆ อยู่เลย จะสำเร็จไหมนะ?”
ยกเว้น เสวี่ยหานเฟยและตงฟางสยง ทุกคนต่างก็มารวมตัวกันใกล้จุดยิงและหยุดดูด้วยความคาดหวัง
แต่ไม่ว่าจะเป็เื่ตลกหรือปาฏิหาริย์ หลังจากศรนัดนี้ การแข่งขันก็จะจบลง
“ขอทุกท่านหลีกทางหน่อย ข้าจะแสดงพลังแล้ว!” ฉู่อวิ๋นะโด้วยเสียงทุ้มลึกและขอให้ทุกคนอยู่ห่างจากเขาให้มากกว่าสิบก้าว
แต่ในความเป็จริง เขา้าห้อยวงแหวนอวกาศเข้ากับลูกศรโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น
“ผู้าุโ ได้หรือยัง?”
“เ้าเล็งลูกศรไปที่ตรงกลางวงแหวน เดี๋ยวข้าจัดการมันเอง!”
“เช่นนั้นข้าจะยิงแล้วนะ?”
“เลิกชักช้าได้แล้ว เร็วเข้า!”
“ได้!”
ฉู่อวิ๋นะโในใจ ยกคันธนูด้วยมือซ้าย จับวงแหวนไว้ระหว่างสองนิ้ว จากนั้นจึงพาดลูกธนูลงบนสาย!
เปิดก้าว ง้างธนู ร่างกายของเขาองอาจสง่างาม จากนั้นคันธนูก็ถูกง้างสายดูคล้ายพระจันทร์เต็มดวง ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับ้าจะยิงหมาป่า!
“นี่นี่! เ้าเล็งสูงขนาดนั้นทำไม?”
“เท่ไง!”
“เ้าทำแบบนั้นมันจะยิ่งเปลืองพลังข้านะ!”
“ที่แท้ผู้าุโก็ทำไม่ได้…”
“ได้ๆๆ! มาเลย! เ้าเด็กเ้าเล่ห์!”
“ฮิ!”
ฉู่อวิ๋นหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็รวบรวมพลังปราณไฟหยางอย่างเงียบๆ และถ่ายเทเข้าไปในลูกศร
ทันใดนั้น ลูกศรก็คล้ายกับหนามเพลิงที่มีเปลวไฟลุกโชน ส่องแสงสุกสว่าง!
เมฆสีแดงลอยผ่าน ลูกศรัก่อตัว!
เมื่อทุกคนได้เห็นธนูและลูกศรเพลิงของฉู่อวิ๋นที่ดูกล้าหาญและงดงามราวกับเทพแห่งธนูแล้ว ต่างก็แอบประหลาดใจด้วยไม่คิดว่าเ้าเด็กป่าคนนี้ยามเอาจริงขึ้นมาจะดูดุดันและสง่างามขนาดนี้!
“เชอะ ทำเป็วางท่า” ตงฟางสยงเยาะเย้ยจากไกลๆ ไม่เผลอไผลไปกับมัน
เสวี่ยหานเฟยเองก็ยิ้มน้อยๆ เขารู้จากเสวี่ยหรูเยียนมาก่อนแล้วว่าพลังปราณของฉู่อวิ๋นคือไฟ ดังนั้นจึงไม่คิดว่ามันแปลกสักเท่าใดนัก
“อวิ๋นเอ๋อร์... หล่อเหลาขนาดนี้ั้แ่เมื่อไหร่กัน?” ดวงตาคู่งามของฉู่ซินเหยาจับจ้องไปที่ฉู่อวิ๋นอย่างไม่กะพริบตา
นางมีความสุขมาก รู้สึกว่าอวิ๋นเอ๋อร์ที่นางรักดูจะ... โตขึ้น
แต่ในตอนนี้ โยวกู่จือรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงถามว่า “นี่! เหตุใดจึงร้อนนัก? เ้าไม่ต้องระดมพลังปราณแล้ว ข้าจัดการเองได้ ไม่ต้องกังวล หยุดได้แล้ว”
“ผู้าุโ...”
“หือ? หยุดมันได้แล้ว”
“ข้าหยุดมันไม่ได้! ท่านไม่บอกข้าก่อนเองนี่ว่าท่านจัดการเองได้น่ะ!”
“อะไรนะ?!”
โยวกู่จือะโ ฉู่อวิ๋นโกรธมากจึงดึงสายธนูให้ขึงตึง วงแหวนอวกาศแขวนติดอยู่บนลูกศร
“ควับ!”
สายรุ้งยาวตัดผ่านท้องฟ้า!
มองเห็นลูกธนูเพลิงทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับัเพลิง พุ่งผ่านผืนฟ้ากว้างใหญ่ จากนั้นก็มีพลังทำลายล้างก่อตัวเป็มวลอากาศสีแดงกระแทกลงมา!
“เ้าเด็กสารเลวเอ๊ย!! ร้อนเป็บ้าเลยโว้ย!!”
พร้อมกับเสียงคำรามอันเงียบงันของร่างิญญา มองเห็นลำแสงลูกศรลอยผ่านอากาศ แสงนั้นวาบวับแล้วหายไป
ครู่ต่อมา หินเกล็ดม่วงที่อยู่ห่างไกลก็แตกสลายลงในทันใด! เศษหินพุ่งกระเด็นไปทุกทิศทาง ก่อให้เกิดลมกระโชกแรง จนทุกคนจำต้องยกมือขึ้นมาบดบังสายตา เสื้อคลุมของพวกเขาปลิวไสว
จากนั้น ควันก็สลายหายไปพร้อมเสียงที่เงียบงัน
“แกร๊ก”
มีกรวดหินร่วงหล่นลงพื้น
กรวดชิ้นนั้นเป็ชิ้นส่วนของหินเกล็ดม่วง ตอนนี้กลายเป็กรวดเล็กๆ แล้ว
และมีลูกศรปักอยู่บนกรวดหินที่ร่วงอยู่ ซึ่งก็ไร้ที่ติเช่นกัน
ทว่าลูกศรน้ำแข็งนั้นได้ถูกผู้มาใหม่ทำลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
“เ้า... เด็กสารเลว... ถูกหลอกแล้ว!” ยามนี้ โยวกู่จือกลายเป็ร่างขึ้นในวงแหวนอวกาศที่ซ่อนอยู่ในกองเศษซากก้อนกรวด เขาตัดสินใจรอให้ฉู่อวิ๋นมาตามหาแล้วจะดุเขาให้สาแก่ใจสักครั้ง
แต่ตอนนี้ผู้ชมทั้งหมดกำลังตกตะลึง
เงียบสงัด เงียบราวสุ้มเสียงแห่งความตาย
เมื่อมองไปที่กรวดบนพื้นและเครื่องหมายบนก้อนหินที่แตกเป็เสี่ยง ใช้เวลาราวๆ หนึ่งนาทีกว่าทุกคนจะะเิความโกลาหลและความตื่นเต้นอย่างยิ่งออกมา!
“เ้าคนป่า... คนป่า... เ้าคน... เ้า เ้า…” บางคนพูดไม่ชัดแล้วด้วยซ้ำ
“์ คนป่าคนนี้โจมตีเป้าธนูทะลุหินเกล็ดสีม่วงที่แช่แข็งอยู่ได้จริงๆ ด้วย แถมแม้แต่ลูกศรของคุณชายชุยเสวี่ยก็แตกเป็เสี่ยงๆ ด้วย?”
สุดอึ้ง อึ้งอย่างที่สุด!
ทุกคนต่างส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ! นี่มันธนูบ้าอะไรกัน?! ทั้งแม่นยำและทรงพลังยิ่งกว่าลูกศรน้ำแข็งของเสวี่ยหานเฟยเสียอีก!
หลังจากนั้น ทุกคนก็ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วอุทานออกมาอีกครั้ง ดวงตาเบิกกว้างจนไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้เลย!
เป็ไปได้อย่างไร... เป็ไปได้อย่างไร?!
ในที่สุด คนส่วนใหญ่ก็ตระหนักได้ว่าตัวตนของคนป่านี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน! ที่มาเองก็แสนลึกลับ!
เขาไม่เพียงเอาชนะโม่ซิวได้ด้วยนิ้วเดียวเท่านั้น แต่ยังทำลายสถิติของการแข่งขันด้วยลูกศรที่น่าใและกลายเป็ผู้ชนะคนสุดท้ายของการแข่งขันยิงธนู ช่างน่าชื่นชมจริงๆ!
“น้อง...น้องชาย! เ้า... เ้าเป็ใครกันแน่?!” มีคนถามออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เฮ้อ! เื่มาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็จะไม่ปิดบังทุกท่าน!”
ในเวลานี้ ฉู่อวิ๋นแสร้งทำเป็เป็ปลงตกกับชีวิตที่พลิกผัน พลางเดินไปทางหินเกล็ดม่วงแล้วเอ่ยด้วยด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ไม่ขอปิดบัง ครั้งหนึ่งข้าน้อยเคยเป็นักล่ามากประสบการณ์และมีชื่อเสียงไปทั่วูเา”
“อะไรนะ?! นัก... นักล่า?!”
“ดูเหมือนว่าจะเก่งมากเลย!”
“ไม่ผิด!” ฉู่อวิ๋นพยักหน้า ไพล่มือไว้ด้านหลังแล้วก้าวไปข้างหน้าต่อ “เมื่อก่อนข้าเคยครองธนูไม้ในมือซ้าย ถือธนูดินในมือขวา ไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ก็สามารถสังหารราชสีห์เขี้ยวโลหิตที่แสนหยิ่งผยองได้”
“ราช... ราชสีห์เขี้ยวโลหิต?!”
“นั่นคือาาสัตว์ปีศาจระดับกลางเชียวนะ! จอมยุทธ์อวิ๋น เ้าสามารถ... สามารถยิงมันล้มได้จริงหรือ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
ฉู่อวิ๋นแค่นเสียงอย่างเ็า จากนั้นหายใจเข้ายาวๆ แล้วพูดต่อ “น่าเสียดายที่ความรุ่งโรจน์ทั้งหมดนี้ต้องจบลงอย่างกะทันหันเมื่อข้าโดนลูกศรแทงเข้าที่หัวเข่า"
หลังจากพูดจบ ฉู่อวิ๋นถึงกับคุกเข่าลงอย่างจริงจัง ทำให้ทุกคนสะดุ้ง ผู้หญิงบางคนถึงกับร้องไห้ออกมาเงียบๆ ซาบซึ้งยิ่งนัก!
และในขณะที่ก้มตัวลง ฉู่อวิ๋นก็หยิบวงแหวนอวกาศขึ้นมาท่ามกลางซากปรักหักพัง การเคลื่อนไหวของเขาดูเป็ธรรมชาติและเงียบมาก
“เ้าเด็กสารเลว! ยังพูดพล่ามอยู่อีก? เมื่อกี้นี้เ้าอยากจะฆ่าข้าหรือ? บอกแล้วว่าอย่าใช้พลังปราณ การโจมตีนั่นเกือบทำให้ข้าไปสู่สุขติแล้วรู้หรือไม่?”
“ข้าขอโทษ เมื่อครู่นี้สถานการณ์มันบังคับ!” ฉู่อวิ๋นกระซิบ
จากนั้น ฉู่อวิ๋นก็สุ่มสร้างเื่ราวขึ้นมามากมายเพื่อหลอกลวงทุกคน แน่นอนว่าประสบการณ์ส่วนใหญ่นั้นอิงจากประสบการณ์ในอดีตครั้งได้เจอกับกระแสสัตว์ปีศาจในป่าสีเื จึงดูค่อนข้างน่าเชื่อถือ
คล้ายว่ากำลังพูดความจริงอยู่
“ซึ้งใจเหลือเกิน...”
“ที่แท้จอมยุทธ์อวิ๋น... ก็มีอดีตเช่นนี้! เป็พวกเรามีตาแต่มองไม่เห็นเขาไท่ซาน[1] ก่อนหน้านี้เสียมารยาทแล้ว”
ทุกคนยกมือขึ้นประสานกันและกล่าวขอโทษสำหรับสิ่งที่พวกเขาทำลงไป ที่แท้คนป่าคนนี้มีภูมิหลังที่ยอดเยี่ยม ความจริงแล้วเขาใช้ธนูและลูกศรเพื่อสังหารสัตว์ร้าย ฆ่าสัตว์ปีศาจ นั่นจะต้องแข็งแกร่งและทรงพลังถึงเพียงใดกัน?
แม้ว่าผู้คนที่นี่จะแข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาก็ไม่เคยเข้าไปในถิ่นทุรกันดารเพียงลำพัง ทั้งยังไม่เคยได้ต่อสู้กับฝูงสัตว์ปีศาจมาก่อน
และอาจกล่าวได้ว่า ประสบการณ์ของฉู่อวิ๋นในป่าสีเืนั้น มีเพียงหนุ่มสาววัยเยาว์จำนวนน้อยนิดที่เคยเผชิญมาก่อน มันน่าตื่นเต้นมากจริงๆ
ในยามนี้ ฉู่อวิ๋นหันหลังกลับและเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ภายใต้สายตาของทุกคนที่ชื่นชม เคารพ และรักชอบ
เขายิ้มน้อยๆ และจ้องมองชายสองคนที่มีใบหน้ามืดมนที่อยู่ไกลๆ
----------
[1] มีตาแต่ไร้แวว