หมู่เกาะเบอร์มิวดาบนทะเลแอตแลนติกเหนือเป็อาณาเขตปกครองตัวเองของประเทศอังกฤษ โดยพึ่งธุรกิจด้านการเงินและด้านการท่องเที่ยว ทำให้ “์แห่งการเลี่ยงภาษี” และ “์แห่งบริษัทต่างๆ” เป็ “ศูนย์กลางการธุรกิจด้านการเงินนอกชายฝั่ง” ที่มีชื่อเสียงในโลก
สายการบินตรงจากประเทศจีนไปยังเมืองแฮมิลตันในเบอร์มิวดาตอนนี้เป็เวลาบ่ายสามโมงตรงของเบอร์มิวดาชาวเอเชียผิวเหลืองกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากสนามบิน แม้ว่าท่าทางการขยับตัวจะว่องไวแต่ก็ยังดึงดูดสายตาของผู้คนโดยรอบ
สาวๆ หนุ่มๆ กว่าสิบคน ต่างก็มีรูปร่างสูงเพรียวแว่นตาสีดำบดบังใบหน้าของพวกเขาไปกว่าครึ่งแต่ก็สามารถเห็นได้ว่าหน้าตาของคนกลุ่มนี้ไม่ได้แย่เลยชายชาวต่างชาติสะพายกระเป๋าใบใหญ่ไว้บนหลังพูดออกมาด้วยความใ
“ไมค์ นั่นเป็กลุ่มนางแบบนายแบบจากเอเชียหรือเปล่า? หรือว่าจะมีงานแสดงอะไรที่แฮมิลตัน?”
“ดูสาวสวยที่นำมาคนนั้นสิ...”
หลินลั่วหรานที่เดินนำมาใบหน้ากว่าครึ่งของเธอถูกบดบังไปด้วยแว่นตากันแดดสีดำแต่กลับไม่อาจจะปกปิดท่าทางที่ดูสง่างามราวกับดาบคมได้ ในสายตาของชาวต่างชาติแล้วสาวที่รูปร่างสูงเพรียว ริมฝีปากหนาถึงจะนับเป็สาวสวยความงามที่ต่างกันของฝั่งตะวันตกตะวันออกแต่กลับเหมือนว่าจะถูกผสมรวมกับอยู่บนตัวของหลินลั่วหรานเรียบร้อยแล้ว
เพียงแค่ไปตั้งใจศึกษาเสียหน่อยประโยคสนทนาภาษาอังกฤษทั่วไปก็ไม่อาจจะเกินความสามารถของเหล่าผู้ฝึกศาสตร์ดังนั้นประโยคสนทนาของชายต่างชาติทั้งสอง ต่างก็ถูกคนกลุ่มนี้ได้ยินทั้งหมด
ภายนอกของเหวินกวนจิ่งนั้นดูธรรมดาในสายตาของคนต่างชาติก็ยิ่งแยกไม่ออกว่าใครเป็ใคร เขาไม่ได้สวมแว่นกันแดดเมื่อมองไปยังหลินลั่วหรานที่ตกเป็ที่สนใจ แม้แต่คำพูดแซวก็ไม่อาจจะพูดออกมาได้
ทางนี้ก็ได้จัดการเตรียมรถเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างติดป้าย “หน่วยสืบหา” เอาไว้มันคือรถทั่วไปที่ไม่ได้สะดุดสายตามากนักใน์แห่งการท่องเที่ยวที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยรถหรูราคาแพงก็นับได้ว่าเป็เพียงรถธรรมดาที่สามารถหาได้ทั่วไป
ในจิตใจของชาวจีนนั้น ไม่ว่าจะไปที่ไหนต่างก็รักในความธรรมดาทั่วไปหลินลั่วหรานก้มหัวลงเข้าไปนั่งในที่นั่งข้างคนขับ ก่อนจะถอดแว่นกันแดดออก
มีหลายคนที่ถือได้ว่าเป็ผู้ฝึกศาสตร์วัยรุ่นที่มีความสามารถโดดเด่นของประเทศจีนแต่กลับมีท่าทางเกี่ยงกันเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินลั่วหราน ต่างก็พากันไม่กล้านั่งรถคันเดียวกันกับเธอจึงเป็เหวินกวนจิ่งที่เดินเข้าไปนั่งที่เบาะหลังโดยไม่สนใจอะไรคนขับรถถึงได้ออกรถมา
“พี่เหวิน ได้ยินว่าครั้งนี้ คนที่มาร่วมไม่ได้มีแต่ประเทศจีนอย่างนั้นเหรอ?” หลินลั่วหรานมองมายังเหวินกวนจิ่งที่นั่งหลังตรงผ่านทางกระจกมองหลัง ในใจของเธอเองก็ไม่รู้ว่าแบบนี้จะดีหรือเปล่าั้แ่ที่พวกคนในทีมรู้ว่าเธอขึ้นเขาไปพบกับชายแก่สกุลกัวและชายแก่ตระกูลมู่มาต่างก็อยากจะพูดคุยกับเธอ แต่ก็ไม่กล้าที่จะรบกวนทำให้หลินลั่วหรานรู้สึกสงสัยในระดับของคนแก่ทั้งสองที่มีอยู่ในโลกแห่งการฝึกศาสตร์ของประเทศจีน
แต่การมาเบอร์มิวด้าในครั้งนี้ เธอไม่ได้มั่นใจนักหลินลั่วหรานไม่อยากให้เพื่อนร่วมทีมจะมีเพียงความกลัวและไม่สนใจให้กับเธอความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในทีม ก็เป็สิ่งสำคัญในการรักษาชีวิตเอาไว้!
เหวินกวนจิ่งจัดการกับความรู้สึกของตัวเองให้เรียบร้อยได้ยินมาว่าหัวหน้าหน่วยบอกว่าเธอฝึกมาจนเกือบจะเติมเต็มระดับฝึกลมปราณได้แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกน้อยใจเล็กน้อยเขาเป็ผู้ฝึกศาสตร์หน้าใหม่อันดับหนึ่งของประเทศแต่กลับถูกผู้หญิงที่โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้นำหน้าไปง่ายๆ อีกทั้งเธอยังเพิ่งเริ่มฝึกศาสตร์มาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นเพียงแค่เป็เด็กผู้หญิงที่มีปรมาจารย์ชำระไขกระดูกให้ก็สามารถก้าวขึ้นเหนือเขาไปได้แล้วเหวินกวนจิ่งก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรกับเธอมาั้แ่แรก
แต่เมื่อได้ยินคำประเมินจากชายแก่ทั้งสองแล้ว เหวินกวนจิ่งก็รู้ว่าการที่เธอฝึกมาได้ถึงระดับนี้พร์ที่โดดเด่นคงไม่ต้องพูดถึง ท่าทางของเธอเองก็ทำให้ไม่มีใครกล้าพูดจา
ความรู้สึกยากที่จะประเมินของเหวินกวนจิ่งแปรผันเป็ความเข้าใจบางทีหลินลั่วหรานที่เป็เพียงคนธรรมดานั้นอาจจะมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างจากพวกเขาไปั้แ่แรก?
ในใจของเขาคิดไปถึงความคิดก่อนหน้าเหวินกวนจิ่งก็รีบตอบกลับหลินลั่วหรานด้วยความรวดเร็ว
“ใช่แล้ว อเมริกา อังกฤษ รัสเซีย และญี่ปุ่น...รวมๆ กันแล้วก็ราวๆสิบประเทศ”
หลินลั่วหรานได้ยินว่าเหวินกวนจิ่งไม่ได้พูดอะไรออกมาเท่าไร จึงได้แต่หลับตาลงเรียกสมาธิอยู่ที่เบาะที่นั่งข้างคนขับถ้าหากว่าสายตาดีล่ะก็จะสามารถเห็นได้ว่ามือขวาของเธอถูกห้อมล้อมไปด้วยแสงสีฟ้าจางๆปิ่นปักผมฟีนิกซ์สองหัวงดงามแปลกตา ถูกหลินลั่วหรานนำมาเป็ของเล่นมันเปล่งแสงสีฟ้าเบาบางที่คนไม่ทันสังเกตได้จากตาเปล่าภายใต้แสงอาทิตย์...สิ่งที่ต่างไปจากหลายวันก่อนหน้านี้ก็คือดูเหมือนว่าปิ่นปักผมฟีนิกซ์นั้น จะได้รับการปลดปล่อยออกจากโซ่ตรวนแล้วมันไม่ใช่ปิ่นปักผมประดับมุกธรรมดาๆ อีกต่อไป
ตลอดทางเหวินกวนจิ่งััได้ถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่รอบๆมือของหลินลั่วหราน นี่เป็อีกเหตุผลที่แม้ว่าเหล่าผู้ฝึกศาสตร์ที่มีความโดดเด่นเ่าั้จะเห็นว่าหลินลั่วหรานดูมีความเป็เด็ก แต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้ได้ยินมาว่าของสิ่งนั้นคือของที่มีพลังชิ้นหนึ่ง ใครๆต่างก็รู้ถึงพลังของเธอเป็อย่างไร ทางที่ดีอย่าไปกวนลูกศิษย์ของผู้มีระดับสูงเลยน่าจะดีกว่า
“ฮัลโหล?” ภายใต้บรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้ อยู่ๆโทรศัพท์ของหลินลั่วหรานก็ดังขึ้น
“ลั่วหราน เธอถึงแล้วหรือยัง?” เสียงที่ถูกส่งออกมาจากปลายสายคือน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของเป่าเจีย ทุกครั้งที่หลินลั่วหรานได้ยินเธอก็รู้สึกดีใจขึ้นมา คนเรามักจะรู้สึกหวงแหนของที่เคยเกือบจะเสียไปครั้งหนึ่งเมื่อหลายวันก่อนเป่าเจียได้รับาเ็หนัก หลินลั่วหรานจึงดีใจมากที่เพื่อนรักของเธอได้รับโชคจากอุบัติเหตุครั้งนี้
ท่าทางเ็าของหลินลั่วหรานหายไปเล็กน้อยมุมปากของเธอประดับไปด้วยรอยยิ้ม “เพิ่งจะลงจากเครื่องบินมาได้สักพักเธอล่ะ เจอกับพ่อแม่หรือยัง?”
“ฉันพาพ่อกับแม่ของเธอไปส่งที่คฤหาสน์หลังเขาชิงเฉิงแล้ว แล้วเสี่ยวลั่วตงก็มีนักปราชญ์คนนั้นคอยดูแลอยู่เธออยู่ที่เบอร์มิวดาก็สบายใจเถอะ”
เป่าเจียเงียบไปสักพัก เหมือนว่าจะเรียกให้พ่อกับแม่มาคุยกับหลินลั่วหรานหลินลั่วหรานได้ยินเสียงของพ่อกับแม่พูดเข้ามาว่าโทรออกนอกประเทศสิ้นเปลืองมากเกินไปมีเพียงเสี่ยวลั่วตงที่รับสายแล้วพูดว่า “พี่สาว” ออกมา แม้จะมีระยะทางที่ห่างไกลแต่หลินลั่วหรานก็ััได้ถึงความคิดถึงของพวกเขา ค่ำคืนแห่งเบอร์มิวดาเคลื่อนเข้ามาใกล้ ทำให้หลินลั่วหรานไม่มีเวลานักจึงต้องตรงมาจากเมืองหลวงพร้อมกับคนส่วนมาก ั้แ่ที่เกิดเื่กับเป่าเจีย เธอก็ยังไม่ได้กลับบ้านเลย
เธอกำชับกับเป่าเจีย ก่อนที่จะวางสายไป
นิสัยของพ่อกับแม่ไม่ว่าอย่างไรก็แก้ไม่ได้เมื่อได้คุยโทรศัพท์กันทั้งสองฝั่งต่างก็วางใจ พวกเขาไม่สามารถจะเจอหน้ากันได้สิ่งที่พอจะทำได้มากที่สุดก็มีเพียงเท่านี้
คฤหาสน์ชิงเฉิงที่เป่าเจียพูดถึงคือของขวัญที่ชายแก่ตระกูลมู่และสกุลกัวมอบให้ หลินลั่วหรานเองก็ไม่เคยไปมาก่อนพวกเขาบอกว่าเป็ของแสดงความขอบคุณสำหรับหยกของเธอ หลินลั่วหรานก็เลยรับเอาไว้ที่อยู่ก็เป็สิ่งสำคัญ ทุกวันนี้คนที่อยู่ที่ชิงเฉิงต่างก็เป็ผู้ฝึกศาสตร์ชายแก่ทั้งสองก็ดีกับเธออีกทั้งเป็ผู้าุโระดับพื้นฐาน...หลินลั่วหรานไม่ได้กลัวอะไรไอลี่แต่กังวลว่าตระกูลโจวอาจจะตามหาร่องรอยมาถึงตัวเธอได้ถึงจะบอกว่าเื่นี้ถูกหน่วยพิเศษปิดบังเอาไว้แล้วแต่ก็ไม่อาจจะยืนยันได้ว่าตระกูลโจวจะไม่แอบทำอะไรลับๆ
อย่างไรก็เป็ถึงตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง หากมาสร้างปัญหาให้กับบ้านหลินแล้วเธอก็คงไม่มีอำนาจจะไปต่อรองตอนนี้เธอจึงให้พ่อกับแม่และลั่วตงไปอยู่ที่คฤหาสน์ชิงเฉิงชั่วคราวก่อน เพื่อความปลอดภัยความสามารถของผู้ฝึกศาสตร์ การฝึกเวททั้งห้า ่นี้หลินลั่วหรานก็เข้าใจมันขึ้นมากแล้ว
เธอมองพิจารณาปิ่นปักผมฟีนิกซ์ในมือเธอนึกภาวนาขึ้นในใจก่อนที่ปิ่นปักผมจะถูกเก็บเข้าไปในพื้นที่ลึกลับเหวินกวนจิ่งที่นั่งอยู่ที่เบาะหลัง เห็นว่าแสงสีฟ้าในมือของเธอหายไปในทันทีเห็นว่ามือทั้งสองของหลินลั่วหรานเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ก็อดที่จะเหลือบสายตาออกไปไม่ได้ที่แท้สำหรับคนที่มีความสามารถแล้ว ขั้นตอนเหล่านี้ต่างก็เป็เวทโบราณสินะ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้