“เอาล่ะ... ทุกคนทำได้ดีมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกเราค่อยลุยกันต่อ”
“ค่ะ! โอเค!”
โค้ชสอนเต้นประกาศสิ้นสุดการซ้อมที่กินเวลายาวนานทั้งวัน หลังจากทำให้ทุกคนกระปรี้กระเปร่าขึ้นแล้วโค้ชก็กลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุดพร้อมกับพวกเรา
เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการถ่ายทอดสดในสตูดิโอที่มีเพียงครั้งเดียวก่อนที่ซิงเกิลใหม่จะถูกปล่อยอย่างเป็ทางการ
เพราะอยากให้ตอนที่ถ่ายทอดสดแสดงออกมาดีที่สุด สมาชิกวง CYRA ทุกคนต่างซ้อมกันอย่างไม่ย่อท้อ
“เฮ้อ วันนี้เหนื่อยมากเลย”
“ยูทากะ ฮึกเหิมหน่อย”
“ฉันรู้แล้วน่า... แค่บ่นนิดหน่อยเอง”
เมื่อถึงเวลาพักที่มีแค่พวกเราสี่คนจึงสามารถผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่
ยูทากะเปิดตู้เสื้อผ้าราวกับคนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ชิโยริที่ตามมาด้านหลังจึงให้กำลังใจเธอด้วยสีหน้าจริงจัง
ทั้งสองคนชอบเล่นหยอกล้อกันแบบนี้ คุยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป
“เรย์ วันนี้ก็ลำบากเธอแล้วนะ สู้ๆ”
“อ่า ขอบใจนะ”
ฉันทักทายเรย์ที่อายุน้อยสุดในวงแต่ตัวสูงกว่าฉันนิดหน่อย เธอเอ่ยปากตอบกลับอย่างสุภาพทันที
เรย์ไว้ผมสั้น ลุคดูเท่ๆ แม้ว่าภายนอกเธออาจจะดูเ็าเล็กน้อย แต่ความจริงแล้วเธอเป็สมาชิกที่มีความเป็ผู้หญิงมากที่สุดในวง
ทว่าบริษัทได้เอาจุดเด่นด้านการร้องเพลงที่ดีที่สุดของเธอมาสร้างภาพลักษณ์ให้กลายเป็คนเ็าและพูดน้อย มีเพียงการแสดงบนเวทีเท่านั้นที่จะทำให้เธอสลัดภาพลักษณ์นี้ออกไปได้
ไม่ใช่แค่ทาจิบานะ ไอกะเท่านั้น พวกเราทุกคนต่างก็ใช้จุดเด่นเฉพาะตัวเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองเหมือนกัน
ยูทากะน่ารัก มีไหวพริบ ไว้ผมหน้าม้า ส่วนชิโยริที่มักจะมัดผมทรงหางม้าเป็คนจริงจังแต่ใจดี และไอกะที่เป็คนสดใสร่าเริง ยิ้มแย้มอยู่เสมอ
แต่สิ่งที่ต่างจากฉันคือพวกเธอเป็สาวน้อยวัยเบ่งบานราวบุปผา เป็ไอดอลหญิงมัธยมปลายกันจริงๆ
มีเพียงไม่กี่คนที่รู้อายุจริงของฉัน ซึ่งพวกเธอก็เป็หนึ่งในนั้นเพราะว่าเดบิวต์มาพร้อมกันและเป็เพื่อนกันด้วย ถึงจะมีช่องว่างระหว่างวัยแต่เวลาที่พูดคุยกันก็ไม่ได้สนใจลำดับขั้นรุ่นพี่รุ่นน้องมากนัก
แม้ว่าฉันจะยืนอยู่ตรงกลางบ่อยที่สุด แต่จริงๆ แล้วพวกเราไม่มีตำแหน่งหัวหน้าวง ที่ผ่านมาอาศัยความรับผิดชอบของทุกคนทำงานร่วมแรงร่วมใจกันมาโดยตลอด
“จะว่าไปแล้ว… วันนี้เป็วันออนแอร์สินะ”
“ออนแอร์อะไร?”
“ไอกะเธอลืมแล้วเหรอ!? รายการสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไง!”
“อ๋อ... เหมือนจะจำได้แล้วล่ะ”
เพราะว่า่นี้ยุ่งมากๆ ไม่ว่าจะเป็เวลางานหรือเวลาส่วนตัวต่างก็ถูกจัดตารางไว้จนเต็มทั้งหมด
เดิมทีฉันเองก็ตั้งตารอรายการนั้นแต่กลับลืมไปเสียสนิท หากยูทากะไม่เตือนฉันคงพลาดมันไปแล้วจริงๆ
เธอรู้โปรแกรมงานต่างๆ ของสมาชิกดีกว่าพวกเราอีกสามคน และมักจะคอยเตือนเมื่อรายการไหนถึงเวลาออนแอร์
“่นี้ไอกะดูร่าเริงจัง คงไม่ใช่ว่ามีเื่อะไรดีๆ เกิดขึ้นหรอกนะ?”
“เื่ดีเหรอ? ก็ไม่นับว่าดีมั้ง”
“อะไรเหรอ รู้สึกมีลับลมคมใน”
“เอ๊ะ!? ว่าแล้วเชียว ต้องมีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม!?”
ชิโยริถามด้วยรอยยิ้มเพราะเห็นสีหน้าของฉัน แต่ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ใส่ใจอะไรเป็พิเศษ
ทว่ายูทากะที่ได้ยินฉันตอบอย่างลังเลจึงถามขึ้นในทันทีว่าฉันปิดบังอะไรอยู่
ฉันไม่สามารถพูดสาเหตุที่แน่ชัดออกมาได้ แต่ข้อความที่เพิ่งได้รับทางโทรศัพท์ส่วนตัวเมื่อตอนเที่ยงก็คงมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่บ้าง
เป็เื่ยากที่โยตะจะเป็ฝ่ายนัดฉันก่อน อีกทั้งยังส่งข้อความมาเร็วขนาดนี้เพื่อถามความยินยอมของฉัน ในใจเลยรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าที่คิดไว้
สำหรับฉันการได้อยู่กับโยตะแทบจะกลายเป็ส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว ไม่ใช่แค่เพื่อบรรเทาความ้าทางเพศเพียงอย่างเดียว
แต่สิ่งที่สำคัญกว่าในตอนนี้คือฉันจะสลัดคำถามของยูทากะทิ้งไปได้อย่างไร
“คือว่า... คุณซาเอกุสะบอกในกลุ่มว่าเธอจอดรถรอนอกลานจอดรถแล้ว เธอจะไปส่งพวกเรากลับบ้าน”
ขณะที่ฉันยังรู้สึกหนักใจกับคำถามที่ตอบไม่ได้ เรย์ที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็บังเอิญช่วยแก้สถานการณ์ให้ฉันพอดี
หลังจากชื่นชมเรย์เงียบๆ ในใจ ฉันจึงถือโอกาสนี้เปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“งั้นพวกเรารีบเตรียมตัวเถอะ อย่าปล่อยให้คุณซาเอกุสะรอนาน”
ฉันแกล้งทำเป็รีบเก็บเสื้อผ้าที่เปลี่ยนไว้ ส่วนคนอื่นๆ เมื่อถูกกระตุ้นก็ได้แต่พยายามเก็บสัมภาระของตัวเองให้เร็วที่สุด
อาคารสำนักงานมีลานจอดรถใต้ดินในตัวกับรถสาธารณะที่ลงทะเบียนไว้ แม้ว่าจะไม่ได้แจ้งกำหนดการเดินทาง เพียงเราสี่คนรวมตัวกันคุณซาเอกุสะก็จะพยายามขับรถมารับพวกเราไปส่งที่บ้าน
ถึงจะเดบิวต์เป็ไอดอลแล้วแต่ชิโยริที่บ้านเกิดอยู่เมืองอื่นเลยยังต้องอาศัยอยู่ที่หอพักกลุ่มซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ โดยมีผู้จัดการหอพักเป็ผู้รับผิดชอบดูแลเธอรวมทั้งเด็กฝึกหัดคนอื่นๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
ชิโยริที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วแถมยังใช้ชีวิตอยู่ในกฎระเบียบมากกว่าคนอื่นๆ ดูเหมือนเธอจะกลายเป็ผู้ทรงอิทธิพลและได้รับความนับถือจากในหอพักด้วย
ส่วนยูทากะกับเรย์ยังคงอาศัยอยู่ที่บ้าน ตอนนี้จึงมีเพียงฉันที่อาศัยอยู่คนเดียวข้างนอก และเมื่อไม่นานมานี้ฉันก็เพิ่งย้ายจากคอนโดธรรมดาๆ ที่ไม่มีลิฟต์ไปยังคอนโดหรูระดับไฮเอนด์
ดังนั้นคุณซาเอกุสะจึงมักจะแยกส่งพวกเขากลับบ้านก่อนแล้วค่อยขับรถพาฉันไปส่งที่อยู่ปัจจุบันเพียงลำพัง
เพียงแต่ว่า่นี้เธอปกป้องฉันมากเกินไปหน่อย แม้กระทั่งตอนนี้ที่พระอาทิตย์เพิ่งจะตกดิน เธอก็ยังพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะส่งฉันกลับบ้านด้วยตัวเอง
ทั้งๆ ที่ก่อนจะย้ายไปบ้านใหม่ ตราบใดที่ยังไม่ดึกจนเกินไปฉันจะถูกขอให้นั่งแท็กซี่หรือนั่งรถไฟใต้ดินกลับบ้าน
คุณซาเอกุสะแค่บอกคร่าวๆ ว่าหลังจากมีชื่อเสียงมากขึ้นก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับความเป็ส่วนตัวในที่พักอาศัย ฉันเลยไม่ได้ถามอะไรมากนัก
“่นี้มีอะไรพิเศษเกิดขึ้นบ้างไหม?”
“มีสิ พวกเราจะปล่อยซิงเกิลแล้ว”
“เื่นี้แน่นอนว่าฉันรู้... ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว เอาเป็ว่าถ้า้าอะไรให้บอกฉันก็แล้วกัน”
“ได้เลย”
ั้แ่ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ เวลาที่พวกเราอยู่บนรถกันสองคน คุณซาเอกุสะมักจะถามคำถามนี้กับฉันเสมอ
ในตอนแรกฉันคิดว่าตัวเองคงถูกคุณซาเอกุสะจับสังเกตเื่ของโยตะได้เสียแล้ว แต่หลังจากกังวลอยู่สักพักก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็เช่นนั้น
เธอมักจะพูดขึ้นมาลอยๆ ประหนึ่งทักทายทั่วไป เหมือนแค่ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของฉันเท่านั้น
ฉันจึงค่อยๆ เพิกเฉยและคิดว่าเป็ส่วนหนึ่งของคำถามเชิงธุรกิจแทน
“ถึงจะแปลกนิดหน่อยที่ถามคำถามนี้ แต่่นี้คุณไม่ได้ขอให้ฉันซื้อของเล่นใหม่ให้เลย ชิ้นนั้นที่ซื้อครั้งที่แล้วใช้ดีมากเลยเหรอ?”
“เอ๊ะ คุณหมายถึง... อ่า! ใช่ ใช่แล้ว มันใช้ดีมากจริงๆ !”
ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรู้ว่าคุณซาเอกุสะ้าถามอะไร ฉันถึงได้นึกออกว่าตัวเองไม่ได้รบกวนเธอมาสักระยะหนึ่งแล้ว
เมื่อลองนับๆ ดูั้แ่วันที่ฉันช่วยตัวเองแล้วถูกโยตะรู้เข้า จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว
กล่องเล็กๆ เต็มไปด้วยของที่ฉันขอให้เธอซื้อให้ตลอดระยะเวลาหนึ่งปี แต่พอฉันได้เจอโยตะจำนวนของในกล่องก็ไม่เพิ่มขึ้นอีกเลย เธอจะสงสัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของฉันก็ไม่แปลกหรอก
