ยามคดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติยังไม่ตัดสิน คนตระกูลเฉิงก็ห่างเหินพวกเฉิงชิงทั้งบ้าน นอกจากบ้านห้าแล้ว บ้านอื่นไม่เคยมาเยี่ยมเยียน
พอราชโองการลงมา คนในตระกูลจึงค่อยละทิ้งอคติและความแคลงใจ ไปมาหาสู่กับครอบครัวเฉิงชิงเป็ปกติ พิธีศพของเฉิงจือหย่วนก็จัดอย่างครึกครื้นเป็อันมาก แเื่ที่มาเข้าร่วมพิธีศพทยอยมากันไม่ขาดสาย... ทว่าสิ่งเหล่านี้ก็มิอาจปิดบังจุดหนึ่งได้ ความผูกพันที่เฉิงชิงมีให้กับตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ยังคงไม่ลึกซึ้งพอ!
เดิมเป็เด็กที่เติบโตอยู่ด้านนอก ทั้งยังเคยผ่านประสบการณ์การเผชิญหน้ากันอย่างเ็าก่อนหน้านี้ นอกจากบ้านห้าแล้ว เฉิงชิงปฏิบัติต่อคนอื่นในตระกูลตามมารยาทเท่านั้น
รอหลังจากการสอบระดับมณฑล เฉิงชิงต้องเข้าเมืองหลวงไปศึกษาที่สำนักศึกษาหลวง เวลาอยู่ที่อำเภอหนานอี๋ไม่อาจนานเกินไป หากไม่ผ่านการสอบระดับมณฑล ไม่ได้เป็บัณฑิตจวี่เหริน สอบใหม่อีกครั้งก็คงผ่านแล้วกระมัง? อย่างสั้นสองสามปี อย่างยาวห้าหกปี เฉิงชิงก็จะสามารถไปจากหนานอี๋ หลังจากนี้ก็จะยิ่งห่างเหินกับคนในตระกูล หากไม่ฉวยโอกาสยามนี้เพิ่มความรู้สึกลึกซึ้งระหว่างเฉิงชิงและคนในตระกูล ในอนาคตก็ยิ่งไม่อาจมีโอกาสแล้ว
วิธีที่นายท่านห้าให้นางและบุตรหลานตระกูลเฉิงใกล้ชิดไม่นับว่าเห็นแก่ตัว หากมีความเห็นแก่ตัว ก็เพื่อคนในตระกูลไม่ใช่เพื่อตนเอง ดังนั้นเฉิงชิงจึงทอดถอนใจที่นายท่านห้าเป็ผู้นำตระกูลโดยไม่ได้พึ่งอิทธิพลของนายท่านหกทั้งหมด เปลี่ยนให้คนอื่นมาเป็ ก็ไม่แน่ว่าจะมีวิสัยทัศน์และแบบแผนเหมือนนายท่านห้า
ผู้นำตระกูลก่อนหน้านี้คือบ้านใหญ่ตระกูลเฉิง ซึ่งก็คือปู่ลุงแท้ๆ ของเฉิงชิง นางไม่วิจารณ์คนที่เสียไปแล้วตามอำเภอใจ แต่เมื่อผู้นำตระกูลเปลี่ยนมาเป็นายท่านห้า พัฒนาการของตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ก็ดีขึ้นอย่างชัดเจน
ภายในไม่วุ่นวาย ศัตรูภายนอกคิดจะโจมตีย่อมหาช่องว่างในรอยแยกไม่ได้
ตามที่เฉิงชิงเข้าใจ หลังจากนายท่านห้ารับตำแหน่ง ตระกูลเฉิงก็ไม่ปรากฏเื่ห่างเหินอย่างการแยกบ้านของบ้านรองในปีนั้นอีก บุตรชายของภรรยาคนแรกไม่ลงรอยกับมารดาเลี้ยง ถึงขนาดกระเบื้องสักแผ่นก็ไม่้า ออกไปอย่างคนตัวเปล่า กล่าวได้ว่าเป็เื่ที่แปลกประหลาด!
เพราะซาบซึ้งและชื่นชมต่อนายท่านห้า ถึงแม้เฉิงชิงจะรู้ถึงแผนการของนายท่านห้า นางก็ยินยอมที่จะให้ความร่วมมือกับอีกฝ่ายสนิทสนมใกล้ชิดกับบุตรหลานตระกูลเฉิง
ไม่มีผู้ใดยินยอมที่จะโดดเดี่ยวเดียวดายตัดขาดจากผู้อื่น ไม่เว้นแม้แต่เฉิงชิง
เพียงแต่นางไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ บุตรหลานตระกูลเฉิงที่มีนิสัยเหมือนกันสามารถไปมาหาสู่กัน ที่นิสัยไม่เข้ากันนางก็ไม่มีทางเป็ฝ่ายไปตีสนิทก่อน
คิดดูแล้ว นางเองก็เป็ผู้ที่เคยปฏิเสธคำชักชวนของเยี่ยอ๋องซื่อจื่อ บุตรหลานตระกูลเฉิงที่สามารถทำให้นางเป็ฝ่ายตีสนิทก่อนได้ต้องหน้าหนามาก! มีอำนาจมากกว่าเยี่ยอ๋องซื่อจื่อ หรือว่าหล่อเหลากว่าอีกฝ่าย? แต่ละอย่างล้วนเทียบไม่ได้ เฮ้อ ถ้าเช่นนั้นก็ไปพักก่อนเถอะ!
ผู้ที่มาสอบที่เมืองเซวียนตูครั้งนี้ด้วยกัน มีคนผู้หนึ่งนามว่าเฉิงเหิง อายุมากกว่าเฉิงกุยนิดหน่อย หาข้อติเตียนนางไม่หยุด ้าไม่ให้นางอวดฉลาด ทุกคำที่เฉิงชิงเอ่ย อีกฝ่ายก็มักจะต้องหยิบมาเสียดสี ทำให้นางรู้สึกรังเกียจมาก
เมื่อถามแล้วได้ความว่าเป็บุตรหลานของบ้านใหญ่ตระกูลเฉิงดังคาด ในใจของเฉิงชิงตระหนักขึ้นได้ หลังจากนางกลับมาหนานอี๋ บ้านใหญ่มองพวกนางทั้งบ้านเหมือนเป็อากาศธาตุ เฉิงชิงเองก็ไม่เคยคิดที่จะไปขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย
พอราชโองการของราชสำนักลงมา บ้านใหญ่ก็ยังมีความถือตัวอยู่บ้าง
เฉิงชิงยิ่งไม่แยแส
เข้าหาไม่เข้าหาเกี่ยวอะไรกันด้วย คนในตระกูลที่อาศัยอยู่ในอำเภอหนานอี๋มีเยอะขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าพอออกจากความสนใจของบ้านใหญ่ คนในครอบครัวนางก็จะอัดอั้นตันใจตายอย่างไม่เต็มใจ?
แค่อัดอั้นใจตันใจไม่ตายหรอก!
ต่างฝ่ายต่างไปคนละทาง เ้าเฉิงเหิงผู้นี้มาเสียดสีนางอย่างไม่มีเหตุผล หลายครั้งก่อนหน้าเฉิงชิงล้วนเพิกเฉย เฉิงเหิงนึกว่าเฉิงชิงอ่อนแอรังแกง่ายก็ยิ่งกำเริบเสิบสาน ไม่คิดว่ารอยามเขายั่วยุอีกครั้ง เฉิงชิงกลับอารมณ์เสียใส่ทันที วิจารณ์เขาจนนิ่งอึ้งไร้คำพูด
“เ้า เ้าไม่เห็นพี่ใหญ่ในสายตา——”
ริมฝีปากเฉิงเหิงสั่นระริก มือที่ชี้เฉิงชิงสั่นเทา หากไม่ได้ถูกผู้อื่นรั้งไว้ ดูเหมือนว่าจะกระโจนเข้าใส่เฉิงชิงแล้ว
เฉิงชิงถกแขนเสื้อ ยิ้มบางอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เห็นพี่ใหญ่ในสายตา... กุญแจทองเหลืองชั้นดีหนึ่งตำลึงเงินสามารถสำรองได้สิบดอก เ้าสำรองกี่ดอก? เ้าสำรองหรือ[1]?!”
หืม?!
ไม่ใช่ว่ากำลังทะเลาะอยู่หรือ อยู่ดีๆ ทำไมพูดถึงลูกกุญแจสำรองอะไร?
สมองของเฉิงเหิงมึนงงไปชั่วขณะ สีหน้าก็ตะลึงงัน
รอจนได้สติกลับมา บนใบหน้าของคนไกล่เกลี่ยก็กลั้นไว้ไม่อยู่ ในที่สุดก็หัวเราะออกเสียง
หลายคนยิ่งคิดก็ยิ่งขำ ใช้กำลังลากเฉิงเหิงกลับห้อง “พอแล้วๆ ล้วนเป็เื่เล็กน้อย ทะเลาะกันต่อแล้วยังจะเข้าร่วมการสอบระดับเมืองอยู่ไหม?”
เฉิงเหิงเองก็ได้สติขึ้นมา ความอายแปรเปลี่ยนเป็ความโกรธ
“พวกเราเติบโตด้วยกันมาั้แ่ยังเล็ก เหตุใดพวกเ้าจึงลำเอียงไปช่วยเ้าเด็กเวรเฉิงชิง? วันนี้เขาไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา วันหน้าเขาก็ไม่มีทางเคารพพวกเ้า!”
คนไกล่เกลี่ยมองหน้ากันอย่างท้อใจ
ทุกคนล้วนเป็พี่น้องร่วมตระกูลที่วัยไล่เลี่ยกัน อีกทั้งพวกเขาก็ไม่ใช่ผู้าุโของเฉิงชิง เหตุใดเฉิงชิงจึงต้องเคารพพวกเขา?
พี่น้องรุ่นเดียวกัน ไปมาหาสู่กันตามปกติก็ถูกต้องแล้วมิใช่หรือ
คนไกล่เกลี่ยไม่ค่อยเข้าใจแิของเฉิงเหิงนัก ปฏิเสธเื่ที่ลำเอียงช่วยเหลือเฉิงชิง ไม่เช่นนั้นจะถูกเฉิงเหิงยั่วยุไปเรื่อยๆ เฉิงชิงเองก็ไม่มีทางโกรธ เื่นี้เป็เฉิงเหิงที่ไร้เหตุผล
จนปัญญาที่เฉิงเหิงฟังไม่เข้าหัว ตัดสินไปแล้วว่าสหายเหล่านี้รู้สึกว่าเฉิงชิงมีอนาคตไกลกว่า ดังนั้นจึงลำเอียงช่วยเหลือเฉิงชิง
“เพิ่งเริ่มต้นการสอบระดับเมืองเอง พวกเ้าเลือกข้างเร็วไป หลังจากนี้อย่ามาเสียใจทีหลัง!”
เดี๋ยวก่อน ยิ่งพูดยิ่งเพี้ยนแล้ว พวกเขาเลือกข้างตอนไหนกัน?
อย่าบอกนะว่าไปมาหาสู่กับพี่น้องในตระกูลต้องเลือกข้างด้วยหรือ พูดคุยกับเฉิงชิง เฉิงเหิงก็จะไม่พอใจ… เฉิงชิงไม่ได้ทำอะไรผิด แม้จะสอบได้เป็บัณฑิตอั้นโส่วประจำอำเภอ คนในครอบครัวได้รับการเลื่อนขั้นย้อนหลัง แต่ก็ไม่เห็นจะอวดดีตรงไหน
กลับเป็เฉิงเหิงที่ใจแคบเกินไป
วิจารณ์ว่าเฉิงชิงไม่เห็นพี่ใหญ่ในสายตา ก็ควรมองตนเองว่าไม่มีจิตใจของคนเป็พี่ใหญ่ไหม!
เฉิงชิงไม่เห็นการก่อกวนของเฉิงเหิงในสายตา การสอบระดับเมืองสนามแรก นางแสดงฝีมือได้ดียิ่ง สนามแรกคือการสอบเติมคำจากคัมภีร์ เป็การทดสอบความจำ ให้เขียนวรรคที่หายไปในกระดาษข้อสอบที่กำหนดให้ และเป็การทดสอบลายมือ ตัวอักษรที่งดงามยามอ่านก็สามารถทิ้งความรู้สึกประทับใจที่ดีให้แก่ผู้คุมสอบ
เฉิงชิงรู้สึกพึงพอใจกับกระดาษคำตอบของตนเองอย่างยิ่ง
หลังจากฝังร่างเฉิงจือหย่วน ลายมือของเฉิงชิงก็พัฒนาอย่างก้าวะโในเวลาอันสั้น ยามเขียนอักษรมือก็ยิ่งฟังคำสั่ง เหมือนได้รับสืบทอดมรดกของ ‘เฉิงชิง’ ในคืนเดียว
‘เฉิงชิง’ สามารถเขียนตัวบรรจงเล็กอย่างสวยงาม นางเองก็ทำได้เช่นกัน
แต่ลักษณะนิสัยของคนทั้งสองแตกต่างกัน ลายมือจึงเปลี่ยนแปลง ฝีแปรงของ ‘เฉิงชิง’ มีความอ่อนโยนของเด็กสาว แต่นางกลับกล้าหาญผ่าเผย
การสอบระดับเมืองมีทั้งหมดสามสนาม เหมือนการสอบระดับอำเภอ การสอบสนามแรกสำคัญที่สุด หากเขียนหลักปรัชญาในคัมภีร์ขงจื๊อไม่ได้ แสดงว่าพื้นฐานไม่แน่นพอ อีกสองสนามที่เหลือก็ไม่ต้องสอบแล้ว ผู้ที่หลุดจากรายชื่อของสนามแรกได้แต่ออกจากสนามอย่างเศร้าโศก… ศิษย์ที่สถานศึกษาหนานอี๋รับเข้านั้นมาตรฐานสูง บุตรหลานตระกูลเฉิงที่กล้าลงสนามปีนี้ย่อมมีความสามารถหลายส่วน การสอบระดับเมืองสนามแรกประกาศรายชื่อแล้ว บุตรหลานตระกูลเฉิงที่อยู่ร่วมกับเฉิงชิงทุกคนล้วนมีชื่ออยู่บนประกาศ ไม่เว้นแม้แต่เฉิงเหิง
แต่เฉิงเหิงไม่ดีใจแม้แต่น้อย
คิดไม่ถึงว่าเฉิงชิงจะสอบได้อันดับที่หนึ่งอีกแล้ว!
เฉิงเหิงหงุดหงิดจนอยากกระอักเื
สู้เฉิงชิงในการสอบระดับอำเภอไม่ได้ก็ช่างเถิด ผู้เข้าสอบระดับเมืองจากทุกอำเภอภายใต้เมืองเซวียนตูมารวมตัวกัน คาดไม่ถึงว่ายังปล่อยให้เฉิงชิงคว้าอันดับหนึ่งไปอีก?
เขียนเติมคำจากคัมภีร์ เฉิงชิงไม่ผิดแม้แต่ข้อเดียวจริงๆ หรือ?!
เหล่าพี่น้องในตระกูลต่างแสดงความยินดี เฉิงชิงถ่อมตัว
“เพียงแค่โชคดีเท่านั้น สนามที่สองไม่รู้ว่าจะยังโชคดีเช่นนี้หรือไม่”
คำพูดนี้เป็ความจริง
เซวียนตูคือเมืองใหญ่ มีอำเภอใต้ปกครองมากมาย ผู้เข้าสอบที่เข้าร่วมการสอบระดับเมืองรวมกันแล้วเป็พันคน นางสามารถโดดเด่นเหนือผู้อื่นได้ ความสามารถคือสิ่งจำเป็ โชคที่สนับสนุนก็จำเป็ไม่น้อย
สนามที่สอง สอบการเขียนเรียงความดังคาด เฉิงชิงมีความยุ่งยากเล็กน้อย เมื่อประกาศรายชื่อนางก็ไม่ใช่อันดับที่หนึ่งแล้ว
ผลลัพธ์นี้เฉิงชิงเตรียมใจไว้นานแล้ว ทว่าเฉิงเหิงพอใจมาก เดินยืดอกไปหลายวัน
เฉิงชิงเหลือกตาใส่อย่างเกียจคร้าน “ข้าไม่ได้อันดับหนึ่ง เ้าเองก็ไม่ได้ ควรค่าแก่การดีใจหรือ?”
ไม่เทียบก็ไม่รู้ เมื่อเทียบแล้วก็ชวนให้ขนลุก เมื่อมีเฉิงเหิงแล้ว แม้แต่ท่าทีเสแสร้งของเฉิงกุยก็เปลี่ยนไปมีความน่ารักอยู่บ้าง!
สีหน้าเฉิงเหิงย่ำแย่ ลอบปฏิญาณกับตนเองในใจ เขาจะต้องกดเฉิงชิงลงในสนามที่สามอย่างเต็มกำลัง
[1] เป็มุกตลกเล่นคำของคนจีน คำว่า 配 สามารถแปลได้ว่าสำรองและคู่ควร ดังนั้นประโยคของเฉิงชิงในที่นี้จึงแปลได้ว่า “ไม่เห็นพี่ใหญ่ในสายตา...เ้าคู่ควรเท่าไหร่กันเชียว? เ้าคู่ควรหรือ?”
