“คุณ ชาย สี่!”
เสียงที่อ่อนหวานของชุ่ยหลิวดังขึ้นอีกครั้ง นางถูกหลิววั่งกุ้ยัั พลันเกิดความหวั่นไหวไปตามอารมณ์ เสียงนั้นทั้งออดอ้อนออเซาะและทำให้คนใจอ่อน
“เอ่อ เอาน้ำแกงมาให้ข้าเถอะ ระวังลวกมือ”
ความห่วงใยเช่นนี้พูดได้เป็ทางการนัก หากไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เขาถูกเนื้อต้องตัวนางไปหนึ่งหน เกรงว่าคนคงนึกว่าเขาเป็บุรุษที่ท่าทางขึงขัง
ดวงตาดูดิญญาของชุ่ยหลิวช้อนมองมาที่เขา ยิ้มหวานแล้วเอ่ย “นั่นสิ ข้ายกจนเมื่อยและเจ็บแขนไปหมด”
หลิววั่งกุ้ยเอื้อมมือออกไปรับถ้วยน้ำแกงที่นางยื่นมาให้ ก่อนจะวางไว้บนโต๊ะที่ใช้อ่านตำรา จากนั้นมองออกไปทางหน้าต่าง เมื่อเห็นว่าด้านนอกลานบ้านไม่มีคนอยู่จึงคว้ามือที่อ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูกของนางไว้ เขารู้สึกเพียงว่าชุ่ยหลิวคือของชั้นดี
ในใจยิ่งบังเกิดความพึงพอใจ
“โอ๋ ไม่เจ็บนะ ข้าจะนวดให้เ้า ต่อไปเื่เหล่านี้ปล่อยให้หลานสาวสองคนของข้าไปทำ”
ชุ่ยหลิวทำสีหน้าเป็ห่วง โบกมือแล้วเอ่ย “มิกล้า มิกล้า พวกนางเป็เ้านาย ข้าเป็บ่าว นี่คือเื่ที่บ่าวควรทำ ได้ปรนนิบัติคุณชายสี่ บ่าวยินดีเ้าค่ะ”
“มือน้อยๆ ของเ้าบอบบาง ทำงานหนักไม่ได้ หากว่าาเ็คงทรมานน่าดู เรียกให้หลานสาวสองคนของข้าไปทำดีกว่า พวกนางทำงานหนักจนเคยชินแล้ว”
ถ้อยคำของหลิววั่งกุ้ยทำเอาพี่น้องสองคนที่แอบฟังอยู่แทบกระอักเื ยังมีอาที่ทำตัวแย่ๆ เช่นนี้กับหลานสาวแท้ๆ ด้วยหรือ?
สาวใช้ที่มีเสน่ห์สามารถทำให้เขาหลงใหลจนลืมญาติมิตรเชียวหรือ
“คุณชาย บ่าวไม่ค่อยรู้หนังสือและเห็นว่าคุณชายอารมณ์ไม่ดี ทว่าข้าเกิดในจวนตระกูลหวง จึงพอรับรู้เื่ราวที่เกิดขึ้นบ้าง หากคุณชายเห็นว่าเหมาะสม ก็บอกกล่าวให้ข้าน้อยฟังได้นะเ้าคะ”
เสียงอ่อนโยนของชุ่ยหลิวราวกับขนที่ขาวสะอาดของหงส์ กำลังโอบล้อมหัวใจของหลิววั่งกุ้ยเบาๆ
เพราะความงามนั้น หลิววั่งกุ้ยจึงลืมความอัปยศอดสูไปชั่วคราว รอยยิ้มบนใบหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วยืนทำหน้านิ่งขรึม
ชุ่ยหลิวมองเขาด้วยความกระวนกระวายใจ แล้วรีบเอ่ย “ข้าน้อยปากมาก เดิมทีข้าเพียงแค่กังวลว่าคุณชายจะอารมณ์ไม่ดีจนไม่สบาย”
ขณะที่นางพูดเช่นนี้ก็ชักมือออกมาจากมือของเขา เพียงแต่ไม่ได้ชักกลับมาเฉยๆ นางเขี่ยนิ้วบนกลางฝ่ามือของเขา ทำเอาหลิววั่งกุ้ยใจสั่นและร่างกายอ่อนระทวย
“ไม่เกี่ยวกับเ้า เ้าก็แค่หวังดี”
บางทีอาจเป็เพราะอายุใกล้เคียงกัน สุดท้ายเขาก็บอกเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นในสถาบันให้ชุ่ยหลิวฟัง
“คุณชายน้อยเรียนดี อาจารย์ให้ความสำคัญ ข้าเห็นว่าต้องเป็เพราะพวกเขารู้สึกอิจฉาริษยา การที่หลานชายคนรองเรียนดีและสอบผ่านถงเซิงแต่เยาว์วัย นี่เป็เื่ดี อีกอย่าง ต่อไปคุณชายก็ต้องสอบซิ่วไฉกับจวี่เหริน เื่เหล่านี้นับว่าเป็ประสบการณ์ หลานชายคนรองนั้นมีวาสนา ที่ได้คุณชายช่วยบังลมพายุฝนอยู่ด้านหน้า ต่อไปหากเขาอยู่ในเส้นทางของบัณฑิต คุณชายกับหลานรองก็จะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตอนที่ข้าอยู่จวนตระกูลหวง เคยได้พบเจอกับญาติของใต้เท้าหวง ต่างก็ช่วยเหลือกันอยู่เสมอ!”
สายตาของชุ่ยหลิวหลักแหลมอยู่บ้าง จึงจัดการโน้มน้าวหลิววั่งกุ้ยได้อย่างละเอียดอ่อน
หลิววั่งกุ้ยยิ่งรู้สึกว่าชุ่ยหลิวนั้นเป็หญิงสาวที่ถูกตาต้องใจเขามากที่สุด ใบหน้าจึงเผยรอยยิ้ม “โชคดีที่ข้ากลับมาก่อน มิเช่นนั้น คงได้เจอคนที่มีเสน่ห์เช่นเ้าช้าไปอีกสิบวัน”
เขาอารมณ์ดี เวลาพูดจาก็ออกไปทางเกี้ยวพาราสี
เขาใช้มือเชยคางเล็กของชุ่ยหลิวขึ้นมา จากนั้นสบตากัน…
หากมองข้ามเื่เสน่หาของชายหญิงที่อยู่ในห้อง สองพี่น้องหลิวเต้าเซียงที่อยู่ข้างนอกนั้นโมโหจนใบหน้าเขียวคล้ำั้แ่แรกแล้ว
อาสี่ผู้นี้ เหตุใดการกระทำและการพูดจาหาได้เหมือนบัณฑิตไม่
ั้แ่นั้นมา สองพี่น้องหลิวเต้าเซียงก็หลบหน้าหลิววั่งกุ้ยอยู่ตลอด
พวกนางตัดสินใจว่า ไม่ควรหาเื่ใส่ตัว จะไม่ยอมให้หลิววั่งกุ้ยหาโอกาสทำให้พวกนางลำบาก
หลายวันมานี้ชุ่ยหลิวเดินเหินไปที่ใดก็ราวกับโบยบิน มุมปากอมยิ้มตลอดเวลา
ขณะที่หลิววั่งกุ้ยกับชุ่ยหลิวยังมีสัมพันธ์รักใคร่ต่อกัน ซูจื่อเยี่ยก็ส่งพ่อบ้านซุนมามอบของขวัญ
หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าหลิวฉีซื่อเป็ผู้ใหญ่ แล้วยังไม่ได้แยกบ้าน ซูจื่อเยี่ยคงไม่คิดจะเตรียมของขวัญให้นาง
นี่ไม่ใช่ปัญหาเื่เงินทอง แต่เขารู้สึกว่านี่เป็การหาเื่ให้ตนเอง และทำให้ตนเองไม่สบายใจแทน
วันที่ยี่สิบค่ำ เดือนสิบสอง พ่อบ้านซุนนำของขวัญมายังบ้านตระกูลหลิว
หลิวฉีซื่อ หลิวต้าฟู่และหลิวเสี่ยวหลันได้รับผ้าต่วน [1] สองม้วนกับอาหารว่างที่ขึ้นชื่อในเมืองหลวง
เครื่องประดับทองกับเงินทองนั้นไม่ได้ถูกนำมามอบให้
ส่วนครอบครัวหลิวซานกุ้ย พ่อบ้านซุนยังคงใช้ข้ออ้างที่ว่ามอบตำราเกษตรให้แก่เขาเพื่อตบตาหลิวฉีซื่อ ครอบครัวหลิวเต้าเซียงได้รับผ้าฝ้ายละเอียดคนละสองม้วน และได้รับสมบัติสี่ประการในการเรียน [2] กันคนละหนึ่งชุด หลิวซานกุ้ยก็ได้ตำรามาอีกสามเล่มคือ คัมภีร์มหาศาสตร์ คัมภีร์มัชฌิมาปฏิปทา และคัมภีร์เมิ่งเม่งจื๊อ
“คุณชายสาม นายท่านข้าได้ยินว่าท่านชอบอ่านตำรา นอกจากตำราสี่เล่มที่มอบให้ก่อนหน้านี้ ยังมีตำราอย่างอื่นอีกมากมาย เพื่อให้คุณชายสามได้อ่านยามว่างเป็การเปิดหูเปิดตา และจะได้เข้าใจเื่ทั่วไปที่มีประโยชน์”
หลิวซานกุ้ยไม่ทราบว่าการสอบเข้ารับราชการในวัง ข้อสอบจะเกี่ยวข้องกับเื่ราวความรู้ทั่วไปของราษฎร ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในสี่ตำราห้าคัมภีร์
คนดีมักมีโชควาสนา หลิวซานกุ้ยรู้สึกว่าซูจื่อเยี่ยเป็บุตรแห่งท่านอ๋อง และพักอยู่ในเมืองหลวง คำพูดของเขาต้องมีเหตุผลแน่นอน
การให้ตำราแก่เขาช่างเหมาะกับความ้ายิ่งนัก
เพราะจะประหยัดค่าใช้จ่ายในบ้านได้ก้อนใหญ่ บุตรสาวของเขาเองก็ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยปานนั้น
หลิวเต้าเซียงเห็นสิ่งที่พ่อบ้านซุนนำมาให้ มองดูแล้วอาจจะไม่ใช่ของดีล้ำค่าอะไร แต่กลับเป็ของที่มีประโยชน์นัก ของเหล่านี้เหมาะสมกับหลิวซานกุ้ยในเวลานี้
“พ่อบ้านซุนเดินทางมาไกล ลำบากท่านแล้ว”
ขณะพูดนางก็ล้วงกระเป๋าเงินออกมาจากในอก แล้วเอ่ย “อากาศหนาวเหน็บ การจะเดินทางมาก็ไม่ง่าย นี่คือน้ำใจเล็กน้อย ท่านนำไปซื้อเหล้าเพื่อเพิ่มความอบอุ่นแก่ร่างกายเถิด”
พ่อบ้านซุนรู้สึกประหลาดใจกับการกระทำของนาง แต่ในใจก็เกิดความสบายใจ จึงรับกระเป๋าเงินของหลิวเต้าเซียงมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
คิดไม่ถึงว่าน้ำหนักในมือคงมีราวหลายร้อยอีแปะ
ซุนกวนซือรู้สึกว่านี่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เดิมทีเขาคิดว่ามากสุดก็คงเพียงแค่สิบกว่าอีแปะพอที่จะดื่มสุราได้สักไห ใครเล่าจะรู้ว่าหลิวเต้าเซียงนั้นใจกว้างพอสมควร
บางทีพ่อบ้านซุนอาจจะมีมุมมองแคบไปหน่อย หลิวเต้าเซียงจึงเอ่ยต่ออย่างยิ้มแย้ม “ไม่เพียงแค่ดื่มเหล้า ยังสามารถซื้ออาหารกับแกล้มได้สักสองจาน”
นี่คือการอธิบายว่าเหตุใดนางจึงให้มากกว่าที่คิด
พ่อบ้านซุนนึกถึงข่าวที่เกาจิ่วบอกกับเขา จึงรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้เป็คนที่มีความคิดเป็ของตนเอง และยังมีความสามารถในการจับจ่าย จึงไม่ได้ปฏิเสธ
“ใช่แล้ว ไม่ทราบว่าคุณหนูรองยังมีเหล้าองุ่นคราวที่แล้วหรือไม่?”
หลิวเต้าเซียงตอบด้วยรอยยิ้ม “มีสิ พ่อบ้านซุนชอบหรือ?” ต่อมาจึงเอ่ย “พ่อบ้านซุนรักในการดื่มด่ำ คงต้องชอบสิ่งนี้”
“มิได้ ข้าน้อยไม่กล้าดื่มหรอก คุณหนูอย่าได้หาเื่ให้ข้าน้อยเลยขอรับ นับแต่นายท่านของข้าได้ลิ้มชิม ก็รู้สึกว่าเหล้าที่ทำจากองุ่นไม่ได้แย่กว่าที่ทางเขตตะวันตกส่งมาแต่อย่างใด อ้อ ดูความจำของข้าสิ ในของขวัญยังมีเม็ดบ่มเหล้าชั้นดีหนึ่งกล่อง แล้วก็สูตรบ่มเหล้าองุ่นอีกหนึ่งเล่ม มีบางอย่างที่ใช้วิธีต่างกัน ตอนที่คุณหนูบ่มเหล้าสามารถลองดูได้ขอรับ”
พ่อบ้านซุนเอื้อมมือออกมาปาดเหงื่อ เพราะก่อนหน้านี้ได้ลืมเื่นี้ไป
หลิวเต้าเซียงหัวเราะคิกคักและตอบว่า “แต่ข้าไม่ได้เป็คนบ่ม ท่านพ่อข้าบ่มเพราะว่ามีเวลาว่างแล้วไม่รู้จะทำอะไร แต่เนื่องจากท่านพ่อเป็คนชื่นชอบในการดื่ม จึงได้สูตรมาจากอาจารย์กัวก่อนหน้านี้”
“พ่อบ้านซุน ได้โปรดฝากคำขอบคุณไปให้คุณชายท่านนั้นด้วย หากว่าองุ่นป่าปีหน้าสุกเมื่อไร ข้าจะลองบ่มตามในสูตร เมื่อบ่มได้ที่จะไหว้วานพ่อบ้านส่งไปให้คุณชายได้ลิ้มชิมรส”
พ่อบ้านซุนได้ยินดังนั้นก็ดีใจยิ่งนัก นายท่านของเขา้าเช่นนี้อยู่แล้ว
หลิวเต้าเซียงเห็นว่าพูดคุยกันพอประมาณแล้ว จึงไปหยิบเหล้าองุ่นป่าสองไหเล็กออกมาจากในห้อง “เดิมทีก็ทำไว้ไม่มากนัก เหลือเพียงแค่นี้แล้ว หลังจากที่นำกลับไป เกรงว่าท่านคงต้องกรองอีกหลายรอบนักถึงจะดื่มได้”
พ่อบ้านซุนยิ้มตาพริ้มและรับเหล้าจากนางมา ทุกคนต่างเข้าใจดีว่านี่เป็ของขวัญตอบแทนของครอบครัวหลิวซานกุ้ย
เขาได้พูดคุยเื่ทั่วไปกับครอบครัวหลิวซานกุ้ยต่ออีกสักหน่อย เมื่อได้ยินชุ่ยหลิวมาเชิญให้ไปนั่งที่เรือนกลาง จึงเดินตามออกไปพบหลิวฉีซื่อ
หลิวซานกุ้ยเริ่มเกิดความสะกิดใจแล้วจึงไม่ได้มอบของแทนคุณให้หลิวฉีซื่ออีก
ตอนนี้เขาได้ผ้าฝ้ายชั้นดีมา ความคิดแรกของเขาก็คือ จะให้ภรรยาช่วยตัดชุดดีๆ ให้บุตรสาวหลายตัวหน่อย
“เข้าใจแล้ว เื่นี้ไม่ต้องให้เ้าพูด”
จางกุ้ยฮัวมองไปที่ผ้าฝ้ายชั้นดีเ่าั้และมีความคิดอยู่ในใจแล้ว
ตอนนี้หลิวเต้าเซียงมีเงินในมือมากพอ นางตัดใจจับจ่ายเงินก้อนใหญ่เป็ครั้งแรกเพื่อซื้อนุ่นมายี่สิบชั่ง จากนั้นก็ทำผ้าห่มหนาที่หนักถึงหกชั่ง แล้วทำเสื้อเหมียนอ๋าวตัวหนาคนละหนึ่งตัว
เนื่องจากซูจื่อเยี่ยเคยส่งผ้าฝ้ายหนามาใน่เทศกาลไหว้พระจันทร์ จางกุ้ยฮัวจึงกัดฟันทำเสื้อตัวนอกสองตัวให้สามพี่น้องไว้เปลี่ยนใส่
“ข้าว่าผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดครั้งนี้ ดูดีกว่าสองครั้งแรกมากนักใช่หรือไม่?”
จางกุ้ยฮัวบีบมุมหนึ่งของเนื้อผ้า แล้วพึมพำเสียงเบา
“เอ๋ ดีกว่าจริงด้วย ท่านแม่ สี่ม้วนในนี้ยังมีลายดอกด้วย เห็นทีพวกข้าไม่ต้องปักลายอีกแล้ว”
ตอนนี้หลิวชิวเซียงนับว่าเริ่มมีความเข้าใจในงานเย็บปัก พอดูเนื้อผ้าแล้วก็รู้ว่าลายดอกนั้นไม่ได้ถูกปักออกมา
“ท่านแม่ ข้าชอบผ้าลายดอกแพร์สีฟ้าอ่อนผืนนี้ สวยงามยิ่งนัก”
หลิวเต้าเซียงถูกตาต้องใจผ้าผืนนั้น
จางกุ้ยฮัวเอื้อมมือออกมาลูบหน้าผาก “ถึงอย่างไรผ้าสี่ม้วนนี้ก็ไว้ใช้ทำชุดกระโปรงให้พวกเ้าสามคนอยู่แล้ว ยังกลัวว่ามันจะวิ่งหนีได้หรือไร”
ทั้งสามคนหัวเราะกันอย่างมีความสุข และกำลังคุยกันว่าจะนำผ้าเหล่านี้ไปทำอะไรบ้าง
ทางด้านของชุ่ยหลิวนั้นเกิดความประหลาดใจ นางไม่เคยได้ยินหลิวฉีซื่อเอ่ยถึงเื่ที่ตระกูลหลิวมีความเกี่ยวพันกับท่านอ๋องที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงด้วย
พอนางได้ยินเื่นี้ก็คิดอยากหาทางสืบถามจากใครสักคน
แล้วจะหาใครดี?
หลิววั่งกุ้ยเรียนอยู่ข้างนอกมาหลายปีแล้ว เป็ไปไม่ได้ที่จะรู้อย่างชัดเจน เมื่อนางกวาดตามองไปรอบๆ จึงเห็นหลิวเสี่ยวหลันกําลังยิ้มอย่างควบคุมไม่ได้
หลังจากที่ส่งพ่อบ้านซุนเดินทางกลับไป ชุ่ยหลิวก็หาโอกาสเข้าหาหลิวเสี่ยวหลัน จากนั้นก็สืบถามเื่ราวที่ตนเอง้ารู้
ชุ่ยหลิวเคยอยู่ในจวนตระกูลหวง มีปัญญาปีนขึ้นเตียงของใต้เท้าหวงได้ เมื่อมาถึงตระกูลหลิวย่อมต้องอยากไต่เต้าขึ้นสู่ที่สูงเป็ธรรมดา
ยิ่งไปกว่านั้นนางก็รู้ดีถึงสาเหตุที่ตนเองถูกไล่ออกจากจวนตระกูลหวง ฮูหยินหวงก็รู้ดีเช่นกัน
ชุ่ยหลิวรู้ว่าการที่หลิวฉีซื่อสามารถยืนได้อย่างมั่นคงในหมู่บ้านสามสิบลี้ เป็เพราะว่ามีที่พึ่งพิงอย่างจวนตระกูลหวง
หลังจากนางรู้ข่าวนี้จึงมีแผนในใจ ฟากหนึ่งก็คิดหาทางติดต่อกับนายเก่า หากนางส่งข่าวไปถึง ไม่แน่ว่าคงได้รับของตอบแทนไม่น้อย
ความบิดเบี้ยวในจวนตระกูลหวงเ่าั้ ชุ่ยหลิวในฐานะบ่าวรับใช้ย่อมรู้ดีเป็ที่สุด
นางมั่นใจว่าฮูหยินหวงต้องพึงพอใจกับข่าวที่นางส่งไปอย่างแน่นอน
ขณะที่ชุ่ยหลิวกับหลิววั่งกุ้ยกำลังอยู่ใน่รักใคร่ชอบพอกัน วันเวลาก็ผ่านไปอีก่หนึ่ง
-----
เชิงอรรถ
[1] ผ้าต่วน 锦缎 “จิ่นต่วน” ซึ่งเป็ลักษณะผ้าโบราณของจีน แต่เดิมจะใช้ด้ายเงินด้ายทองทำ แต่ต่อมาใช้ไหมสีเงินสีทองแทรกแทน
[2] สมบัติสี่ประการในการเรียน คือ เครื่องเขียนมีค่าที่ใช้เรียน 4 อย่างของจีน
文房四宝 wén fáng sì bǎo เหวิน ฝัง ซื่อ เป่า
笔(bǐ/ปี่) พู่กัน
墨(mò/มั่ว) หมึกจีน
纸(zhǐ/จื่อ) กระดาษ
砚(yàn/เยี่ยน) จานฝนหมึกจีน
