นายน้อยสามตระกูลหลินหมายถึงตระกูลหลินแห่งเยี่ยนจิงหรือ
เย่เฟิงคิดในใจ แค่เห็นรอยยิ้มเ้าเล่ห์ของโอวเอก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร ชายหนุ่มรู้สึกว่าโอวบีไม่น่าโกหกตน หยกขาวรูปปลาหยินหยางนี้มีอายุแค่พันปี แต่พ่อของโอวบีกลับบอกว่ามันมีอายุเกือบห้าพันปี หรือเขาคิดจะโก่งราคานายน้อยสามตระกูลหลิน
“อีกครึ่งเดือนจะถึงวันเกิดครบอายุเจ็ดสิบปีของปู่ผมแล้ว เพื่อให้เขามีความสุข จะใช้เงินมากแค่ไหนก็ทั้งนั้น” นายน้อยคนนั้นพูดอย่างเย่อหยิ่งขณะเดินตามโอวเอเด็กหนุ่มเพียงเหลือบมองเย่เฟิงอย่างดูถูกก่อนหันมองหยกขาวรูปปลาหยินหยางด้วยดวงตาเปล่งประกาย มันช่างน่าดึงดูดและสวยงามมาก! แน่นอนว่าสายตาที่ใช้มองหยกแตกต่างกับที่มองเย่เฟิง
โอวบีถือโอกาสดึงเย่เฟิงไปด้านข้างและกระซิบว่า “เสี่ยวมี่เฟิง นายน้อยสามตระกูลหลินคนนี้นายอย่ามีเื่ด้วยดีกว่า พวกเราไปดูที่อื่นกัน”
เย่เฟิงพยักหน้าแล้วเดินตามไป เขาไม่กลัวการมีปัญหากับนายน้อยอะไรนั่น แต่มันไม่จำเป็ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ เขาจะกำจัดอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล โดยไม่สนว่าฝ่ายนั้นจะเป็ใคร
“เขาชื่อหลินซิวเหวิน คนในตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิงที่ฉันเคยพูดถึง อยู่อันดับสามของผู้ชายรุ่นเยาว์ทั้งหมดของตระกูลหลิน” โอวบีเริ่มอธิบายหลังจากเดินห่างออกมา ปกติเย่เฟิงสนใจแค่เล่นเกมจึงไม่มีทางรู้เื่พวกนี้ ยังดีที่เขาช่วยงานพ่อทำให้รู้จักคนมีอิทธิพลในเมืองเยี่ยนจิงจำนวนมาก
“เขาเป็นักเรียนปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงและเป็หลานคนโปรดของปู่ นิสัยเย่อหยิ่งชอบกดหัวคนอื่น แทบไม่มีใครในเมืองเยี่ยนจิงกล้ามีเื่กับเขา” ขณะเล่า โอวบีก็คิดในใจว่าจะเเนะนำของอะไรให้เย่เฟิงดี
เมื่อทั้งสองคนเดินมาถึงบริเวณมุมร้าน เย่เฟิงก็รู้สึกถึงความร้อนจากแหวนดาบัโบราณ จึงรีบกวาดตามองรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น
“เสี่ยวมี่เฟิง นายเป็อะไรเนี่ย” โอวบีเห็นท่าทางของเย่เฟิงจึงถามขึ้น
เย่เฟิงไม่ตอบ เขายังคงมองหาสิ่งที่แหวนดาบัโบราณชี้นำ จนไปหยุดที่มุมร้านซึ่งมีสินค้ากองรวมกันมากมาย เห็นได้ชัดว่าเป็ของไม่มีราคา ในบรรดาของเ่าั้มีหินสีเขียวเข้มขนาดครึ่งกำปั้นดึงดูดสายตาของเย่เฟิง
หินจิติญญา!
น่าเสียดายที่มีอยู่เพียงครึ่งก้อน เย่เฟิงถอนหายใจด้วยความเสียดาย เขารีบตรงเข้าไปหยิบหินสีเขียวเข้มและพิจารณามันอย่างระมัดระวัง
“อย่าบอกนะว่านาย้าไอ้นี่?” เมื่อโอวบีเห็นสิ่งนี้ก็ยิ่งแปลกใจก่อนเข้ามาอธิบาย “สิ่งนี้มาพร้อมหยกขาวรูปปลาหยินหยาง ถึงมันจะเก่ามากแต่เหลือแค่ครึ่งเดียว ฉันเจอตอนทำความสะอาดแต่ไม่รู้ว่าคืออะไรเลยเอามาทิ้งไว้ตรงนี้”
“ในเมื่อมันไม่มีประโยชน์ งั้นยกให้ฉันเลยได้ไหม?” เย่เฟิงหยั่งเชิง สามารถประหยัดเงินได้ก็ประหยัด โอวบีไม่รู้จักหินก้อนนี้ทั้งที
หินจิติญญาจัดเป็วัตถุดิบสำหรับเพิ่มระดับวรยุทธ์ที่หายากในโลกเทวะ เมื่อใช้ครั้งแรกจะสามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ หากใช้อีกครั้งจะทำได้เพียงช่วยให้พลังชี่ฟื้นฟูอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่มันก็ยังมีค่าเมื่อพลังชี่หมดระหว่างการต่อสู้ นับได้ว่ามีค่ามากในทุกสถานการณ์
ในโลกเทวะ หลายสำนักจะให้หินบางส่วนกับลูกศิษย์คนสำคัญเพื่อช่วยเพิ่มระดับวรยุทธ์ แต่เย่เฟิงไม่เคยได้รับเงื่อนไขพิเศษแบบนี้มาก่อนเลย
“น่าเสียดายที่หินจิติญญาตรงหน้าเหลือเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น” เย่เฟิงถอนใจ หินจิติญญาที่เหลือเพียงครึ่งเดียวจะสูญเสียพลังฟ้าดินไปอย่างรวดเร็ว หินก้อนนี้มีพลังฟ้าดินเหลือแค่หนึ่งในสามเท่านั้น
“ยกให้นายเหรอ? ฉันจะโดนพ่อซ้อมตายเอานะ” โอวบีปฏิเสธออย่างไม่ลังเลพลางมองเย่เฟิง “นายมีเงินเท่าไร ให้ฉันมาให้หมด ถึงน้อยก็ไม่เป็ไร อย่างน้อยจะได้มีคำอธิบายให้พ่อของฉัน” พ่อค้าหน้าเื นี่มันพ่อค้าหน้าเืรุ่นสอง!
เย่เฟิงแทบตบโอวบีให้ตาย ในตัวเขามีเช็คเงินสองล้านซึ่งถ้า้าก็สามารถซื้อหยกขาวรูปปลาหยินหยางเมื่อครู่ได้ ไม่ต้องพูดถึงหินจิติญญาครึ่งก้อนที่ดูไร้ประโยชน์สำหรับคนทั่วไป
“ฉันมีแค่สองร้อย จะเอาไม่เอาก็แล้วแต่นาย” เย่เฟิงหยิบเงินสองร้อยหยวนสุดท้ายออกจากกระเป๋ากางเกง เดิมเดือนนี้ยังเหลือเงินอยู่ไม่น้อยแต่เขาจ่ายค่าห้องในโรงเเรมม่านรูด ตอนนี้เลยเหลือแค่สองร้อย
“จริงดิเพื่อน!” โอวบีมองเงินตรงหน้าก่อนสบถ “ปู่ของนายให้มาซื้อของโบราณ แต่ให้เงินมาแค่สองร้อยเนี่ยนะ”
“ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่ ไม่งั้นจะซื้อหินนี่ไปทำไมล่ะ มันดูน่าเกลียดจะตาย” เย่เฟิงยักไหล่ โอวบีสืบทอดความเป็พ่อค้าหน้าเืมาจากพ่อได้ดีจริงๆ แต่ใช่ว่าเย่เฟิงจะไม่ร้าย!
“เอาเถอะ ตกลงตามนี้ก็ได้ สองร้อยก็สองร้อย” ในที่สุดโอวบีก็พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนักแล้วหยิบเงินสองร้อยจากเย่เฟิง แม้ตนจะโตมากับเย่เฟิง ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น แต่พ่อสอนเขาเสมอั้แ่เด็กว่า ต่อให้เป็พี่น้องสายเืเดียวกันก็ต้องทำบัญชีให้ชัดเจน ห้ามเสียเปรียบ!
เย่เฟิงเก็บหินจิติญญาครึ่งก้อนใส่กระเป๋า เขาแทบรอไม่ไหว อยากกลับไปดูดซับพลังฟ้าดินจากหินก้อนนี้แล้ว แม้จะเหลือพลังฟ้าดินเพียงหนึ่งในสาม แต่ถ้าชายหนุ่มดูดซับได้ทั้งหมดก็จะมีระดับวรยุทธ์เพิ่มขึ้นถึงหนึ่งปี! ถึงตอนนั้นเขาอาจใช้ท่าร่างได้สักหนึ่งกระบวน เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ใช้อาวุธปืนก็อาจจะหลบได้ ต่อไปตนจะจัดการแก๊งอสรพิษ์ พลังบ่มเพาะยิ่งสูงยิ่งดี
“งั้นฉันไปก่อนนะ” หลังจากแลกเปลี่ยนกันเรียบร้อย เย่เฟิง้ากลับบ้านทันที
“เดี๋ยวฉันไปส่งนายเอง” โอวบีพยักหน้า ทั้งสองมาห้องโถงด้านหน้าและพบว่าหลินซิวเหวินซื้อของเสร็จจากไปแล้ว เหลือแค่คนรับใช้วัยกลางคนกำลังรูดบัตรจ่ายเงินและคนรับใช้หนุ่มอีกคนแบกกล่องสองกล่องที่ห่ออย่างสวยงาม บนไหล่ยังคล้องถุงอีกหลายถุงดูทุลักทุเลมาก
“หลินซิวเหวินซื้อของพวกนั้นทั้งหมดเลยเหรอ” เย่เฟิงมองไปข้าวของพวกนั้นพลางคิดในใจ นายน้อยคนนั้นเหมือนลูกศิษย์หลักของนิกายใหญ่ในโลกเทวะ ไม่ต้องจ่ายเงินหรือแบกของกลับเอง ชี้นิ้วเลือกเสร็จก็จากไป แล้วให้คนติดตามจัดการต่อ
“เอาล่ะ แจกันหนึ่งใบต่อหนึ่งคน ระวังแตกด้วยล่ะ” หลังจากชำระเงินเรียบร้อย คนรับใช้วัยกลางคนหันกลับมายกแจกันลายครามขนาดเท่าหนึ่งตัวคน ขณะที่อีกคนซึ่งแบกของเต็มมืออยู่แล้วก็ฝืนช่วยยกแจกันลายครามขนาดครึ่งตัวคน น่าเสียดายที่ทักษะด้านนี้ของเขาไม่ดีนัก หลังจากประคองแจกัน ขาก็ไม่มั่นคง จนทำให้แจกันหล่นพื้น ขณะเดียวกับเย่เฟิงและโอวบีเดินผ่านมาพอดี
“ระวัง!” เมื่อโอวเอที่รับเงินอยู่ด้านข้างเห็นเหตุการณ์ก็รีบะโเตือนดังลั่น
โอวบีตอบสนองไม่ทัน แต่เย่เฟิงยืดแขนออกไปตามสัญชาตญาณช่วยรับแจกันนั้นไว้ได้
เพล้ง!
เสียงของบางอย่างร่วงสู่พื้นแตกเป็ชิ้นๆ เพียงแต่ไม่ใช่แจกัน แต่เป็กล่องที่คล้องบนไหล่ของคนรับใช้หนุ่มคนนั้น มันเป็กล่องใส่หยกขาวรูปปลาหยินหยางซึ่งหักครึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น” ชายวัยกลางคนที่กำลังจ่ายเงินได้ยินเสียงจึงรีบหันมาดูแล้ววางแจกันใบใหญ่ไว้ด้านข้าง
“ผม… ผมไม่ได้ทำ เขาเป็คนทำมันแตก เขาผลักผม!” คนรับใช้หนุ่มเหงื่อแตกเพราะความตื่นกลัว ด้วยไหวพริบเขารีบชี้นิ้วป้ายความผิดให้เย่เฟิงทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้