ซูหรงหรงก้มๆเงยๆ หาที่นั่งของตนจากหมายเลขที่เธอได้รับในครั้งแรกที่ลงทะเบียนเธอมองออกไปทุกทิศทุกทางเพื่อสำรวจเหยื่ออันโอชะของเธอ ความตื่นเต้นดีใจนี้ทำให้เธอลืมเื่ราวก่อนหน้านั้นไปจนหมด
“กู้แหยนเจ๋อ เดี๋ยวนายรอดูผู้หญิงของนายเต้นเป็เ้าเข้าเถอะวะฮ่าๆ”
แค่ได้นึกถึงภาพของกู้แหยนเจ๋อและเฉินหย่าถิงถูกคุณทหารแฟนเธอในอนาคตเหยียบย่ำจนหน้าเขียวหน้าแดงเธอก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้
เหล่าบรรดาผู้หญิงที่นั่งข้างซูหรงหรง พอได้เห็นการกระทำที่แปลกประหลาดจนดูโง่ของเธอก็พยายามที่จะเอาตัวออกห่างแต่ก็ไม่สามารถทำได้พวกเธอกลัวจะถูกหาว่าเป็พวกเดียวกันกับซูหรงหรงแล้วโดนคนมองว่าพวกเธอต่ำต้อยด้อยค่า
“อาจเป็เพราะที่นี่คือป่าใหญ่ นกอะไรก็มีหมดเลย”
ผู้หญิงที่นั่งข้างซูหรงหรงจู่ๆ ก็โพล่งประโยคนี้ออกมา คำพูดที่ดูถูกคนอย่างน่ารังเกียจของเธอไม่เหมาะกับท่าทางที่ดูอ่อนหวานนุ่มนวลของเธอตอนนี้เลยแม้สักนิด
ซูหรงหรงยังคงจับจ้องมองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอยเหมือนคนโง่เขลาเธอจินตนาการว่าเธอจะกำลังเดินควงแขนกับทหารหนุ่มแล้วเชิ่ดหน้าเริ่ดๆ อย่างยิ่งยโสผ่านหน้ากู้แหยนเจ๋อไปเธออยู่ในโลกจินตนาการของตนเองจนไม่ได้ยินเสียงคุยกันของคนอื่นๆ
……
……
เมื่อถึงเวลาจับคู่สถานที่ก็ถูกขยับขยายให้ใหญ่ขึ้นจนดูผิดปกติ
หญิงงามทั้ง 40 คนสงบเสงี่ยม มีปฏิกิริยาที่นุ่มนวล แน่นอนว่า...ซูหรงหรงไม่ได้ถูกจำกัดความอยู่ในกลุ่มหญิงงามเ่าั้
พิธีกรกล่าวเปิดงานหาคู่อย่างเป็ทางการอีกทั้งยังแนะนำผู้ร่วมงานทีละคน และเมื่อประกาศถึงชายที่นั่งอยู่บริเวณหัวมุมทุกคนในงานจับสังเกตได้ว่าน้ำเสียงของพิธีกรค่อนข้างสั่นอย่างหวั่นเกรง
แน่นอนว่า ทุกคนสามารถรับรู้และเข้าใจสถานการณ์ได้ แต่คนคนนั้นไม่รวมยัยซื่อบื้อซูหรงหรง
ผู้ชายที่อยู่ตรงมุมนั้นคือจ้านอี้หยางเขาใส่เครื่องแบบทหารสีเขียวธรรมดา แต่เต็มไปด้วยจิติญญาของทหารกล้าดาวบนไหล่ที่บ่งบอกถึงยศตำแหน่งเขายิ่งทำให้เขาดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
จ้านอี้หยางที่นั่งอยู่ในมุมนั้นกลับกลายเป็ว่าเขากำลังนั่งอยู่ตรงข้ามซูหรงหรงเขาเอ่ยเพียงน้อยนิด ราวกับกำลังแข่งขันอยู่ในาเย็น
เมื่อพิจารณาหน้าตาของจ้านอี้หยางั้แ่ขนคิ้วที่เรียงตัวกัน ใบหน้าที่คมเข้มรูปไข่ที่ดูมีมิติ พอได้ดูภาพรวมแล้วเขานับว่าเป็ชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาแบบที่สาวๆ้า
ดูเหมือนสาวๆ ทั้ง 39 คนในสถานที่นี้จะถูกขโมยหัวใจไปั้แ่ตอนที่พิธีกรแนะนำตัวเขาแล้ว
เพียงคนเดียวที่ไม่สังเกตเห็นการมีตัวตนของเขานั้นก็คงจะเป็ยัยซื่อบื้อที่เดินฝันหวานผ่านประตูเข้ามาโดยไม่สนใจเขาเลย
จ้านอี้หยางสังเกตเธอมาสักพักหนึ่งแล้ว
เธอคือผู้หญิงที่ร้องไห้ในลิฟท์วันนั้นไม่ใช่เหรอ?
ผู้หญิงคนนี้ไม่แม้แต่จะชายตามองเขาที่มียศระดับนายพลเธอกลับมองไปที่เหล่าพลทหารเ่าั้
อา...ดูน่าสนใจดีนี่
จ้านอี้อย่างประสานนิ้วทั้งสิบเข้าด้วยกัน เขาค่อยๆ สำรวจผู้หญิงที่เข้าร่วมงานทีละคนจนครบทุกคน
อย่างไรเสียผู้หญิงที่จะมาแต่งงานแล้วคลอดลูกให้เขาไม่ว่าคนไหนก็สามารถทำได้หมดสุ่มเลือกเอาสักคนก็แล้วกัน
สมองเขาสั่งการแบบนั้นแต่ทว่าสายตาของเขาก็ยังคงมองจ้องไปที่ยัยซื่อบื้อที่เอาแต่จ้องมองไปทางเหล่าพลทหารอย่างโง่เขลา
คิดไปคิดมาจนเหมือนคิดอะไรได้สักอย่าง...แววตาของเขาก็เริ่มเปล่งประกาย
ผู้หญิงโง่เขลา ก็คงใช้วิธีเลือกคู่อย่างโง่เขลาแล้วกลับบ้าน
อยู่ๆ ซูหรงหรงก็รู้สึกเย็นะเืมาจากทางเข้าของประตู แต่เพราะเธออายุยังน้อยเธอจึงคิดได้แค่ตื้นๆ เท่านั้น
ทำไมแอร์ที่นี่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวแบบนี้นะ?เครื่องมือเครื่องใช้ของกองทัพดูจะไม่มีประสิทธิภาพเอาสะเลย
จู่ๆ เธอก็จามขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอเช็ดจมูกก่อนจะเอ่ย
“ใครบังอาจมานินทาลับหลังสาวน้อยผู้น่ารักอย่างฉันกันนะ”
ยังไม่ทันจะได้วิเคราะห์ตัวคนร้าย การดูตัวของคู่ที่หนึ่งก็เริ่มต้นขึ้นด้วยความคึกคัก
ซูหรงหรงมองไปทางหญิงสาว ที่นำเอาหัวใจสีแดงไปติดที่นายทหารที่ตนเองชอบ
คนที่เธอเล็งไว้ถูกติดหัวใจทีละคนสองคนเหล่าสาวน้อยรวมถึงซูหรงหรงต่างกังวลว่าผู้ชายที่พวกเธอหมายปองจะถูกแย่งไป
ดังนั้น เมื่อถึงคราวที่ซูหรงหรงจะต้องเลือกคู่เธอแทบจะะโขึ้นไปบนเวที เธอกลัวจะรั้งหัวใจไว้ไม่อยู่กับ่เวลาที่จะต้องเลือกหนุ่มหล่อมาสักคนเธอส่งสายตาไปยังพลทหารที่ดูอายุน้อยคนหนึ่งที่เธอเล็งไว้อย่างมีความหวัง
แต่ช่างน่าเสียดาย เมื่อซูหรงหรงส่งสายตาไปให้หนุ่มน้อยคนนั้นเขากลับหันหน้าหนีไปอีกทาง
ซูหรงหรงหัวเราะแล้วบ่นพึมพำกับตัวเอง
“แหม สงสัยจะเขินล่ะสิ”