“เงินค่ารักษาทั้งหมดที่สกุลมู่ให้มามีเท่านี้?” อวี๋หรูไห่เอ่ยถาม
อวี๋เจียวเอ่ยด้วยใบหน้าไม่หวาดหวั่น“สกุลมู่ให้มาทั้งหมดยี่สิบตำลึงเ้าค่ะ”
ทันทีที่เอ่ยวาจาเช่นนี้ออกไปลมหายใจของทุกคนภายในห้องต่างสะดุด เมื่อนำเงินจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตในหนึ่งปีและเงินขายสมุนไพรภายในจวนมารวมกันหากเหลือสิบตำลึงยังนับว่ามากเงินค่ารักษาตลอดหลายปีมานี้ของผู้เฒ่าอวี๋ก็แค่เงินไม่กี่ตำลึงเท่านั้น
“ก่อนหน้านี้พวกเราตกลงกันแล้วเงินค่าไถ่ตัวยังต้องคืนท่าน ส่วนเงินค่ารักษาที่เหลือพวกเราแบ่งกันคนละห้าส่วนเงินยี่สิบตำลึงนี้ สี่ตำลึงคือเงินไถ่ตัวของข้าเ้าค่ะเงินที่เหลือแปดตำลึงคือเงินที่พวกเราหารเท่ากันแล้วเงินค่ารักษาสกุลโจวกับฉีเกอเอ๋อร์ในครั้งก่อนนับว่าข้าแสดงความกตัญญูจะไม่นับรวมในนี้ก็แล้วกันเ้าค่ะ” อวี๋เจียวเอ่ยอย่างไม่ช้าไม่เร็ว
อวี๋หรูไห่ฟังแล้วใบหน้าไม่ยินดีนักเขาคิดไม่ถึงว่าสกุลมู่จะเอาเงินค่ารักษาให้อวี๋เจียวโดยตรงแผนการแต่เดิมทีล้วนว่างเปล่า เขาทำได้เพียงพยักหน้าแล้วเก็บถุงเงิน
ภายในใจสตรีแซ่จ้าวคิดใคร่ครวญอุบายเมื่อรู้ว่าอวี๋เจียวได้เงินแปดตำลึงจากการตรวจไข้ให้สกุลมู่ในครั้งนี้อย่างเหนือความคาดหมายนอกจากนั้นยังเป็เงินส่วนตัว ภายในใจจึงเกิดเป็ความละโมบทันใดแต่นางเห็นว่าท่านผู้เฒ่าไม่เอ่ยสิ่งใด อีกทั้งนางเพิ่งจะทะเลาะกับสตรีแซ่จางถึงแม้ตอนนี้ภายในใจจะไม่ยินดี แต่กลับไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดมากความ
อวี๋หรูไห่ไม่เอ่ยสิ่งใด ทว่าอวี๋เจียวกลับมีสิ่งจะเอ่ย“ยามนี้ข้าคืนเงินไถ่ตัวให้ท่านแล้ว ท่านควรจะคืนใบสัญญาซื้อตัวข้าแล้วกระมังเ้าคะ?”
อวี๋หรูไห่กระตุกหนังหน้าแข็งทื่อแย้มยิ้ม“หลังจากเ้าเข้ามาในสกุลอวี๋ของข้า พวกเราก็เป็คนครอบครัวเดียวกันไม่รู้ว่าโยนใบสัญญาซื้อขายตัวนั้นไว้ที่ใดตั้งนานแล้ว ข้าจะไปหาสักหน่อยรอกระทั่งวันใดหาพบค่อยเอาให้เ้า”
อวี๋เจียวไม่เอ่ยสิ่งใดเมื่อเห็นว่าเขาปัดความรับผิดชอบท้ายที่สุดสักวันหนึ่งจะต้องเอาใบสัญญาซื้อตัวมาจากมือของอวี๋หรูไห่ให้จงได้
หลังจากบทเพลงสลับฉากจบลง อวี๋เจียวนำตลับชาดที่สกุลมู่ตั้งใจนำมาให้ตนกลับเรือนฝั่งตะวันออกสตรีแซ่จ้าวลูบไล้ผ้าทั้งสองผืนที่สกุลมู่ส่งมาอย่างอาวรณ์สตรีแซ่อวี๋โจวบอกให้สตรีแซ่จ้าวไปเปิดประตูให้คนในหมู่บ้านที่มาเคาะประตูจวนนางจึงฉวยโอกาสนี้ขนย้ายผ้าทั้งสองผืนเข้าไปไว้ในห้องฝั่งตะวันออก
ไม่นานนักภายในห้องโถงมีเสียงพูดคุยครึกครื้นดังขึ้นอีกครั้ง
“พวกเรามาชมเื่ยากพบเห็นสักหน่อยเมื่อตอนกลางวันแขกผู้สูงส่งนั่งรถม้ามาจวนของเ้าทำไมกัน? ยังเอาของดีมาด้วยมากมายเช่นนั้น ท่านหมออวี๋สกุลของเ้ารู้จักคนใหญ่คนโตเช่นนั้นั้แ่เมื่อใดกัน?” สกุลหวังที่อาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนกับสกุลอวี๋เปิดประเด็นด้วยใบหน้าสนใจใคร่รู้
อวี๋หรูไห่เก็บความไม่พอใจเมื่อครู่รู้สึกเปรมปรีดิ์กับสายตาสนใจใคร่รู้และอิจฉาของคนในหมู่บ้านตรงหน้าอย่างยิ่งแย้มยิ้มสบายอารมณ์ “นั่นคือผู้าุโของสหายร่วมเรียนของจิ่นซูเป็โรคแผลพุพองบนหลังเมื่อไม่กี่วันก่อนชื่นชมในชื่อเสียงจึงมาตรวจไข้ในจวนของข้า ยามนี้โรคหายดีแล้วเขาซาบซึ้งยิ่งนัก จำต้องส่งสิ่งของขอบคุณมาให้จงได้”
คนในหมู่บ้านไม่กี่คนฟังแล้วนึกอิจฉาอย่างยิ่งกลับมีคนผู้หนึ่งเคยได้ยินเื่โรคแผลพุพองมาก่อน เอ่ยขึ้นว่า“ท่านหมออวี๋รักษาโรคแผลพุพองให้หายได้หรือ? ข้าได้ยินว่าโรคแผลพุพองเป็โรคร้ายแรงที่คร่าที่ชีวิตคน!ในหมู่บ้านป๋ายเจียที่หน้าเขามีคนเป็โรคนี้ตระเวนหาหมอทั่วทุกสารทิศก็รักษาไม่ได้หลังจากนั้นทนทรมานไม่ไหวจึงะโน้ำตายเสียแล้ว!”
ทันทีที่เอ่ยเช่นนี้ออกมา สายตาของคนอื่นๆที่ไม่รู้ถึงความร้ายแรงของโรคนี้ต่างมองไปยังอวี๋หรูไห่ด้วยสายตาเปี่ยมความนับถือเช่นกัน
สตรีแซ่อวี๋โจวเอ่ยแทรกถูกเวลา“เมื่อก่อนนายท่านมู่ผู้นั้นก็ตระเวนหาหมอไปทั่วเช่นกันภายหลังได้ยินว่าสกุลอวี๋ของข้ารักษาได้จึงตั้งใจมาให้สกุลอวี๋ของพวกเรารักษาไม่เพียงเท่านี้ ทันทีที่ใช้ยาโรคก็หายขาดทันที ทำให้ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ได้!”
ครั้นคนในหมู่บ้านไม่กี่คนได้ฟังต่างเอ่ยประจบว่า“ท่านหมออวี๋เก่งกาจยิ่งนัก! วิชาหมอที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!”
สตรีแซ่จ้าวอยากประจบผู้เฒ่าเช่นกัน เอ่ยวาจาโอ้อวดว่า“จะไม่เป็เช่นนั้นได้อย่างไรวิชาหมอที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษสกุลอวี๋ของเราเป็วิชาที่ดี!พวกเ้าต่างรู้จักสำนักหุยชุนในตำบลกระมัง? วันนี้ท่านหมอประจำสำนักหุยชุนผู้หนึ่งยังตามนายท่านมู่มายังจวนของพวกเราคิดอยากจะซื้อเทียบยารักษาโรคแผลพุพองของท่านพ่อข้า!”
สำนักหุยชุนเป็ร้านยาขนาดใหญ่ถึงเพียงนั้นแม้ว่าคนในหมู่บ้านไม่อาจซื้อยาจากที่นั่น แต่ต่างเคยได้ยินชื่อมาก่อนสายตาที่ใช้มองอวี๋หรูไห่พลันเปลี่ยนไปบ้างเสียแล้ว มีคนเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ว่า“ถ้าเช่นนั้นพวกเ้าขายเทียบยาให้สำนักหุยชุนแล้วหรือไม่?”
สตรีแซ่จ้าวกำลังจะปริปากสตรีแซ่อวี๋โจวกลับเอ่ยออกมาเสียก่อน “แน่นอนว่าไม่สำนักหุยชุนทั้งตรวจโรคและขายสมุนไพรราคาแพง นายท่านของพวกเรามีจิตใจเปี่ยมเมตตาคิดว่าหากขายเทียบยาให้พวกเขา ไม่รู้ว่าคนเ่าั้ที่ป่วยเป็โรคแผลพุพองจะมีเงินจ่ายค่ารักษาของสำนักหุยชุนหรือไม่จึงได้ปฏิเสธไปแล้ว”