“พระสนม ที่ทิงเยว่กล่าวมาไม่ถูกต้องหรือเพคะ?”เมื่อเห็นเหยาโม่หว่านทำสีหน้าฉงน ทิงเยว่จึงย้อนถามอย่างระมัดระวัง
“ไม่เพียงแค่ถูกต้อง ยังแม่นยำราวกับจับวางเชียวล่ะ”เหยาโม่หว่านผงกศีรษะอย่างพึงพอใจ หลังจากนั้นก็ลงจากสะพานมุ่งไปยังศาลาแห่งนั้นแทบจะทันทีทิงเยว่ได้รับคำชมย่อมรู้สึกเบิกบานใจยิ่ง ทว่าจู่ ๆ กลับรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ตนเองไปสอบถามเื่เหล่านี้ต้องลงแรงเสียเวลาไปมากมาย ส่วนนายของตนั้แ่เข้าวังมาไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น แล้วจะทราบได้อย่างไรว่าที่ตนเองเล่ามาทั้งหมดล้วนไม่ผิดขณะกำลังใคร่ครวญหาคำตอบ เหยาโม่หว่านก็เดินไปไกลแล้ว จึงเลิกคิดมาก รีบสาวเท้าติดตามไปอย่างรวดเร็ว
“เปิ่นกงอัดอั้นตันใจจะตายอยู่แล้ว หมดเหยาโม่ซินไปคนหนึ่งยังอุตส่าห์มีเหยาโม่หว่านโผล่มาอีก ได้ยินมาว่าเป็แค่คนเขลาเบาปัญญา รสนิยมของฝ่าา่นี้ดูจะแปลกพิสดารไปหน่อยหรือไม่มันจะมีเื่สนุกอันใดให้ทำบนเตียงกับคนปัญญาอ่อน คงไม่ใช่ว่าขึ้นไปนอนนับดาวเป็เพื่อนหญิงโง่ผู้นั้นหรอกกระมัง”ขณะเหยาโม่หว่านเข้าไปใกล้ถึงบริเวณศาลา ก็ได้ยินเสียงก่นด่าราวกับพ่นพิษออกมาจากปากของหวนไฉ่เอ๋อร์
“พระสนม...”
“ชู่...” ทิงเยว่คิดจะเข้าไปจัดการ แต่กลับถูกเหยาโม่หว่านรั้งไว้จึงต้องสงบปากสงวนวาจา
“นายหญิงอย่าเพิ่งโมโหโทโสไปเลย แค่คนเขลาคนเดียวเท่านั้นเองไม่ะเืมาถึงตำแหน่งในวังหลังของท่านดอกเ้าค่ะ แต่เป็การเตือนสตินายท่านให้ระวังจิ้งจอกเฒ่าเหยาเจิ้นถิงให้ดีขนาดแค่บุตรสาวเบาปัญญาคนหนึ่งเขายังสามารถทำให้ฝ่าาแต่งตั้งเป็พระสนมได้ ทั้งยังเลื่อนตำแหน่งตั้งเหยาซู่หลวนขึ้นเป็หวงกุ้ยเฟยดูท่าเขาจะมีน้ำหนักในพระทัยฝ่าาไม่เบาทีเดียว” จื่อซวงส่งอาหารปลาทั้งหมดให้แก่หวนไฉ่เอ๋อร์พลางวิเคราะห์ถึงจุดเพลี่ยงพล้ำของสถานการณ์ในปัจจุบัน
“นั่นก็ยังไม่แน่ ฝ่าายังไม่ได้แต่งตั้งฮองเฮาใหม่เสียหน่อยแต่พอนึกถึงเื่เหยาโม่ซินคลอดยาก จนต้องตายไปทั้งแม่ลูก เปิ่นกงสบายใจอย่างบอกไม่ถูกตายไปซะได้ก็ดี โดยเฉพาะเืชั่วก้อนนั้น ถ้าปล่อยให้คลอดออกมาล่ะก็ ตำแหน่งรัชทายาทคงไม่พ้นต้องตกเป็ของสกุลเหยาถึงเวลาคิดจะรับมือคงไม่ง่าย เอ้า! กินเข้าไป...เอาให้ท้องแตกตายไปเลย” หวนไฉ่เอ๋อร์คลี่ริมฝีปากยิ้มเยาะก่อนโปรยอาหารปลาส่วนที่เหลือลงไปในทะเลสาบสีมรกตทั้งหมด
“ห้ามมาว่าร้ายพี่ใหญ่ของข้านะ” ขณะที่หวนไฉ่เอ๋อร์กำลังจะออกไปจากศาลาริมน้ำเหยาโม่หว่านก็พุ่งตัวเข้ามาขวาง พลางขึงตาใส่ด้วยสีหน้าถมึงทึง ถ้านางจำไม่ผิด ตอนที่หวนไฉ่เอ๋อร์โบยนางกำนัลจนตายตนเองยังไว้หน้ายอมปิดตาข้างหนึ่งเสียถึงไม่กลายเป็เื่ใหญ่ แต่ชั่วยามนี้จำต้องยอมรับความจริงที่ชวนให้หดหู่ใจข้อหนึ่งที่ว่าในโลกนี้คนดีไม่จำเป็ต้องได้รับกรรมดีเสมอไป
“เ้าเป็ใคร?” หวนไฉ่เอ๋อร์มองพินิจสตรีแปลกหน้าที่ออกมาปรากฏตัวั้แ่หัวจรดเท้าก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“พระนางเป็เ้านายคนใหม่ของตำหนักกวานจวี ฝ่าาทรงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้เป็เหยาเฟยตามกฎระเบียบแห่งวังหลัง นายหญิงของพวกเราได้รับพระราชทานทินนาม แต่ท่านไม่มี ดังนั้นย่อมสมควรจะทำความเคารพต่อพระนาง”ทิงเยว่ที่ทนอัดอั้นตันใจมานานวิ่งเข้ามาะโใส่หน้าอีกฝ่าย
ทั้งศาลาพลันเงียบกริบ หวนไฉ่เอ๋อร์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะก่อนะเิเสียงหัวเราะขบขันจนน้ำตาไหล
“อุ๊บ...ฮ่า ๆ ๆ จื่อซวง เ้าได้ยินหรือไม่ นางถึงกับให้เปิ่นกงไปทำความเคารพคนเขลาบ้าใบ้คนหนึ่งโอย...ไม่ไหว ๆ รีบมาประคองเปิ่นกงเร็วเข้า ขำจนปวดท้องไปหมดแล้ว” หวนไฉ่เอ๋อร์หัวเราะเยาะหยันอย่างไม่กลัวเกรงสายตาเต็มไปด้วยการหยามิ่อย่างถึงที่สุด
“มองอะไร ยังไม่รีบไสหัวไปอีก อย่ามาขวางทางเ้านายของข้า”จื่อซวงวางท่าโอหังเข้ามาผลักทิงเยว่ออกไปให้พ้นทาง ก่อนหันมาประคองหวนไฉ่เอ๋อร์เตรียมก้าวออกไปจากศาลาทว่าทันใดนั้นเหยาโม่หว่านกลับตรงเข้ามาดึงจื่อซวงออกไป แล้วผลักหวนไฉ่เอ๋อร์ไปชนราวบันไดดวงเนตรกลายเป็สีแดงก่ำ
“ไปขอขมาพี่ใหญ่เดี๋ยวนี้!” วาจาแต่ละคำดังก้องอยู่ในศาลาความหมายกระจ่างชัดเจนยิ่ง
“โอหัง! จะ...เ้ากล้าดีอย่างไรมาแสดงกิริยาต่ำทรามไร้มารยาทกับพระสนมเฉินเฟยเยี่ยงนี้” กว่าจื่อซวงจะลุกขึ้นมาได้ไม่ง่าย ขณะคิดจะเข้าไปผลักเหยาโม่หว่านเพื่อเอาคืนกลับถูกทิงเยว่กระชากผมจนร้องลั่นด้วยความเ็ป
“เ้าต่างหากที่โอหัง นี่คือพระสนมเหยาเฟย แต่เ้าถึงกับไม่ขานเรียกพระนางด้วยความเคารพ”ทิงเยว่เห็นเหยาโม่หว่านแสดงความโกรธเกรี้ยว จึงโพล่งวาจาออกไปทันที ถึงอย่างไรจะให้เ้านายตกเป็เบี้ยล่างมิได้เป็อันขาด