จ้านอู๋มิ่งไม่เพียงแต่ซ้ำลงบนแผลเป็ของเหยียนเต้าจื่อ ทั้งยังพูดตรงๆ ด้วยว่าเขาเป็คนฆ่าราชันิญญาอูสิงอวิ๋น คำพูดดูิ่เหยียดหยามอูสิงอวิ๋นเป็อย่างยิ่ง ตลอดจนแสดงความแข็งแกร่ง อวดอำนาจบารมีต่อหน้าคนที่เป็ทั้งอาจารย์และบิดาของราชันิญญาอูสิงอวิ๋น มีเพียงคนโง่งมเท่านั้นที่ทำได้ถึงขั้นนี้
แต่จ้านอู๋มิ่งไม่ใช่ตัวโง่งม เหยียนเต้าจื่อทราบชัดเจน ชายชราผมสีน้ำตาลก็ทราบชัดเจนเช่นกัน คนที่สามารถสังหารราชันวายุหนานกงเฉิง เล่นงานราชันกระบี่เฝิงอู๋เซวี่ยจนดับสูญ ชายหนุ่มมากความสามารถ ผู้ไร้เทียมทานจะเป็คนโง่งมได้อย่างไร?
คนผู้นี้หยิ่งผยองเช่นนี้ มีความเป็ไปได้เพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือคนผู้นี้ไม่ได้เกรงกลัวเหยียนเต้าจื่อและไม่คิดว่าเหยียนเต้าจื่อจะสามารถคุกคามความปลอดภัยของเขาได้
ชายชราผมสีน้ำตาลระวังตัวขึ้นมาแล้ว เขาไม่ทราบว่าความกล้าหาญเชื่อมั่นของจ้านอู๋มิ่งมาจากที่ใด เขาจึงได้แต่เตรียมพร้อมอย่างระมัดระวัง
“เ้ารู้ผลของการทำเช่นนี้หรือไม่?” เหยียนเต้าจื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่ง
ทันใดนั้น ความปรารถนาฆ่าจ้านอู๋มิ่งได้เปลี่ยนเป็เจือจางลงแล้ว เหยียนเต้าจื่อไม่อยากฆ่าจ้านอู๋มิ่ง เขา้าให้จ้านอู๋มิ่งมีชีวิตอย่างอยู่ดีมีสุข แล้วทรมานเขาอย่างโเี้ที่สุดในโลก ปฏิบัติต่อเขาอย่างโหดร้ายทารุณ ให้ไอ้หนูที่หยิ่งผยองคนนี้จ่ายค่าตอบแทนที่ขมขื่นเ็ป ให้ทุกข์ทรมานแสนสาหัส สำหรับความหยิ่งยโสโอหังอันเล็กน้อยนั้น เขา้าทำให้จ้านอู๋มิ่งมีชีวิตอยู่มิสู้ตาย
พลันจ้านอู๋มิ่งยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “ย่อมทราบ แต่ว่าพวกเ้าไม่สามารถทำได้ ข้าสามารถท่องไปทั่วน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลกอย่างอหังการและอิสรเสรี เนื่องเพราะในน่านน้ำมหาสมุทรแห่งนี้ คนที่ตัดสินใจก็คือข้า อีกสักครู่ข้าหวังว่าพวกเ้าทั้งสองจะให้ความร่วมมือกับพี่ชายเป็อย่างดี อีกสักพักพี่ชายจะถือโอกาสปล้นชิงสักครั้ง จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง มหาจักรพรรดิาคนหนึ่ง ในแหวนจักรวาลและพื้นที่มิติเก็บของคงมีของดีอยู่ไม่น้อย เพียงแค่คิดว่าสิ่งของเ่าั้ล้วนเป็ของข้าแล้ว ข้าก็รู้สึกเบิกบานสำราญใจจริงๆ”
คำพูดของจ้านอู๋มิ่งทำให้เหยียนเต้าจื่อและชายชราผมสีน้ำตาลตกตะลึงไป สำหรับไอ้หนูตรงหน้าคนนี้ พวกเขาพูดไม่ออกแล้ว
“ทำให้มันพิการก่อน!” เหยียนเต้าจื่อพูดอย่างเ็า
เขาไม่้าพูดเื่ไร้สาระกับไอ้หนูตรงหน้าคนนี้แล้ว เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาจะทนทานได้อีกแค่ไหน เขาเกรงกลัวอย่างยิ่งว่าขืนยังคุยกับจ้านอู๋มิ่งต่อไป ตนเองจะอดไม่ได้จนอาเจียนเป็เืสามลิตรจริงๆ รากฐานพลังาเ็เสียหายใหญ่หลวง พูดกับไอ้หนูคนนี้ คนจิตใจเข้มแข็งแค่ไหนก็ต้องพังทลาย
“ไอ้หนู ทั้งหมดนี้เป็เ้าที่แส่หาเื่เอง!” ในดวงตาของชายชราผมสีน้ำตาลฉายรอยยิ้มเ็าขึ้นวูบ
เวลานี้เขา้าทุบตีไอ้หนูคนนี้อย่างสุขใจสักรอบหนึ่ง ให้เขาเข้าใจเป็ครั้งแรกว่าการเกลียดชังใครสักคนจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันนั้นเป็อย่างไร จ้านอู๋มิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาเกิดความรู้สึกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนชนิดหนึ่ง ก็คือคนที่แฝงความเลวทรามชั่วร้ายผู้หนึ่ง ทั้งการพูดจาและการกระทำ รวมถึงการขมวดคิ้วและรอยยิ้มหัวเราะ สามารถอธิบายด้วยอักษรเพียงสองคำ นั่นก็คือรำคาญ สมควรได้รับการลงโทษสั่งสอน
ทันใดนั้นสีหน้าชายชราผมสีน้ำตาลแปรเปลี่ยนแล้ว เนื่องเพราะไม่ว่าเขาจะเร่งเร้าเขตแดนอย่างไร ล้วนไม่เกิดผลใดๆ ต่อจ้านอู๋มิ่ง จ้านอู๋มิ่งเหมือนดั่งแขวนอยู่ในความว่างเปล่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเขาเลย สามารถััได้ถึงการคงอยู่ของจ้านอู๋มิ่งในเขตแดนตนอย่างชัดเจน นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยประสบมาก่อน ทำให้บอกบรรยายมิถูก
“จ้งเหยียน ไม่ได้ยินคำพูดของข้าหรือ?” เหยียนเต้าจื่อพบว่า ตนพูดไปแล้วครึ่งค่อนวัน ชายชราผมสีน้ำตาลกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ยิ่งทำให้เขาขุ่นข้องหงุดหงิดมากขึ้น
ชายชราผมสีน้ำตาลยับยั้งจนใบหน้าแดงก่ำ ไม่ทราบว่าจะบอกเหยียนเต้าจื่อเช่นไรดี พยายามอีกครั้งเป็เวลานาน จึงได้พูดอย่างเคอะเขินว่า “ท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่า ไอ้หนูคนนี้มันแปลกประหลาดยิ่งนัก”
เวลานี้เหยียนเต้าจื่อก็พบว่าท่าทางของชายชราผมสีน้ำตาลผิดปกติอยู่บ้าง เพียงแต่เขาไม่ทราบว่าผิดปกติในที่ใด พิจารณาจ้านอู๋มิ่งอย่างละเอียดอีกครั้ง เขารู้สึกว่าจ้านอู๋มิ่งยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเขตแดนจ้งเหยียน แล้วคำพูดของจ้งเหยียนหมายความว่าอย่างไร?
“หรือว่ายังต้องให้ข้าลงมือด้วยตนเอง?” เหยียนเต้าจื่อโกรธจัด
จ้งเหยียนอับจนปัญญา เขาก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน เขตแดนของตนสูญเสียอานุภาพไปแล้ว ไม่สามารถบดขยี้จ้านอู๋มิ่งได้แม้สักนิด เขาได้แต่ละทิ้งการโจมตีด้วยเขตแดน ต้องลงมือโดยตรงแล้ว
การลงมือของจ้งเหยียนทำให้เหยียนเต้าจื่อขุ่นข้องหงุดหงิด หรือว่าความเย่อหยิ่งของไอ้หนูนี่ยั่วโทสะลูกศิษย์ตนจนโง่งมไปแล้ว มีพลังเขตแดนไม่ใช้ กลับต้องโจมตีในระยะประชิด
“ข้าไม่อยากรังแกคนแก่เฒ่า ท่านผู้เฒ่า เ้าอย่าได้บังคับข้า!” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างเย่อหยิ่งคำหนึ่ง ยั่วโมโหจนเหยียนเต้าจื่อแทบจะสะดุดลื่นล้มลง
“ตูมมม…” การโจมตีของจ้งเหยียนรุนแรงเหมือนแม่น้ำพันลี้ซัดสาดโหมกระหน่ำมาถึง แต่กลับไม่สามารถสังหารจ้านอู๋มิ่ง
เหยียนเต้าจื่อใใหญ่หลวง เขามั่นใจว่าจ้งเหยียนโจมตีสุดกำลังแล้ว การโจมตีนั้นคือแม่น้ำสายธาราพันลี้ หนึ่งในสามกระบวนท่าสังหารสูงสุดของจ้งเหยียน แต่ร่างกลางอากาศของจ้านอู๋มิ่งกลับคลี่คลายกระบวนท่านี้ได้อย่างง่ายดาย เขายังมิทันเห็นชัดเจนว่าจ้านอู๋มิ่งออกกระบวนท่าอย่างไรด้วยซ้ำ เพียงแค่วาดวงกลมวงหนึ่งขึ้นกลางอากาศเท่านั้น หลังจากนั้นบนฟ้าก็เพิ่มปากขนาดใหญ่อ้าออกปากหนึ่ง กลืนกินพลังโจมตีของจ้งเหยียนจนหมดสิ้นในคำเดียว
ร่างกายของจ้านอู๋มิ่งเคลื่อนลงพื้นอย่างช้าๆ เหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อนก็ปาน พลังเขตแดนของจ้งเหยียนสลายไปอย่างรวดเร็ว ช่างแปลกประหลาดและกะทันหัน
“เห็นแก่ท่านที่อายุมากกว่า ขอออมมือให้หนึ่งกระบวนท่า!” จ้านอู๋มิ่งตบๆ ฝุ่นที่เปื้อนบนร่างกาย ทำหน้าผีหลอกใส่เหยียนเต้าจื่อคราหนึ่ง ขณะเดียวกันเกี่ยวนิ้วชี้พูดกับจ้งเหยียน
เหยียนเต้าจื่อสะท้านใจแล้ว จ้งเหยียนเป็ศิษย์ของเขา เขาเข้าใจกระจ่างแจ้งดี จ้งเหยียนมีพลังของมหาจักรพรรดิาสี่ดาว ในแผ่นดินแห่งนี้นับเป็ตัวประหลาดเฒ่าของสำนักนิกายเช่นกัน แต่การโจมตีของเขาไร้ประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าจ้านอู๋มิ่งใช้วิธีการใดสามารถคลี่คลายพลังเขตแดนของจ้งเหยียนได้ พลังความสามารถของคนผู้นี้ ทำให้เขารู้สึกว่าสูงส่งลึกล้ำสุดหยั่งคาดแล้ว
“ตูมมม…” พลันเหยียนเต้าจื่อรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานรอบตัวกระเพื่อม จึงสะบัดแขนเสื้ออย่างกะทันหัน พลังงานลึกลับสายหนึ่งพุ่งออกมาจากกลางจากอากาศ ปะทะเข้ากับแขนเสื้อของเขา เกิดเสียงสะท้านฟ้าดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว เกาะกระดูกถึงกับสั่นะเืเล็กน้อยคราหนึ่ง
“เคลื่อนพลังผ่านอากาศ!” เหยียนเต้าจื่อและจ้งเหยียนโพล่งเสียงต่ำ
พลังที่โจมตีเหยียนเต้าจื่อเมื่อครู่นี้คือพลังของจ้งเหยียนที่ถูกกลืนกินกลางอากาศนั่นเอง กระบวนท่าแม่น้ำสายธาราพันลี้เป็ท่าไม้ตายสร้างชื่อของจ้งเหยียน ขึ้นชื่อเื่ความดุดันรุนแรง แต่ว่าสำหรับเหยียนเต้าจื่อแล้ว ไม่นับเป็สิ่งใดได้ เพียงแค่ทำให้แขนเสื้อเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น แต่ว่าวิธีการต่อสู้ของจ้านอู๋มิ่งกลับสร้างเงาทะมึนขึ้นแล้วในจิตใจพวกเขา
เหยียนเต้าจื่อยอมรับว่าตนเองไม่มีวิธีการเช่นนี้ กลืนกินพลังการโจมตีของจ้งเหยียนอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นหาเป้าหมายอื่นแล้วโจมตีใส่อย่างแม่นยำ โจมตีจากความว่างเปล่าเข้ามาโดยไม่มีเค้าการแจ้งเตือนใดๆ ถ้าไม่ใช่ระดับเหยียนเต้าจื่อที่จิติญญาศักดิ์สิทธิ์ เกรงว่าการโจมตีครั้งนี้จะทำให้พบความสูญเสียที่ถูกลอบเล่นงาน
“เ้าเป็ใครกันแน่?” ในดวงตาของเหยียนเต้าจื่อฉายแววระมัดระวังขึ้นวูบ
ชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้มีวิธีการที่ไม่เข้ากับอายุโดยสิ้นเชิง เขาถึงกับสงสัยว่าคนผู้นี้ไม่ได้เป็เช่นที่ภายนอกเล่าลือกันว่าเป็ชายหนุ่มที่เพิ่งผงาดขึ้นใหม่ แต่เป็ตัวประหลาดเฒ่าอายุพันปีเหมือนเช่นเขา
ตัวประหลาดเฒ่าหลายคนมีวิธีการพิเศษ สามารถปกปิดฐานบ่มเพาะของตนเองได้ ทำให้คนภายนอกไม่สามารถตรวจสอบได้ ยังมีบางคนได้รับโอกาสวาสนาพิเศษสุด ตอนเยาว์วัยก็ได้ทานเม็ดโอสถคงรูปโฉม เช่นนี้ก็สามารถคงความอ่อนเยาว์ได้ตลอดไป อายุกี่พันปีก็ยังคงดูเหมือนชายหนุ่มก็มิปาน อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยเห็นวิธีการเคลื่อนพลังผ่านอากาศอย่างจ้านอู๋มิ่งมาก่อน ตลอดจนไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ
“ข้าก็คือจ้านอู๋มิ่งราชันแห่งอัจฉริยะของสำนักบริบาลเดรัจฉาน แน่นอนว่าเป็ฆาตกรที่สังหารราชันิญญาอูสิงอวิ๋นเช่นกัน เ้าไม่จำเป็ต้องมาตีสนิทกับข้าหรอกนะ” จ้านอู๋มิ่งคืนคำพูดเมื่อครู่ของเหยียนเต้าจื่อให้กับเขา เพียงแต่เวลานี้คำพูดที่กระทบเข้าหูของเหยียนเต้าจื่อเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
“ในเมื่อเป็เช่นนั้น เ้าก็ตายเสียเถิด!” สีหน้าของเหยียนเต้าจื่อเ็ามากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้จะเป็ใคร เขาล้วนไม่ยอมปล่อยให้ออกจากสมรภูมิรบกระดูกขาวนี้อย่างมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่แค่สำหรับราชันิญญาอูสิงอวิ๋นเท่านั้น ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่้าให้สำนักบริบาลเดรัจฉาน มีอัจฉริยะที่เหมือนสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งก็มิปานเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งเช่นกัน มีการดำรงอยู่ของจ้านอู๋มิ่ง อัจฉริยะของสำนักนิกายอื่นๆ ล้วนหมองหม่นอับแสง ทำลายความสมดุลของแปดสำนักนิกายหลัก แต่ละสำนักนิกายล้วนมีข้อได้เปรียบเฉพาะของตนเอง แต่ก็ไม่อาจแข็งแกร่งกว่าสำนักนิกายอื่นมากเกินไป เขาไม่กล้าจินตนาการ ด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ของจ้านอู๋มิ่ง หลังจากผ่านไปหลายปี สำนักบริบาลเดรัจฉานจะมีคนประเภทใดปรากฏตัวออกมาอีก ดังนั้นเขา้าที่จะสังหารทั้งหมดนี้ ต้องตัดไฟั้แ่ต้นลม
เหยียนเต้าจื่อลงมือแล้ว ในความว่างเปล่าควบแน่นเป็กรงเล็บขนาดั์ปรากฏขึ้น ห้านิ้วใหญ่แต่ละนิ้วขนาดเหมือนเสา ตะปบใส่จ้านอู๋มิ่ง
“จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ ความจริงแล้วก็ธรรมดาเช่นนี้เอง!” จ้านอู๋มิ่งยิ้มๆ พลิกฝ่ามือขึ้นปะทะ
ทันใดนั้นระลอกคลื่นก็ก่อตัวขึ้นเป็ชั้นๆ รอบตัวเขาเหมือนเช่นคลื่นมหาสมุทร พุ่งกระแทกเข้ากับกรงเล็บั์
“ตูมมม…” ระลอกคลื่นซัดเข้ากลบกรงเล็บั์จนหมดสิ้น กรงเล็บั์หายไป แต่สภาวะพลังของคลื่นยังไม่หยุด เหยียนเต้าจื่อถูกท่วมจนมิดไปทันที
“บูมมม……” ชั่วขณะที่คลื่นน้ำท่วมเหยียนเต้าจื่อจนมิด ทันใดนั้นระลอกคลื่นก็คล้ายกับน้ำมันที่มีไฟลุกพรึ่บ กลายเป็เปลวเพลิงโหมกระหน่ำกลุ่มหนึ่งขึ้นมาทันใด
“อ๊าก…” เหยียนเต้าจื่อร้องโหยหวนเสียงอนาถขึ้น เหินร่างบินออกอย่างกะทันหัน โพล่งเสียงต่ำ “เทพเ้าา!”
เหยียนเต้าจื่อััได้ถึงพลังธาตุอันเข้มข้นแข็งแกร่งในเปลวไฟร้อนแรงนั้น พลังชนิดนั้นแทบจะลุกลามไปได้ทั่วทุกแห่งหน คล้ายดั่งสามารถทำให้เขากลายเป็เถ้าถ่านได้ในครู่เดียว
นี่คือการโจมตีของจ้านอู๋มิ่ง นี่มันไม่ใช่ปรมาจารย์นักยุทธ์ตัวน้อยๆ อะไรนั่นแล้ว แต่เป็ยอดฝีมือเทพเ้าาที่น่าสะพรึงกลัวผู้หนึ่ง การเปลี่ยนแปลงชนิดนี้เกือบทำให้เหยียนเต้าจื่อพังทลายลง เกรงว่าสำนักบริบาลเดรัจฉานคงจะคลุ้มคลั่งแล้ว กลับให้เทพเ้าาผู้หนึ่งสัญจรบนแผ่นดินใหญ่ในฐานะของลูกศิษย์ สิบราชันกลับยังเอ่ยปากว่า้าจะสังหารจ้านอู๋มิ่ง
สำนักนิกายทั้งหมดในโลกหล้า สำนักใดบ้างที่ไม่ให้ตัวประหลาดเฒ่าเทพเ้าาอยู่แต่ภายในสำนัก ปฏิบัติต่อเขาเช่นเดียวกับเทพเ้า แต่สำนักบริบาลเดรัจฉานนี้ กลับให้จักรพรรดิาผู้หนึ่งเป็อาจารย์ของเทพเ้าา นี่เป็เื่ตลกขบขันมากมายขนาดไหนกัน?
ใบหน้าของจ้งเหยียนเป็สีเทาเหมือนความตายก็ปาน เขาไม่รู้สึกว่าเหยียนเต้าจื่อกำลังล้อเล่น เขาก็รู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัวของเปลวเพลิงที่ห่อหุ้มร่างกายของเหยียนเต้าจื่อเช่นเดียวกัน เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่า ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ากลับเป็เทพเ้าาที่น่าครั่นคร้ามผู้หนึ่ง ช่างน่าขันที่เมื่อครู่ตนยังใช้เขตแดนเพื่อกักร่างกายของเขาและตะคอกใส่อีกฝ่ายอย่างเย่อหยิ่ง เวลานี้เขาจึงได้เข้าใจ ไฉนอีกฝ่ายจึงสามารถหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ เป็เพราะอีกฝ่ายคือชนชั้นระดับสูงส่งของแผ่นดินแห่งนี้นั่นเอง!
จ้านอู๋มิ่งยิ้มแล้ว ความรู้สึกของการมีพลังช่างประเสริฐจริงๆ เหยียนเต้าจื่อพูดไม่ผิด นี่ก็คือพลังของเทพเ้าาอย่างแท้จริง แต่ทว่า...เทพเ้าาไม่ใช่เขา แต่เป็ชางอวี่
เกาะกระดูกขาวคือทางออกของเกาะูเาไฟ หลังจากทราบว่าเหยียนเต้าจื่ออาจต้องตามไล่ล่าสังหารตน เขาจึงเรียกชางอวี่ให้มาหา หากไม่มีชางอวี่อยู่ด้วย เขาหนีไปพร้อมกับเหยียนชิงชิงและพวกเนิ่นนานแล้ว เขาไม่ได้หยิ่งผยองขนาดนั้นที่จะหาญกล้าไปยั่วโมโหจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์โดยตรง
พลังของเขาเป็พลังที่ส่งเข้าร่างโดยชางอวี่ แสดงพลังออกมาโดยผ่านร่างกายของเขา ขอบเขตจิติญญาชีวิตจ้านอู๋มิ่งนั้นสูงกว่าเทพเ้าามากมายนัก เนื่องเพราะเขามีความทรงจำของอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ และยังมีร่างกายดุจสัตว์ประหลาดก็มิปานนี้ ขอเพียงมีพลังที่มากเพียงพอ เขาก็สามารถใช้พลังระดับขอบเขตที่สอดคล้องกัน ดังนั้น การที่เขาโคจรพลังของชางอวี่จึงไม่มีปัญหาใดๆ เวลานี้เขายังไม่อยากให้ชางอวี่ปรากฏตัวโดยตรง
การมาถึงของเทพาผู้หนึ่ง กลิ่นอายความแข็งแกร่งของเขา เกรงว่าคนในเมืองวันสิ้นโลกที่อยู่ไม่ไกลล้วนจะถูกทำให้ตื่นตระหนก เขาไม่้ากระตุ้นโม่ฉางชุนผู้ลึกลับให้ตื่นตัว
เวลาไม่มีสิ่งใดทำบนเกาะูเาไฟ เขาขบคิดอยู่นานมาก ตลอดจนเคยสงสัยว่าเป็ไปได้อย่างยิ่งที่ปรมาจารย์ค่ายกลเหอเทียนเฉิงอาจเป็ร่างแปลงของโม่ฉางชุน รวมความทรงจำของชาติภพก่อน โม่เทียนจีก็เคยมีร่างแปลงหลายร่างด้วยเช่นกัน ดังนั้น คนในตระกูลโม่อยู่ภายนอกมีชื่อที่ไม่ชัดเจนนัก เนื่องเพราะพวกเขามีศักดิ์ฐานะและตัวตนมากมายที่สามารถใช้ปิดบังตัวตนที่แท้จริง
จ้านอู๋มิ่งเพียงแค่ยืมพลังของชางอวี่มาใช้ พลังเหล่านี้จัดการกับจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางคนหนึ่งและมหาจักรพรรดิาคนหนึ่งก็มากเพียงพอแล้ว!
