ตอนที่ 4
จ๋ายจ๋ายและการร่วมห้องกับหมาป่า
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
“แน่ใจเหรอว่าจะไม่ไปเที่ยวด้วยกัน”
“ไม่เอาหรอก มะนาวจะไปเดตนะ จ๋ายไม่ไปกวนหรอก”
“...”
“อีกอย่าง จ๋ายอยากอ่านหนังสือ”
จ๋ายเอ่ยพูดพลางยกหนังสือในมือโบกไปมา มะนาวนั่งมองเพื่อนสนิทของตัวเองที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจะรีบกลับบ้านสักเท่าไร มักจะใช้เวลาหลังเลิกคลาสสุดท้ายไปกับการนั่งอ่านหนังสือที่ใต้คณะเงียบ ๆ คนเดียวก็อดจะเอ่ยแซวไม่ได้
“พอได้อยู่หอใกล้มหา’ลัยแล้วก็เลยไม่ต้องรีบสินะ”
“อื้อ!”
“แล้ว...รูมเมตเป็ยังไงบ้างล่ะ เขารังแกจ๋ายหรือเปล่า” หญิงสาวชะโงกหน้าเข้ามาถามด้วยสีหน้าเป็กังวล ในขณะที่จ๋ายได้แต่ส่งยิ้มแห้งไปให้
“เ้าของหอบอกว่าเขาไม่ค่อยมานอน ก็เลยยังไม่รู้ว่าเป็ใคร”
ภายในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นมากมาย มะนาวหายป่วยแล้วและไปไหนมาไหนกับจ๋ายตลอด จะมีก็แต่่ตอนเย็นและวันหยุดที่เธอจะต้องแบ่งเวลาไปให้กับหนุ่มที่เข้ามาจีบ ดูเหมือนว่าจะเข้ากันได้ดี และคงจะตกลงคบกันเร็ว ๆ นี้
ส่วนจ๋ายก็ตัดสินใจออกจากบ้านเช่าหลังเก่า หลังจากที่ติดต่อหอพักแห่งหนึ่งใกล้มหาวิทยาลัย และได้ห้องพักที่ต้องแชร์ร่วมกับรูมเมตอีกคนหนึ่ง ทว่าเ้าตัวไม่ค่อยจะเข้ามาพักสักเท่าไรนัก นาน ๆ ครั้งจะเข้ามาอยู่สักที...จ๋ายย้ายเข้าไปอยู่ได้ประมาณสี่วันแล้ว ทว่าจนตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าเพื่อนร่วมห้องของตนเป็ใคร
“แปลกจัง อ๊ะ เดี๋ยวฉันต้องไปแล้วนะ โดนโทรตามแล้ว”
“อื้อ ขอให้สนุกนะ”
มะนาวรีบลุกขึ้นยืน พลางโบกโทรศัพท์ในมือให้เห็นว่ามีสายโทรเข้า ในขณะที่จ๋ายโบกมือให้ทั้งรอยยิ้ม มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาหนุ่มต่างคณะที่ยืนรออยู่ไม่ไกล ในระหว่างนั้นก็อดจะสงสัยขึ้นมาไม่ได้
คนที่เกิดมาเพื่อโดนแกล้งตลอดอย่างเขา จะมีโอกาสมีความรักเหมือนคนอื่นเขาบ้างไหมนะ?
ผ่านไปสักพักหนึ่งก็รีบส่ายหน้าเพื่อสลัดความคิดพวกนั้นออกไป หยิบหนังสือมาเปิดอ่านต่ออีกครั้งทั้งดวงตาที่เริ่มปรือปรอย คล้ายยิ่งอ่านก็ยิ่งอยากจะหลับเข้าไปทุกที
...
“นั่นไอ้ติ๋มหรือเปล่าวะ”
เสียงทักจากเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่ง ทำให้แท็ปที่กำลังเดินป้องปากหาวหวอด ๆ ด้วยความเบื่อหน่ายหลังจากเล่นกีฬาชะงักแล้วหันไปมองตามทันที ภาพที่เห็นคือไฮบริดครึ่งกระต่ายในชุดนักศึกษาที่กำลังฟุบหน้านอนหลับสนิทอยู่บนโต๊ะใต้ตึกคณะ ข้างกายมีหนังสืออยู่หนึ่งเล่ม
“เออ กูเห็นมันนั่งอ่านหนังสือั้แ่ตอนเย็น ยุงจะกัดตายไหมนั่น”
“เดี๋ยวมันก็ตื่นเองนั่นแหละ พวกมึงรีบเดินดิ๊ พี่รหัสกูเขาไปรอนานแล้ว”
เพทายที่ดูเหมือนจะอยากสังสรรค์มากกว่าใครรีบเอ่ยเร่ง เนื่องจากวันนี้เป็วันศุกร์ กลุ่มพวกเขาที่ชอบเที่ยวกลางคืนอยู่เป็นิจจึงนัดแนะกันเพื่อไปนั่งดื่มที่ร้านเดิมอีกตามเคย ในขณะที่เพื่อนคนอื่น ๆ เริ่มเดินนำหน้าไป ไฮบริดครึ่งหมาป่ากลับยังคงยืนมองคนหลับอยู่ที่เดิม กระทั่งต้องเอ่ยเรียกซ้ำ
“ไอ้แท็ป จะแดกไหมเหล้า”
“พวกมึงไปกันเลย กูไม่ไปแล้ว”
“เอ้า?”
ส่งเสียงร้องออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน เมื่อเ้าตัวจู่ ๆ ก็นึกเปลี่ยนใจอย่างง่ายดาย กว่าจะชวนให้มาด้วยกันได้ก็แสนยากเย็น มาตอนนี้ยังจะยกเลิกนัดง่าย ๆ เสียอย่างนั้น...แท็ปตั้งท่าจะเดินไปยังที่ม้าหินอ่อนหน้าคณะ ครั้นเมื่อเห็นเพื่อน ๆ ยังคงอ้าปากค้างมองตามกันอยู่ก็หันไปขมวดคิ้วถามทันที
“สงสัยอะไรกันนักหนาวะ”
“เออ ๆ เปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็ตามมาแล้วกันนะมึง ร้านเดิม”
แน่นอนว่าคนหิวเหล้าย่อมไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดให้เสียเวลาเมาอยู่แล้ว เพทายเอ่ยตอบรับแล้วโบกมือส่ง ๆ ก่อนจะเดินนำเพื่อนคนอื่น ๆ ไปยังลานจอดรถ ในขณะที่แท็ปเมื่อได้อยู่คนเดียวแล้ว ก็รีบสาวเท้าเดินไปหาคนตัวเล็กที่ยังคงฟุบหน้านอนหลับอยู่กับโต๊ะ ดูท่าจะนอนหลับลึกมากพอตัว ทั้งยังไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเลยสักนิด
“เฮ้ย ไม่กลับบ้านกลับช่องหรือไง”
“อือ...”
แท็ปยื่นมือไปสะกิดเบา ๆ พลางเอ่ยเรียกเสียงเนิบนาบ ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงเสียงครางเครือแ่เบา พร้อมกับเ้าของใบหน้าหวานที่มุดหน้าหนีราวกับรำคาญเสียงรบกวน คราวนี้ชายหนุ่มเริ่มแอบขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นแล้วเปลี่ยนเป็การเขย่าให้ตื่น นึกสงสัยว่าพวกกระต่ายมีนิสัยขี้เซาเป็ปกติอย่างนี้ทุกตัวเลยหรือยังไง
“จ๋าย”
“...”
“มึงจะนอนเฝ้าคณะหรือไง ตื่น”
“ฮื่อ อย่ามายุ่งกับจ๋ายนะ จ๋ายจะนอน!”
คนที่รักการนอนเสียยิ่งกว่าอะไร ทั้งยังถูกรบกวนเวลาอันแสนสุขเริ่มขมวดคิ้วมุ่น ยกมือปัดท่อนแขนที่กำลังเขย่าไหล่ตนอยู่ออกไป ทั้งยังซุกหน้าไปอีกทางอย่างดื้อดึง ไม่สนใจแล้วว่ากำลังนอนอยู่ที่ไหน จ๋ายอยู่ตรงนี้แล้วจ๋ายรู้สึกสบาย ใครที่กล้าปลุกจ๋ายขอให้ได้รับผลกรรมอย่างหนัก!
แท็ปที่ถูกคนขี้เซาปัดมือออกหลุดแค่นหัวเราะออกมาเสียงเบาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนข้าง ๆ กัน โดยไม่กลัวคนง่วงที่เกรี้ยวกราดแต่อย่างใด เมื่อมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าเป็เวลาเกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว
“บ้านอยู่ไหน เดี๋ยวกูหิ้วมึงไปทิ้งไว้แถวนั้น”
“...จ๋ายย้ายมาอยู่หอแล้วต่างหาก”
พึมพำตอบเสียงเบา ในขณะที่ผู้ฟังเริ่มหยิบโทรศัพท์ออกมากดเข้าช่องค้นหา พลางพิมพ์ข้อความกรอกลงไปด้วยความอยากรู้อย่างจริงจัง ‘กระต่ายขี้เซาทุกตัวหรือเปล่า’
“เออ อยู่หอไหน”
พอง่วงมาก ๆ เข้าสติก็ไม่ค่อยจะมี ไฮบริดตัวน้อยยื่นมือสะเปะสะปะเพื่อหาของในกระเป๋าของตน ใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะเจอของที่้า กระทั่งแท็ปที่นั่งเท้าคางรออยู่ป้องปากหาวไปหลายรอบ คิดว่าหากลืมตาขึ้นมาหาให้มันจบ ๆ ไปก็คงจะประหยัดเวลาไปได้เยอะกว่านี้
“หอนี้...”
พวงกุญแจและคีย์การ์ดซึ่งมีชื่อหอและเลขห้องเขียนเอาไว้ถูกยื่นให้ เ้าของดวงตาสีอำพันทันทีที่เห็นทั้งชื่อและเลขห้องก็ขมวดคิ้วไปครู่ใหญ่ ก่อนจะหลุดแค่นหัวเราะออกมาเสียงเบา ดวงตาคมมีประกายพาดผ่านชั่วครู่หนึ่ง ก่อนมันจะกลับมาเป็ปกติ ร่างสูงเขย่าพวงกุญแจไปมา พลางก้มหน้าลงกระซิบถามข้างใบหูของคนขี้เซาเสียงนุ่ม
“ก่อนมาเช่าหอ มึงไม่ได้ถามเขาเลยเหรอว่ารูมเมตเป็ใคร หื้ม?”
“จ๋ายไม่รู้หรอก เขาไม่ค่อยอยู่ห้อง...”
พูดคุยได้เป็ตุเป็ตะ จนนึกสงสัยว่าเ้าตัวรู้ตัวหรือยังว่ากำลังพูดคุยกับใครอยู่ ถึงอย่างนั้นเปลือกตาสีมุกก็ยังคงหลับพริ้ม ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อยทั้งลมหายใจที่ดังเข้าออกเป็จังหวะ ราวกับว่ากำลังจะหลับไปอีกครั้ง จนแท็ปที่นั่งมองอยู่ต้องรีบปลุกแล้วใช้มาตรการเด็ดขาด
“ลุกขึ้น เดี๋ยวกูพาไปส่ง อย่ามาดื้อกับกูนะจ๋าย ไม่งั้นกูจะอุ้มมึงไป”
“ฮื่อ...”
ไฮบริดกระต่ายตัวน้อยส่งเสียงร้องในลำคออย่างนึกขัดใจ ทั้งถูกกึ่งดึงกึ่งบังคับให้งัดตัวขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตามกันมา มือน้อย ๆ ถูกจับเอาไว้ตลอด ในขณะที่จ๋ายเดินตามตาปรือ ยกมือขึ้นขยี้ตาอยู่เป็ระยะ ระหว่างทางก็หลับอิงหลังคนตัวสูงไปตลอดทาง ถึงจะเริ่มได้สติแล้ว และแอบกลัวแท็ปอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเห็นว่าเ้าตัวเพียงจะไปส่งกันและไม่ได้ดูอยากจะแกล้งกันแต่อย่างใดก็ยอมตามน้ำแต่โดยดี
ทั้งง่วงทั้งคิดถึงเตียงนอนเสียจนลืมสังเกตไปว่ารถบิ๊กไบค์คันใหญ่ถูกขับมายังหอพักได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังเดินนำกันอย่างมั่นใจราวกับรู้เส้นทางเป็อย่างดี คนตัวเล็กหลุบสายตาลงมองข้อมือของตนที่ถูกจับเอาไว้ในระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ พลางเอ่ยถามเสียงงัวเงีย เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายคงจะต้องรู้จักกับรูมเมตของตนและเคยมาที่นี่บ่อยแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นจะชำนาญทางถึงขนาดนี้ได้อย่างไร
“แท็ปรู้จักกับรูมเมตของจ๋ายเหรอ”
“เออ...อย่าเพิ่งหลับไอ้จิ๋ว รอให้ถึงห้องก่อน”
เอ่ยตอบพลางยกมือขึ้นตบข้างแก้มนุ่มเบา ๆ เมื่อเห็นว่าจ๋ายเริ่มเอนหัวพิงผนังในระหว่างที่ตนกำลังจะแสกนคีย์การ์ดเข้าห้อง ทำท่าเหมือนจะชิงหลับเสียั้แ่ตรงนี้ จ๋ายพอได้เห็นเตียงนอนที่คิดถึงหลังจากที่ประตูถูกเปิดออกก็รีบพุ่งเข้าไปหา ะโนอนคว่ำหน้าจุ่มกับหมอนแล้วนิ่งไปทันที ราวกับสามารถสับสวิตช์ตัวเองได้อย่างไรอย่างนั้น
แท็ปเดินไปหยิบผ้าขนหนูจากในตู้เตรียมจะอาบน้ำ แต่ก็ยังไม่วายแอบค่อย ๆ เดินไปนั่งข้างกายคนที่คงจะนอนหลับไปแล้วพลางทอดสายตามองอยู่นาน ยื่นมือออกไปหมายจะเกลี่ยกลุ่มเส้นผมนุ่ม ก่อนจะชะงักไปเมื่อจ๋ายขยับพลิกตัวนอนตะแคงแล้วกอดหมับที่รอบเอวสอบแน่น ใบหน้าหวานซุกกับหน้าท้องแล้วถูไถไปมาอย่างออดอ้อนโดยไม่รู้ตัว เอ่ยพึมพำเสียงอู้อี้ฟังแทบไม่ได้ยิน
“ตบตูด”
“...”
“ตบตูดให้หน่อย...”
คนนอนหลับละเมอพูดไม่รู้เื่ ในขณะที่ผู้ฟังนิ่งไปอยู่นาน กระนั้นก็ยอมยื่นมือไปตบก้นให้เบา ๆ ตามคำขอ เพียงเท่านั้นไฮบริดตัวน้อยก็หลับตาพริ้มหลับสนิท หายใจเข้าออกเป็จังหวะแล้วเผยอปากกรนเสียงเบา ไม่ได้รับรู้ว่ากำลังถูกมองอยู่หรือไม่ด้วยสายตาแบบใด...รวมถึงััของเรียวนิ้วที่เกลี่ยกับกลุ่มเส้นผมนุ่มแ่เบานี่ก็ด้วย
“...กระต่ายอย่างมึงนี่แม่ง เื่มากฉิบหาย”
…
08.30 น.
“อือ...”
เสียงครางเครือดังขึ้นแ่เบา ทั้งเรียวคิ้วที่แอบขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อแสงอาทิตย์ส่องผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาเต็ม ๆ ร่างเล็กพลิกนอนตะแคงไปอีกข้างเพื่อหนีแสง พลางขยับตัวซุกเข้าหาความอบอุ่นตามความเคยชิน ยกแขนขึ้นกอดสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแน่นเมื่อคิดว่ามันคือหมอนข้าง...ทว่าหมอนข้างวันนี้ดูเหมือนจะใหญ่ไปสักหน่อย
“ตื่นแล้วเหรอ”
แถมหมอนข้างยังมีวิวัฒนาการพูดได้อีกด้วย
“มึงแอบเอาแคร์รอตไปถูกหัวตัวเองปะจ๋าย ทำไมกูรู้สึกว่าผมมึงกลิ่นเหมือนแคร์รอต”
“...”
เสียงทุ้มดังขึ้นแ่เบาที่ข้างใบหู ทั้งััของเรียวนิ้วที่เกลี่ยลูบปรอยเส้นผมไปเรื่อย ๆ อย่างเพลินมือ จ๋ายกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นแล้วทำท่าจะนอนต่อ ทว่าสักพักหนึ่งก็ชะงักไป เมื่อเริ่มรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ มือน้อย ๆ เริ่มไล่จับไปทั่ว ยิ่งจับก็ยิ่งรับรู้ว่าสิ่งที่ตนกำลังกอดอยู่นั้นไม่ใช่หมอนข้าง เพราะหมอนข้างไม่มีแขน ไม่มีขา และไม่ได้สวมเสื้อผ้าแบบนี้อย่างแน่นอน
พลันดวงตากลมใสรีบลืมขึ้นทันที ภาพที่เห็นตรงหน้าคือแผงอกกว้างภายใต้เสื้อยืดสีดำรัดรูปที่ทำให้มองเห็นรูปร่างของหุ่นสมบูรณ์แบบได้อย่างชัดเจน มองต่ำลงมาอีกหน่อยคือท่อนแขนของตนที่โอบกอดรอบเอวสอบเอาไว้แน่น เช่นเดียวกับร่างกายของพวกเขาที่แนบชิดกันจนแทบไร้ซึ่งช่องว่าง ครั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นไปจึงพบกับดวงตาสีอำพันซึ่งทอดมองกันอยู่ก่อนแล้ว
จ๋ายได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ ค้างท่านั้นอยู่นานก่อนดวงตาจะเบิกกว้างเมื่อได้สติ รีบผละตัวออกไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเตียง อ้าปากพะงาบ ๆ เอ่ยเรียกชื่อของอีกคนซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น
!!!
“ทะ แท็ป...แท็ป!!”
“ใอะไร มึงนอนกอดกูทั้งคืน”
คนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ในขณะที่อีกคนหนึ่งแทบจะเป็ลมล้มหงายไปเสียเดี๋ยวนั้น ยิ่งคิดว่าตัวเองนอนกอดแท็ปราวกับว่าอีกฝ่ายเป็หมอนข้างชิ้นโปรดก็ยิ่งรู้สึกอับอายเสียจนอยากจะเอาหน้ามุดดินหนี ร่างเล็กนั่งกอดเข่าขดตัวอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของเตียง แอบช้อนตาขึ้นมองเป็ระยะพลางเอ่ยถามอุบอิบ
“ทำไมแท็ปยังไม่กลับล่ะ”
“แล้วทำไมต้องกลับด้วย? นี่ห้องกู”
แท็ปเอ่ยพูดราวกับเป็เื่ปกติ พลางเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่มจนหมดขวด ในขณะที่จ๋ายได้แต่มองตามคนที่เดินไปหยิบสิ่งนั้นสิ่งนี้ภายในห้องราวกับคุ้นเคยเป็อย่างดีทั้งใบหน้าสงสัย
พยายามตั้งสติให้ดีแล้วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ไม่ว่าจะเป็เลขห้อง การจัดวางของภายในห้อง ทุกอย่างล้วนย้ำเตือนว่าห้องนี้เป็ห้องของตนต่างหาก ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยถามต่อ ไฮบริดครึ่งหมาป่าก็เริ่มเล่าวีรกรรมของเขาเมื่อคืนนี้ทันที
“เมื่อคืนมึงกรนอัดหูกู”
“...”
“แถมยังให้กูตบตูดกล่อมนอนอีก”
“อะ...”
ยิ่งแท็ปเล่า จ๋ายก็ยิ่งอาย ยิ่งขยับตัวไปนั่งขดอยู่ที่มุมหนึ่งของเตียง ทั้งยังหยิบผ้าห่มมาปิดครึ่งใบหน้าของตนอีกต่างหาก
“วันหลังถ้าง่วงก็กลับห้องก่อน นอนที่คณะเดี๋ยวยุงก็กัดตายห่า”
“...”
ถึงแม้ว่าเมื่อคืนจะง่วงมากจนแทบหลับอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังมีสติพอจำได้ว่าถูกอีกฝ่ายกึ่งดึงกึ่งลากจากคณะมาถึงห้องพักได้จนสำเร็จ ตั้งท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็ต้องชะงักไป ได้แต่อ้าปากค้างกินอากาศอยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นแท็ปถอดเสื้อโยนลงตะกร้าลวก ๆ จนเห็นท่อนบนเปลือยเปล่า พลางเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบผ้าขนหนู กว่าจะเค้นเสียงพูดออกมาได้ก็กินเวลาไปหลายวินาที
“ขะ ขอบคุณนะ...”
น้ำเสียงสั่นเครือเป็ผลให้คนที่ยืนอยู่หันกลับมามอง ในขณะที่จ๋ายเริ่มหน้าแดงขึ้นเรื่อย ๆ เป็ลูกตำลึงสุก ดวงตากลมใสเอาแต่จ้องหน้าท้องที่มีลอนกล้ามเนื้อพอประมาณ ไล่ลงมาจนเห็นกลุ่มเส้นขนสีดำจาง ๆ บริเวณใต้สะดือ มันเพิ่มระดับความหนาไปเรื่อย ๆ จนหายเข้าไปใต้ขอบกางเกง ร่างเล็กหน้าร้อนผ่าวพลางหนีบขาเข้าหากันแน่น ครั้นเมื่อได้สติก็รีบส่ายหน้าพรืดแล้วเอ่ยพูดเสียงตะกุกตะกัก
“ตะ แต่ว่า...เสื้อ”
“...”
“แท็ปช่วยใส่เสื้อก่อนได้ไหม...”
“...”
“แท็ปโป๊”
แท็ปเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก้มหน้าลงสำรวจตัวเอง อาจเพราะอยู่คนเดียวจนชิน จึงเผลอทำตามใจชอบเป็นิสัย ทว่ายิ่งเห็นไฮบริดกระต่ายตัวน้อยเอาแต่ก้มหน้ามองพื้น แต่ก็แอบลอบช้อนสายตาขึ้นแอบมองกันอยู่เป็ระยะ พอถูกจับได้ก็สะดุ้งรีบเอาห้าห่มคลุมหัว จากที่คิดว่าจะไม่แกล้งอีกแล้วก็ดันรู้สึกอยากจะหันหัวเรือกลับอีกจนได้
ร่างสูงเกลี่ยลิ้นเลียฟันเขี้ยวแ่เบา ค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินเข้าไปหา พลางเท้ามือทั้งสองข้างลงกับเตียงแล้วโน้มใบหน้าลงเข้าหา มองคนที่ยังคงเอาแต่ดึงผ้าห่มปิดหน้า น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามแ่เบาทั้งรอยยิ้มร้ายที่ประดับอยู่บนใบหน้า
“โป๊เหรอ”
“อื้อ โป๊...”
จ๋ายตอบรับเสียงอู้อี้ ก่อนจะสะดุ้งเบิกตาโพลง เมื่อผ้าห่มซึ่งใช้คลุมอยู่ถูกดึงออกไป ราวกับถูกกึ่งบังคับให้ต้องมองหน้ากันโดยตรง กระต่ายตัวน้อยกลอกตาล่อกแล่กไปมา เดี๋ยวมองใบหน้าหล่อเหลา เดี๋ยวแอบหลุบลงมองหุ่นแสนสมบูรณ์แบบ พอลนลานมาก ๆ เข้าก็รีบหลับตาปี๋ เอามือกุมศีรษะเอาไว้ไม่ให้หูกระต่ายเด้งโผล่ออกมา
“ถ้าโป๊ จ๋ายจ๋ายก็อย่าแอบมองสิคะ”
คนที่คร่อมกันอยู่เอ่ยพูดเสียงนุ่ม คราวนี้จ๋ายยิ่งหน้าร้อนเข้าไปใหญ่เพราะถูกจับได้ต่อหน้าต่อตา ได้แต่อ้าปากค้าง หันซ้ายหันขวาทำอะไรไม่ถูก เริ่มรับรู้ว่าระยะห่างระหว่างพวกเขายิ่งลดน้อยลงไปทุกที รีบยกมือขึ้นหมายจะดันอีกฝ่ายออกทันที ทว่าดันเผลอวางมือไว้ที่หน้าอกอย่างพอดิบพอดีเสียอย่างนั้น
แปะ...
“ฮื่อ!!”
ดวงตากลมเบิกกว้าง หูและหางกระต่ายสีน้ำตาลดีดผึงออกมาทันทีในจังหวะที่รีบชักมือออก ก่อนจะรีบหยิบผ้าห่มข้างกายมาปิดหน้าอีกครั้งด้วยความอับอาย หูกระต่ายตั้งตรงไม่กระดิก ในขณะที่หางน้อย ๆ ด้านหลังสั่นหงึก ๆ เสียจนน่าสงสาร
“อุ๊ย”
“...”
ร่างเล็กแอบลดผ้าห่มลง เห็นแท็ปยืดตัวตรง พลางหยิบผ้าขนหนูมาพันรอบอก ท่าทางดูเหนียมอายมีจริต ทว่าสายตากลับฉายแววเ้าเล่ห์ทั้งยังร้ายลึกเสียจนผู้มองเสียวสันหลังวาบ
“พี่จ๋ายฉวยโอกาสจับนมหนูเหรอคะ”
“ไม่ใช่นะ!”
“หนูอ๊ายอาย...”
เอ่ยพูดอย่างนั้น ทว่าเสียงทุ้มกลับไม่ได้เจือปนไปด้วยความรู้สึกอับอายแต่อย่างใด จ๋ายกอดผ้าห่มเอาไว้แน่น ทั้งริมฝีปากที่เบะลงคล้ายคนอยากจะร้องไห้อยู่รอมร่อ คนที่อายจริง ๆ เขาไม่มองกันด้วยแววตาระยิบระยับแล้วแสยะยิ้มจนเห็นเขี้ยวคม ๆ แบบนั้นหรอกนะ
“อย่างนี้พี่จะรับผิดชอบหนูยังไงคะ ยิ่งเป็รูมเมตกันแบบนี้”
คนตัวเล็กใช้เวลาประมวลผลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเบิกตากว้างราวกับโลกจะแตก ที่แท้รูมเมตของตนก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล ทว่ากลับเป็คนที่ทั้งอันตรายและไม่น่าอยู่ใกล้มากที่สุดเสียอย่างนั้น...หากเป็รูมเมตกัน นั่นหมายความว่าหลังจากนี้ พวกเขาต้องอยู่ด้วยกันแทบทั้งวันทั้งคืนเลยไม่ใช่หรือไง
ฮื่อ อยากกลับบ้าน จ๋ายอยากกลับบ้าน!!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้