ไปรยายิ้มหวาน เธอกลับเข้ามาในครัว เมื่อวานทำแกงไว้สามหม้อ มีเหลือเก็บใส่ตู้เย็นพอได้กินอยู่ แต่เธออยากทำอาหารใหม่ๆให้คุณท่านทั้งสองทานมากกว่าอุ่นของเก่า พอเห็นมีคนงานมาก็เลยลองถามดู ข้าวสวยก็น่าจะพอกินอยู่ และเธอใช้เวลาสิบนาทีจริงๆ อาหารก็อุ่นให้ร้อนพร้อมรับประทาน เธอตักใส่ถ้วยวางบนถาดแล้วเดินถือออกมาให้ คนงานเห็นเข้าก็รีบเข้ามาช่วย หามุมนั่งกินข้าวเที่ยง
“น่ากินทั้งนั้นเลยครับคุณปราย เป็บุญปากพวกเราจริงๆ”
“พูดเกินไปแล้วค่ะ” หญิงสาวยิ้มเขินๆ
“นี่มันอะไรกัน ทำงานกันเสร็จแล้วหรือไง” น้ำเสียงดุดันดังมาจากด้านหลัง ลูกน้องแต่ละคนพากันสะดุ้งโหย่งไม่คิดว่าภูมิพยัตจะกลับมาที่บ้านตอนนี้
“นี่มันเที่ยงแล้ว พวกเขาก็พักทานอาหารมันก็เื่ปกติไม่ใช่หรือคะ” ไปรยาเถียงหน้าตาเฉย บรรดาลูกน้องของภูมิพยัตถึงกับมองด้วยความตะลึง มีใครที่ไหนกล้าเถียงเ้านายเขาล่ะ
“แล้วนั้น!ต้มข่าไก่ใส่เห็ดของผมนี่!” มือใหญ่ชี้นิ้วไปที่ชามกับข้าว
“ของแค่นี้ปรายทำให้ใหม่ก็ได้ค่ะ” ไปรยาส่ายหน้าไปมา นี่มันนิสัยเด็กชัดๆ ห่วงขนมของกินเนี้ย “คุณก็ทานข้าวพร้อมลูกน้องก็ได้นี่”
ภูมิพยัตโคลงศีรษะไปมา “ผมต้องไปจันทบุรีสักสองวันเลยกลับมาเอาเสื้อผ้านะ”
“งานหรือคะ”
“ใช่” เขาตอบแต่พอเห็นแววตาเหมือนลูกแมวหลงทางแล้วก็รู้สึกแปลกๆในหัวใจ
“ปกติผมเดินทางบ่อย ไปดูสวนยางพาราที่จะซื้อไม้บ้าง ไปติดต่อลูกค้าบ้าง งานโรงงานมันก็แบบนี้แหละ ผมไม่อยู่คุณดูแลพ่อกับแม่ให้ดีด้วยนะ”
“ค่ะ คุณพยัตเองก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
หญิงสาวยิ้มให้เขา แต่แล้วก็ต้องตัวแข็งไปเมื่อร่างสูงก้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหู ลมหายใจของเขาผ่าวร้อนจนเธอพลอยรุ่มร้อนไปไม่รู้ตัว
“อยู่บ้านคนเดียวได้นะ”
“ค่ะ”
“ล็อกประตูดีๆ ถ้ากลัวก็ไปนอนเรือนใหญ่”
“ค่ะ”
พูดจบภูมิพยัตก็เงยหน้าขึ้น สองหนุ่มสาวยืนคุยกันส่งสายตาระยิบระยับแบบลืมไปว่า รอบข้างมีคนแอบมองอยู่และคาดเดาไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่ แม่บ้าน? น่าจะเป็มากกว่าแม่บ้านเสียแล้ว ไม่อย่างนั้น คุณภูมิพยัตคงไม่ถึงขนาดสั่งลูกน้องมาซ่อมไฟทางเดินและปูอิฐตัวนอนตรงทางเดินใหม่ขนาดนี้
แต่ความรักจะผลิบานในหัวใจที่เยียบเย็นดุจก้อนหินของภูมิพยัต นั้นหมายความว่าผู้ชายคนนี้ได้ฟื้นจากาแร้าวลึกของหัวใจแล้ว ทว่าใครจะอดทนพอที่จะรักและรักคนอย่างภูมิพยัต ผู้ชายผู้มีหัวใจดุจหินผาคนนี้ได้
ไปรยามักจะเผลอมองไปทางหน้าบ้านเสมอ เหมือนจะเฝ้ารอใครบางคนกลับมา ภูมิพยัตบอกว่าไปดูงานต่างจังหวัดสองวัน แค่สองวันที่เขาไม่อยู่ เธอควรอยู่บ้านอย่างสบายใจแต่กลับเอาแต่คิดถึงผู้ชายปากร้ายคนนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาไปรยาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน เธอไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้นแต่ไม่เจอคนถูกใจหรือคนที่จะทำให้ใจเต้นแรงสักครั้ง ก็เป็ครูเด็กประถม เจอแต่ผู้ปกครองเด็กๆนี่นะ เลิกงานก็กลับบ้านมาทำงานบ้านก็แทบไม่ได้หยุดได้พัก จะเอาเวลาที่ไหนไปเจอหนุ่มโสดได้ละ
“งานไอ้เสือมันก็แบบนี้ ต้องไปดูงานที่นั้นที่นี่บ่อยๆ แถมงานโรงงานมันก็สกปรกมีแต่ฝุ่นไม่เหมือนคนทำงานบริษัท ไม่มีเวลาไปเอาอกเอาใจใคร มันก็เลยอยู่เป็โสดแบบนี้แหละ”
คุณบุญมาพูดเปรยๆ ท่านเองก็สังเกตเห็นว่าไปรยาคอยมองหาลูกชายตัวเองบ่อยๆ สองวันมานี่เธอยังคงกิริยาน่ารักอ่อนหวาน ต้องเรียกว่าเป็แม่บ้านแม่เรือนมากกว่าแม่บ้านอาชีพ อาหารคาวหวานทำได้อย่างไม่มีที่ติ ตื่นเช้ามาช่วยภรรยาของเขาจัดเตรียมอาหารใส่บาตร ทำความสะอาดบ้านช่องได้อย่างดี แถมยังมาช่วยดูแลต้นไม้ใบหญ้าและอ่านหนังสือให้ฟังอีกด้วย ถ้าเธอจะเสแสร้งแกล้งทำก็ไม่น่าจะแเีได้ขนาดนี้
ปัญหาเดียวที่ยังแคลงใจ ไปรยาเป็ผู้หญิงที่แม่เล้าส่งมานะซิ
“คุณพยัตไม่มีคนรักหรือคะ” ไปรยาอดถามไม่ได้ ก็ไม่รู้ทำไมถึงอยากรู้เื่ของเขานัก รู้แค่ว่าเป็เ้าของโรงไม้แปรรูปขนาดใหญ่ แต่เื่อื่นเธอก็ไม่รู้จัก
“อยากรู้เื่ตาภูมิหรือจ๊ะหนูปราย” คุณรำเพยหยอกเย้า
“เอ่อ..เผื่อคุณพยัตพามาคนรักมา ปรายจะได้ดูแลต้อนรับได้ค่ะ” แค่คิดก็เจ็บจี๊ดในอก เธอจะไปมีสิทธิ์คิดหรือรู้สึกอะไรกับเขาได้ล่ะ
“ก็...” สองสามีภรรยาวันหกสิบอัพมองหน้ากันเหมือนช่างใจ จะเล่าดีไหม? แต่เื่มันก็นานมากแล้ว
“ปรายขอโทษค่ะ ปรายเป็แค่แม่บ้านไม่ควรก้าวก่ายเื่ของผู้เป็นาย” เธอรีบออกตัวเพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็ต้นเหตุที่ทำให้ทั้งท่านสองลำบากใจ
“ไม่มีอะไรหรอก เื่มันนานมาหลายปีแล้ว” คุณบุญมาชิงพูดขึ้นมาก่อน
“น่าจะแปดหรือเก้าปีแล้วละ ใช่ไหมคุณ” คุณรำเพยหันไปถามสามี
“ประมาณนั้น” คุณบุญมาพยักหน้ารับ “ไอ้เสือเคยมีคนรัก รักมากถึงขั้นจะแต่งงานอยู่กินด้วยกันนี่แหละ แต่่นั้นที่โรงงานมีปัญหา การเงินติดขัด มันวิกฤตเลยละ่นั้น ไอ้เสือมันเลือกที่จะไม่ปลดคนงาน มันพยายามสู้เพื่อให้ทุกคนยังมีงานทำ แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับไปแต่งานกับผู้ชายอื่นเสียนี่ ั้แ่นั้นก็ไม่เคยไอ้เสือคบผู้หญิงคนไหนจริงจังอีก”
“คุณพยัตคงจะรักผู้หญิงคนนั้นมาก”
จากไปหลายปีแถมแต่งงานไปแล้ว เขายังไม่ลืมเธอ ยังไม่มีใครใหม่ จะเรียกว่าเป็เื่ดีของเธอได้หรือเปล่า หากเธอปรารถนาจะให้เขารักเธอล่ะ เธอต้องสู้กับเงาคนรักเก่าของเขานะหรือ
‘รัก’
ไปรยาเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นไป เธอเผลอคิดแบบนั้นได้อย่างไรกัน เธออยากให้ภูมิพยัตรักเธอนะหรือ? อะไรกัน? เธอเพิ่งเจอเขานะแค่ไม่กี่วันด้วยซ้ำไป
อาการนิ่งงันไปของไปรยา ทำให้คุณบุญมาและคุณรำเพยเข้าใจว่าเธอเหนื่อยจากการทำงานและต้องดูแลคนแก่ทั้งวัน
“หนูปราย วันนี้ไปพักผ่อนเถอะจ๊ะ”
“ค่ะ ถ้ามีอะไรก็เรียกปรายได้นะคะ”
“จ๊ะ ไปพักผ่อนเถอะ”
ไปรยายกมือไหว้ลาคุณท่านทั้งสองแล้วเดินออกมาอย่างเหงาๆ ทางเดินที่เขาให้คนมาปูอิฐทางเดินใหม่ รวมทั้งโคมไฟที่หัวเสาก็สว่างไม่มืดมิดเหมือนค่ำคืนแรกที่มาเยือน คนแบบนั้นเคยมีาแในใจด้วยหรือ? เขาดูสมบูรณ์แบบและหล่อเหลา
เอ่อ...ใช่ เธอไม่โกหกก็ได้ เขาดูหล่อมากแถมยังเต็มไปด้วยมัดกล้าม ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นที่เธอเคยรู้จัก ที่มักจะผอมๆบางๆ
หญิงสาวเดินกลับมาที่เรือนหลังเล็กของภูมิพยัต เขาบอกว่าสองวันแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าบ้านตอนไหน ไปรยาจัดการอาบน้ำสระผมยาวสลวยแล้วมานั่งที่ห้องนั่งเล่น เปิดโทรทัศน์ดูฆ่าเวลา เธอควรจะเลิกคิดถึงเื่ของเขา และหาทางแก้ปัญหาของตัวเอง หนี้ห้าล้านบาทที่เกิดการจากเล่นการพนันนี่นะ ทำไมต้องเป็เธอที่ชดใช้ล่ะ ั้แ่เรียนจบทำงานมาสามปีนี้ เงินเดือนของเธอก็แบ่งให้ทางบ้านตลอด เธอควรมีชีวิตของตัวเอง เธอลาออกจากงานเก่ามาแล้ว ทุกคนไม่มีใครสงสัยในการหายตัวไปของเธอ
ร่างบางกระถดกายนั่งกอดเข่าบนโซฟา ด้านนอกมืดแล้วและโคมไฟก็ส่องแสงสว่าง เธออยากเริ่มต้นใหม่ให้ชีวิตตัวเอง ทำงานหาเงิน หาที่อยู่ค่อยๆจัดการชีวิตตัวเองไปที่ละนิดละน้อย ต้องเริ่มต้นใหม่และต้องบอกความจริงกับเขา ถ้าเขาไม่ให้เธอทำงานที่นี่ต่อ เธอก็ต้องหาที่ทางของตัวเอง แต่จะให้กลับไปใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เธอไม่ยอมเด็ดขาด
เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดตามด้วยเสียงมอเตอร์ไซค์ ไปรยาลุกจากโซฟาไปที่หน้าต่าง ขยับแง้มผ้าม่านออกดู เป็รถของภูมิพยัต รถจอดสนิทแล้ว ลูกน้องก็ประคองปีกภูมิพยัตลงมาจากรถ ไปรยาใรีบเดินไปเปิดประตูบ้าน แต่พอคนตัวเข้ามาใกล้ก็ได้กลิ่นเหล้าโชยคลุ้งก่อนตัวคนจะมาถึงเสียอีก
“นี่ไปตกถังเหล้าถังเบียร์ที่ไหนมาเนี้ย” ไปรยาเบี่ยงตัวหลบให้ลูกน้องสองคนหิ้วปีกเ้านายมาที่โซฟา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้