ภายในพระทัยรู้สึกไม่พอใจ ทว่าฉางไทเฮากลับไม่ตรัสสิ่งใด
ฮ่องเต้หยวนเต๋อเองก็ขมวดพระขนงคิ้ว เหลือบมองหัวหน้าขันที “เื่อันใดถึงต้องตื่นตระหนกเยี่ยงนี้?”
“ฝ่าา... ท่านแม่ทัพหลวง... ท่านแม่ทัพหลวงเขา...” หัวหน้าขันทีหายใจไม่ทัน กล่าวถ้อยคำอย่างสะเปะสะปะ ครุ่นคิดถึงข่าวที่ได้ยินมาเมื่อครู่นี้ สีหน้าซับซ้อน ทว่าเพียงคำว่า ‘“แม่ทัพหลวง’” สามคำนี้ ใน่เวลาคับขันยามเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้จิตใจของทุกคนประหม่าขึ้นมาทันที
คนไม่กี่คนตรงนั้น ต่างจ้องมองหัวหน้าขันทีอย่างและขมวดคิ้ว ถ้อยคำสามคำนี้ดังเข้าหูของเหนียนยวี่ มุมปากผุดรอยยิ้มอย่างสงบเสงี่ยม ในที่สุด หรือว่าจะมาแล้ว?
ช่างมาได้ทันเวลาเสียจริง!
เหนียนยวี่เหลือบมองหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนอย่างสงบเสงี่ยม จากนั้นสายตาเบนมองฉางไทเฮาซึ่งกำลังขมวดคิ้วงามเล็กน้อย...
หัวหน้าขันทีสงบอารมณ์ให้มั่นคง จึงเอ่ยรายงานต่อว่า “ทูลฝ่าา ท่านแม่ทัพหลวง... ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!”
ท่านแม่ทัพหลวง... ขอเข้าเฝ้า?
ฮ่องเต้หยวนเต๋อขมวดพระขนงคิ้ว เหลือบมองจ้าวเยี่ยน การเหลือบมองนั้น ผู้คนรอบข้างต่างเฝ้ามองอยู่ พวกเขาเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างทันทีโดยไม่ต้องพูดจา
ฝ่าาทรงตัดสินพระทัยให้จ้าวเยี่ยนทำหน้าที่ต่อจากฉู่ชิงแล้วจริงหรือ?
ดวงตาเนตรของฉางไทเฮาฉายแววพึงพอใจ แม้แต่พระพักตร์ยังยากจะปกปิดรอยยิ้ม ทว่าโทสะภายในพระทัยของฮองเฮาอวี่เหวินกลับยิ่งเดือดดาล นางเอ่ยขึ้นมาอย่างเ็าว่า “แม่ทัพหลวงอันใด? ยามนี้ตำแหน่งแม่ทัพหลวงยังว่างเปล่า อยู่ ท่านแม่ทัพหลวงที่ไหนจะมากัน?”
หัวหน้าขันทีสีหน้าตื่นใ จึงเอ่ยตอบอย่างเร็วรี่ว่า “ทูลฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ เป็ท่านแม่ทัพหลวง...ฉู่ชิงพ่ะย่ะค่ะ!”
คำว่าฉู่ชิง คำสองที่โพล่งจากปากเขา แม้แต่เขาเองยังไม่อยากจะเชื่อ เขาแทบจะสามารถจินตนาการออกถึงปฏิกิริยาของทุกคนได้ทันที
ครั้นเอ่ยจบ ทุกคนตรงนั้นต่างตื่นตะลึง ผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ก็ยังไม่รู้สึกตัว
แม่ทัพหลวงฉู่ชิงหรือ?
“เ้าหมายความว่าเยี่ยงอย่างไร? เ้ากล่าวมาให้ชัดเจนเสีย มิใช่ว่าฉู่ชิงเสียชีวิตในกองเพลิงค่ายเสินเช่อแล้วหรือไร?” ฮ่องเต้หยวนเต๋อรู้สึกตัวก่อนผู้ใด เขาก้าวไปข้างหน้า พระพักตร์เต็มไปด้วยความจริงจัง ถึงขั้นที่ไม่สนใจผู้คนมากมายตรงนั้น เข้าไปคว้าข้อมือของหัวหน้าขันที
คำถามนี้ เป็คำถามที่อยู่ในใจของทุกคน ทุกคนตรงนั้นจ้องมองหัวหน้าขันทีเขม็ง หัวใจเต็มไปด้วยความตึงเครียด
“ยังไม่เสียชีวิตพ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่ทัพหลวงยังไม่เสียชีวิตพ่ะย่ะค่ะ!” หัวหน้าขันทีได้สติจากการกระทำอันกะทันหันของฮ่องเต้ เขานึกถึงสิ่งที่ตัวเขาได้เห็นมาเมื่อครู่นี้ แม้เขาจะเฝ้ารับใช้ข้างพระวรกายฮ่องเต้มาหลายปี เคยพบเจอมาหลายสถานการณ์แล้วก็ ยังรับมือไม่ค่อยทัน เสียงยืนยันนี้ ราวกับเสียงสายฟ้าแปลบดังลั่นนอกห้องพระตำหนักฉางเล่อ
ยังไม่เสียชีวิต?
ฉู่ชิงยังไม่เสียชีวิต?
จะเป็ไปได้อย่างเยี่ยงไร?
เพลิงไหม้ลุกโหมแบบเช่นนั้น พวกเขาทุกคนที่นี่ล้วนได้เห็นกับตาตัวเองหมดแล้ว เพลิงไหม้โหมกระหน่ำ แผดเผาเป็เวลานานเยี่ยงนั้น เกือบจะกลืนกินทั้งม่านฟ้า ฉู่ชิงจะยังไม่เสียชีวิตได้อย่างเยี่ยงไร?
ในใจของจ้าวเยี่ยนค่อนข้างตื่นตระหนก เขาเหลือบมองฉางไทเฮาตามจิตใต้สำนึกทันที เห็นความตื่นตะลึงบนใบหน้าของนาง วงคิ้วที่ขมวดแน่นอย่างอดไม่ได้ หากฉู่ชิงยังมีชีวิตอยู่จริง...
“กงกงเข้าใจผิดแล้ว เมื่อหลายวันก่อน ท่านแม่ทัพหลวงกับเหล่าพลทหารหลายหมื่นหลายพันนายในค่ายเสินเช่อ เสียชีวิตในกองเพลิงั์ไปแล้ว ยิ่งกว่านั้น ค่ายเสินเช่อยังเป็ต้นตอของโรคระบาด...” ในที่สุด ฉางไทเฮาก็เอ่ยปากออกไปอย่างอดไม่ได้ นางไม่อยากเชื่อว่าฉู่ชิงยังมีชีวิตอยู่ และยิ่งไม่อยากให้ฮ่องเต้หยวนเต๋อเชื่อด้วยว่าฉู่ชิงยังมีชีวิตอยู่
หากเขายังมีชีวิตอยู่ ตำแหน่งแม่ทัพหลวงของเยี่ยนเอ๋อร์ เกรงว่าคงน่ากังวล เช่นนั้นทุกอย่างที่นางวางแผนมาในวันนี้ ก็จะว่างสูญเปล่าทั้งหมด นางจะยอมได้อย่างเยี่ยงไร? !
ฉางไทเฮากำลูกประคำในพระหัตถ์มือแน่น พยายามระงับอารมณ์ภายในพระทัยใจอย่างสุดความสามารถ ทว่ายังคงมีท่าทีร้อนใจหลุดออกมา ในยามนี้ ความสนใจของทุกคนอยู่ที่ข่าวที่เพิ่งได้ยินมา จึงไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น ทว่าเหนียนยวี่ผู้ซึ่งเฝ้าจับตาดูฉางไทเฮามาโดยตลอด กลับเห็นอย่างชัดเจน
มุมปากเหนียนยวี่ค่อยๆ ยกยิ้มเย้ยหยัน นางไม่อยากจะเชื่องั้นหรือ? ทว่าข้อเท็จจริงบางอย่าง มิได้มารอให้นางอยากหรือไม่อยาก!
อย่างที่คิด ฮองเฮาอวี่เหวินเหมือนคล้ายจะััอะไรได้ นางสลัดโทสะก่อนหน้านี้ทิ้งไป ยากจะปกปิดความกระตือรือร้น “กงกงบอกว่าฉู่ชิงยังไม่ตาย เขาย่อมต้องมีเหตุผล กงกง แท้จริงแล้วมันเกิดอันใดขึ้น?”
ฉู่ชิงยังไม่ตาย เช่นนั้นเป็ไปได้หรือไม่ที่อี้เอ๋อร์เองก็ยังไม่ตาย?
ทันใดนั้น ความหวังผุดขึ้นในใจนาง ฮองเฮาอวี่เหวินเองก็นั่งไม่ติดแล้วเช่นกัน ไม่รอให้หัวหน้าขันทีตอบ พลางกล่าวต่อไปว่า “เร็วเข้า รีบพาเปิ่นกงไปหาท่านแม่ทัพหลวง”
หัวหน้าขันทีเหลือบมองทุกคน สายตาสุดท้ายหยุดที่ฮ่องเต้หยวนเต๋อ ใบหน้าหวาดหวั่น “ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ทันทีที่บ่าวได้ข่าว ก็รีบรุดไปที่ประตูอันชิ่ง บ่าวกังวลเื่โรคระบาด ดังนั้น... จึงยังไม่กล้าให้ท่านแม่ทัพหลวงเข้ามาพ่ะย่ะค่ะ... ท่านแม่หลวงยามนี้รออยู่ที่ประตูอันชิ่งพ่ะย่ะค่ะ”
ครั้นเอ่ยจบ ฮองเฮาอวี่เหวินเมื่อได้ยินถ้อยคำว่า ‘“ประตูอันชิ่ง’” ก็รีบนำหน้าออกไปจากตำหนักฉางเล่อ ฮ่องเต้หยวนเต๋อรีบตามหลังไป ฉางไทเฮายืนอยู่ที่เดิม ดูค่อนข้างตื่นตระหนก
“ฝ่าาเพคะ เื่นี้ยังไม่แน่ใจชัด หากโรคระบาด...” ฉางไทเฮารีบเร่งตามไปข้างหน้า คว้าแขนเสื้อของฮ่องเต้หยวนเต๋อ ้าจะเข้าไปขวาง นางไม่อาจปล่อยให้ฝ่าาได้เจอคนที่ชื่อว่าฉู่ชิงนั่น ในใจของนางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ฉู่ชิงผู้นั้น... หากยังไม่ตายไปจริงๆ ...
ฮ่องเต้หยวนเต๋อหยุดฝีเท้า คิ้วดำเข้มขมวดมุ่นเป็เส้นยาว “หากเป็ฉู่ชิงจริงๆ และมีโรคระบาดจริง เขาจะไม่มีทางเข้ามาในเมือง!”"
เขาจะต้องเลือกตายในกองเพลิงแน่!
ฮ่องเต้หยวนเต๋อกล่าวทิ้งท้ายประโยคเดียวอย่างเ็า ก้าวเท้ายาวออกจากตำหนักฉางเล่อ
ฉางไทเฮาชะงักงันเล็กน้อย มือที่ยื่นออกไปแข็งค้างอยู่ตรงนั้น
ฮ่องเต้กับฮองเฮาทั้งสองคนออกไปแล้ว อวี่เหวินหรูเยียนและเจินกูกูจึงรีบตามหลังไปติดๆ ยามที่องค์หญิงใหญ่ชิงเหอจะออกไป นางเหลือบมองฉางไทเฮา ดวงเนตรตาฉายแววเย็นเยียบ
กระทั่งทุกคนออกไปหมดแล้ว ฉางไทเฮากลับยังคงยืนอยู่ที่เดิม หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนซึ่งยืนอยู่ด้านข้างมีสีหน้ามืดมนไม่ต่างกัน
“"เสด็จแม่ หากฉู่ชิงยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นพวกเรา...” เสียงของจ้าวเยี่ยนดูสั่นเครือเล็กน้อยจนมิอาจสังเกต เขาจ้องมองฉางไทเฮา แม้แต่จิตใจของเขายังรู้สึกไม่แน่ใจ
“ไม่ นั่นมันโรคระบาด ผู้ใดจะหนีได้? อีกอย่าง เพลิงั์นั่น พวกเราเองก็เห็นกับตา หรือจะเป็ของปลอมได้หรือไร? ค่ายเสินเช่อมอดไหม้หมดแล้ว ไม่มีทางผิดพลาด!” ฉางไทเฮาหรี่ดวงตาเนตร และสบตาจ้าวเยี่ยน “เยี่ยนเอ๋อร์ วันนี้ ข้าจะเอาข้อต่อรองที่ใหญ่ที่สุดออกมา ตำแหน่งแม่ทัพหลวงจะต้องเป็เ้าเท่านั้น!”"
ครั้นเอ่ยจบ ฉางไทเฮาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ก้าวเท้ายาวออกไปนอกตำหนักฉางเล่อ
จ้าวเยี่ยนจ้องมองแผ่นหลังนาง เขาย่อมรู้ดีว่าแต้มต่อที่เสด็จแม่กล่าว หมายถึงสิ่งใด
ตัวตนของเขา... ในฐานะพระโอรสของฝ่าา!
ทว่าหากฉู่ชิงยังมีชีวิตอยู่ พระโอรสของฝ่าาจะสามารถแย่งชิงตำแหน่งแม่ทัพหลวงมาได้จริงหรือ?
จ้าวเยี่ยนรู้สึกไม่มั่นใจ แต่ถึงแม้นจะเป็เช่นนั้น เขาเองก็ไม่อาจเบิก่งตาจ้องมองขนมอันหอมหวานที่จะมาถึงมานั่นหายลับไปได้
ตำแหน่งแม่ทัพหลวง ข้า จ้าวเยี่ยน จะต้องเอามันมาให้ได้!
ความมุ่งมาดปรารถนาฉายออกมาจากดวงตา เขาหันหลังและเดินออกไป
ั้แ่ต้นจนจบ ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นนางกำนัลน้อยผู้จืดจางในลานข้างตำหนักแห่งนี้เลย นางจ้องมองคนชุดขาวผู้สง่างามเหนือสิ่งใด ซึ่งหายลับไปจากสายตา อารมณ์เย้ยหยันบนมุมปากของเหนียนยวี่ก็ยิ่งแย้มกว้าง
การสนทนาของสองแม่ลูกเมื่อครู่นี้ นางได้ยินอย่างชัดเจน ตำแหน่งแม่ทัพหลวงจะต้องเป็จ้าวเยี่ยนเท่านั้นหรือ?
ข้าอยากจะเห็นเสียจริงว่า ยามนี้ สองแม่ลูกคู่นั้นยังจะแย่งชิงไปได้อย่างเยี่ยงไร!
และงิ้วสนุกๆ ที่ข้าเตรียมไว้ให้...
ครุ่นคิดอะไรขึ้นได้ ความคาดหวังในดวงตาของเหนียนยวี่ ก็ยิ่งฉายแววกระตือรือร้น ถึงขั้นที่อดใจรอไม่ไหว