“ ม้าเทาเ้ารอให้มืดหน่อยนะค่อยกลับบ้าน แล้วนอนพักอยู่ก่อนค่อยกลับมารับข้าอีกวันหนึ่ง ข้าขอเขียนข้อความหาพี่สาวทั้งสองก่อน ข้าจะกลับออกไปแล้วไม่ต้องรีบไปขายผลไม้”
“ ของเยอะแบบนี้พี่สาวจะขนไปให้ ลูกหลานในตระกูลทั้งหมดจริงหรือเ้าค่ะ ข้าว่าต้องเอารถม้าไปแล้วละมั้งถ้าเยอะแบบนี้ขนใส่หลังม้าไปไม่น่าจะหมด เอารถม้าไปก็ดีเหมือนกันถึงจะเสียเวลาในการเดินทางไปบ้าง หาผ้าม่านสีดำมาใส่นกฮูกก็จะได้อาศัยไปด้วยได้ พี่สาวเห็นว่าเป็ยังไง”
“ เอาตามที่เ้าว่าก็ได้เด็กน้อย เพราะหลายปีที่ผ่านมาพวกเขายังอยู่มาได้คงจะไม่ล่มสลายตอนที่เดินทางไปช่วยหรอกนะ”
ม้าเทามารับเย่วซิงออกจากป่า บนหลังของมันเต็มไปด้วยสัมภาระ สิ่งของบางอย่างต้องใช้ผ้าห่มมัด เพื่อที่จะวางไว้บนหลังม้าได้
“ คุณหนูกลับมาแล้ว มาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าพักผ่อนก่อนเถอะ ของบนหลังม้าเดี๋ยวข้าทั้งสองคนจะขนลงมาเก็บเอง”
“ ของบนหลังม้าไม่ต้องเอาขึ้นไปเก็บบนบ้าน ยกเว้นเสื้อผ้าเครื่องนอน นอกนั้นให้ใส่ไว้บนรถม้าเลยเราจะออกเดินทาง พรุ่งนี้”
“ คุณหนูเพิ่งมาถึงจะออกเดินทางอีกแล้วเหรอเ้าคะ แล้วผลไม้พวกนี้ล่ะ”
“ข้าจำเป็ต้องเดินทางไกลใช้รถม้าเพื่อไปทำภารกิจลับ ผลไม้ให้แบ่งไว้กินที่บ้านและบนรถม้าที่เหลือก็เอาไว้ขายในเมือง ”
“ คุณหนูขับรถม้าไปไกลให้ข้าไปด้วยเถอะ ให้ซิงอีอยู่เฝ้าบ้านผู้เดียวได้พืชผักก็ไม่มีอะไรมากแค่รดน้ำและถอนหญ้าเท่านั้น”
“ ใช่เ้าค่ะคุณหนูไม่ต้องห่วงข้าอยู่ผู้เดียวได้ อยู่ที่นี่มาหลายเดือนยังไม่เห็นมีอะไร ที่เป็อันตรายแม้แต่สัตว์ร้ายก็ไม่เห็น”
“ เอาแบบนั้นก็ได้ พี่ซินอีอยู่ที่บ้านอาจจะเหงาหน่อย หรือข้าจะจับกระต่ายสักตัวมาให้เลี้ยงจะได้มีเพื่อน”
“ อย่าเลยค่ะคุณหนูข้ากลัวว่ากระต่ายจะกัดกินหัวผักของข้าไปหมด ข้าอยู่ได้เจอแต่พวกท่านให้รีบกลับมาอย่าจากไปนานก็พอ”
“ถ้าเสร็จธุระแล้วข้าจะรีบกลับหรือถ้าข้ากลับมาไม่ได้ก็จะส่งพี่ซูลี่กลับมาก่อน”
คืนนั้นเย่วซิงออกมายืน นอกรั้วบ้านแล้วอัญเชิญพู่กันมาเขียนเป็ข่ายอาคม ป้องกันสัตว์อสูรและคนไม่ดีบุกรุกเข้ามา“ พอมีพลังข่ายอาคม รอบๆบ้านก็ดูมีพลังตามขึ้นมาด้วย แค่นี้ก็ไม่ต้องเป็ห่วงว่าจะมีใครบุกมาทำลายได้แล้ว”
“พี่ซิงอี บ้านที่เราอยู่นี้มีตาข่ายอาคมคุ้มกันอยู่ฉะนั้นที่ปลอดภัยที่สุดก็คือในรั้วบ้าน พยายามอย่าออกไปข้างนอกหรือถ้าออกไปก็ให้รีบกลับ”
“ ข้าเข้าใจแล้วเ้าค่ะคุณหนู ปกติก็ไม่ได้ออกไปไหนอยู่แล้ว ผักถ้ากินไม่ทันข้าก็จะทำการหมักดองไว้จะได้ไม่ต้องขนไปขายส่วนข้าวและอาหารมีกันกินได้อีกหลายเดือน คุณหนูไม่ต้องเป็ห่วงเ้าค่ะ”
“ ดีมาก ข้าจะได้ไม่ต้องเป็ห่วง ผ้าม่านสีดำที่เขียนไว้ในจดหมายให้เ้าเทามาเมื่อวันก่อน ตัดเย็บเสร็จหรือยัง ถ้ายังก็ให้รีบถ้าเสร็จแล้วก็เอามาติดได้เลย”
“ เสร็จแล้วเ้าค่ะคุณหนูเดี๋ยวข้าทั้งสองคนจะเอามาติดให้เรียบร้อยคุณหนูไปพักผ่อนเถอะเ้าค่ะ”ซิงอีเดินไปเอาผ้าม่านสีดำในห้องออกมา ช่วยกันติดสองคนกับซูลี่
“ พี่สาวว่ายังไงนะ ท่านรับรู้ว่าลูกหลานกำลังเดือดร้อนอย่างนั้นรึ ได้ถ้าอย่างนั้นข้าขอไปดูรถม้าก่อนถ้าเรียบร้อยแล้วเราก็ออกเดินทางกันเลย”
“ พี่ซูลี่รถม้าเรียบร้อยหรือยัง ข้ามีความจำเป็ต้องรีบออกเดินทางเดี๋ยวนี้ ท่านก็ไปเตรียมตัวด้วย พี่ซิงอีเอาม้ามาเทียมเกวียนกับรถม้าได้เลย”
รถม้าวิ่งออกจากหมู่บ้านต้าซาน ในเวลามืดค่ำมุ่งหน้าไปทางมืองใหญ่ของอย่างเมืองเทียนถาง โดยสาวใช้ร่างใหญ่ เป็คนขับรถม้า ซึ่งเหมือนนั่งชมสองข้างทางมากกว่าเพราะม้าเทาวิ่งไปเอง
“ เมืองเทียนถางนี่สินะ มีสำนักศึกษาเทพสุริยันตั้งอยู่ ที่อดีตพี่ใหญ่ของอี้เฉินเรียนอยู่”เย่วซิงพูดกับิญญาผีสาวอยู่ในรถม้า
“ พี่สาวแล้วคนที่มีพลังธาตุแสง ก็ไม่รักษาอาการเืไหลไม่หยุดได้หรือเ้าค่ะ เพราะเห็นบอกว่ารักษาได้ทุกอย่างเป็ที่้าของทุกคน”
“ ตระกูลของข้ากำลังจะล่มสลายจะมีใครให้ความช่วยเหลือยื่นมือมารักษากันล่ะ เมื่อไม่มีผลประโยชน์อะไรให้แก่พวกเขา ใครเลยจะมารักษาให้ และธาตุแสงก็หายากมากแทบจะไม่มีด้วยซ้ำ”
“ จริงหรือเ้าค่ะว่าแทบจะไม่มีอย่างงั้นอดีตพี่สาวของอี้เฉิน ก็เป็นางฟ้านาง์ล่ะสิพวกนางมีธาตุแสง”
“ มีธาตุแสงอย่างเดียวไม่พอหรอกต้องมีพลังด้วย เหมือนกับเ้ากำลังจุดไฟที่ลุกไหม้แสงสว่างจ้า แต่ถ้าไม่มีฟืนไฟนั้นก็มอดดับลง ไฉนจะมีไฟที่ยังลุกโชติ่ได้ เ้าคิดตามแค่นี้แหละ”เย่วซิงยังทำหน้าสับสน
“ แสดงว่าถึงแม้จะมีธาตุแสงก็ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก เพื่อให้ตัวเองมีพลังธาตุที่แข็งแกร่งขึ้น เป็แบบนี้นี่เอง มนุษย์ทุกคน้าความแข็งแกร่ง ไม่น่าล่ะสัตว์อสูริญญาถูกฆ่าเพื่อเอาแก่นิญญาของพวกมัน มาเสริมพลังให้กับตนเองเป็จำนวนมาก”
“ เด็กน้อยเ้าต้องแข็งแกร่งและเก่งกาจเท่านั้นถึงจะยืนหยัดอยู่ในโลกใบนี้ได้ ถ้าอ่อนแอก็ต้องตกเป็เบี้ยล่างให้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า”
“ และถ้าเ้าอยากแข็งแกร่งและมีอนาคตที่ดี ต้องส่งตัวเองให้สามารถเข้าไปศึกษาที่สำนักเทพสุริยันให้ได้ สถานที่นั้นจบมาแล้วสามารถเอา เอกสารมาประกอบอาชีพได้ อย่างเ้ามีความชำนาญเื่การรักษาหรือสมุนไพรก็ต้องมีเอกสารพวกนั้นไม่อย่างงั้นร้านของเ้าจะเป็ร้านเถื่อน หมอเถื่อน”
“ เ้าค่ะพี่สาวคงจะเหมือนใบปริญญา จากสถาบันศึกษาในยุคอนาคตข้าจะเข้าเรียนที่นี่ให้ได้ แต่ไม่รับประกันว่าจะจบหรือไม่ ถ้าเปิดร้านหมอหรือร้านขายยา ไม่ได้ข้าก็ไม่เดือดร้อนอะไร”
“ เด็กน้อยเ้าต้องคิดถึงอนาคตด้วย ถ้าเ้าจบมาจากสำนักสุริยัน พ่อแม่สามีของเ้าก็อ้าแขนรับ แม้เ้าจะไม่มีตระกูลที่โด่งดังก็ตาม”
“ เื่นี้ข้าก็ไม่สน ผู้ชายยุคโบราณมีเมียได้หลายคน ข้าไม่นิยมจะมีสามีร่วมกับผู้ใด ขนาดพี่สาวยังไม่ยอมมีเลยใช่หรือไม่”
“ นั่นเป็เพราะข้ามัวแต่ศึกษาหาความรู้อยู่แต่ในป่ากับอาจารย์เสียมากกว่า เลยทำให้ไม่อยากมีชีวิตคู่ ซึ่งในตระกูลก็เห็นด้วย เพราะถ้าแต่งงานไปต้องอยู่ปรนนิบัติสามีและพ่อแม่สามีอีก ข้าจะไม่มีเวลาที่จะไปศึกษาเื่ตำราและสมุนไพร”
“ ข้าก็เหมือนกันเ้าค่ะ ต้องศึกษาหาความรู้อีกเยอะ และ้าเดินทางช่วยเหลือสรรพสิ่งหลายอย่าง ตามที่ได้รับมอบหมายมาจากอาจารย์ผู้เฒ่า”
รถม้ายังวิ่งทั้งคืน จอดยังจุดพักม้าในเวลากลางวัน ซูลี่และเย่วซิงเอาผลไม้มีพลังไปขาย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดพักม้า
“ ข้าให้เ้าทั้งหมดยี่สิบมุกิญญาใหญ่ก็ถือว่าสูงแล้วน่ะ ที่ไหนก็จ่ายให้เ้าไม่เท่าข้าหลอก”
“พี่สาวซูลี่กลับกันเถอะ ขนาดระดับต่ำกว่านี้ยังขายได้ลูกละห้ามุกิญญาเล็กเลย แล้วนี่ระดับสูงกว่ามีเป็ถุงให้แค่ยี่สิบมุกิญญา”เย่วซิงไม่พูดต่อ เดินออกจากร้านค้ามีซูลี่ยกผลไม้เดินตาม แม้เ้าของร้านจะเรียกตามก็ไม่สามารถหยุดทั้งสองคนได้
“ แม่หนูถ้าเ้าจะขายผลไม้ที่มีพลังสูง ไปที่ร้านขายยามู่หลงที่นั่นให้ราคาดีอยู่ไม่ไกลเดินไปอีกหนึ่งลี้ก็ถึงแล้ว”ชายชราที่ เห็นเหตุการณ์เดินมาแนะนำทั้งสองคน
เย่วซิงและซูลี่เอาผลไม้มีพลัง เข้าไปขายได้มุกิญญาใหญ่มาถึงห้าสิบมุกิญญาใหญ่
“ ร้านนั้นกดราคาครึ่งต่อครึ่งเลย เป็แบบนี้ใครเขาจะไปขายของให้ พี่สาวเรารีบกลับกันเถอะ จะได้เดินทางต่อไว้ถึงต่างเมืองแล้วค่อยขายอีกครึ่งหนึ่ง ถ้าไม่เห็นว่าเกะกะบนรถม้าแล้วละก็ ยังไม่ขายหรอกข้าอยากนั่งนอนให้สบายเท่านั้น”
เย่วซิงเดินทางมาเป็เวลาหลายวัน ตอนหลังต้องพักแต่โรงเตี๊ยมมากกว่าข้างป่าหรือจุดพักม้า เพราะต้องอาบน้ำพักผ่อนม้าก็มีคนดูแลให้ กว่าจะมาถึงเมืองเทียนถางก็นั่งจนเจ็บไปทั้งตัว
“ พี่สาวมา ถึงเมืองเทียนถางแล้ว ต้องไปที่ไหนหรือตระกูลใดอีก จะได้รีบเดินทางไปต่อ”
“ ไปตระกูลกัวจวนกัวหยุน จากนี้ไปมุ่งหน้าไปทางทิศใต้อีกยี่สิบลี้ก็ถึงแล้ว”
รถม้าวิ่งไปถึงจวนตระกูลกัว ที่ดูเก่าแก่แต่ไร้ผู้คนไม่ต่างอะไรจากจวนร้าง จวนเริ่มทรุดโทรมต้นไม้ขาดการดูแลรักษาแห้งเหลือแต่กิ่ง หญ้าและเถาวัลย์ปกคลุมอยู่เต็มหลังคา มีแต่จวนหลังเล็กหลังหนึ่งที่เหมือนมีคนอาศัยอยู่
“ ทำไมจวนของพี่สาวถึงเป็แบบนี้ล่ะหรือว่าพวกเรามาช้าไป ข้าจะลงไปดูก่อนตอนนี้ยังมีแสงอาทิตย์พี่สาวลงไปยังไม่ได้”ซูลี่ลงจากรถม้าเดินไปเคาะประตูจวนหลังเล็ก
“ หรือว่าพวกเขาอพยพไปตั้งถิ่นฐานใหม่กันน่ะ ถ้าอพยพไปก็ต้องขายสิทำไมถึงปล่อยให้ ทรุดโทรมแบบนี้กัน”
“ ปัง ปัง” เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากฝีมือของซูลี่ “ พี่สาวไม่กลัวประตูเขาพังหรือเคาะเสียงดังขนาดนั้น”
“ แอ๊ดด”มีชายชราร่างกายพายผอมเดินออกมาเปิดประตู“ พวกเ้ามาพบใครรึที่นี่ไม่เหลือใครที่จะให้พบแล้ว”
“ ท่านลุงคนในจวนหายไปไหนกันหมด เห็นมีแค่หลังนี้หลังเดียวที่มีคนอาศัยอยู่ ข้ามาพบทายาทของตระกูลกัวเ้าค่ะ”
“ แม่นางน้อยเ้าเป็ใคร ถึงมาพบกับตระกูลกัวที่แทบจะไม่เหลือใครแล้วตอนนี้ ที่อยู่ก็มีชีวิตอยู่อีกไม่กี่เดือนเท่านั้นเ้าไม่ได้มาผิดบ้านใช่หรือไม่”
“ ข้ามากับพี่สาวกัวซินหยี เพื่อมาดูคนเจ็บป่วยที่ตระกูลนี้ท่านรู้จักพี่สาวหรือไม่” ชายชราถึงกับยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่
“ แม่นางน้อยเ้าว่าอะไรนะ กัวซินหยีสูญหายไปร้อยกว่าปีแล้วจะกลับมาได้อย่างไง แถมเ้าที่อายุแค่นี้เรียกนางว่าพี่สาว”
“ ท่านลุงเป็เื่จริงเ้าค่ะ แต่พี่สาวไม่ได้มาในร่างของมนุษย์ นางเหลือแค่ิญญาเท่านั้นแต่ด้วยความที่เป็ห่วงตระกูลนางยังไม่ได้ไปผุดไปเกิดศึกษาสมุนไพรและการปรุงยา เพื่อช่วยเหลือลูกหลานอยู่ในป่าพลังิญญา ที่เมืองเทียนตี้” ชายชราได้ยินเช่นนั้นเข่าแทบทรุดต้องยืนเกาะขอบประตูพยุงไว้
“ ตอนนี้นางอยู่ที่ไหนข้าขอพบนางได้ไหม”เย่วซิงมองเข้าไปในบ้านที่อากาศมืดครึ้ม“ ได้ท่านไปเตรียมพื้นที่ไว้ข้าจะพาพี่สาวเข้าไปข้างใน”
เย่วซิงเดินเข้าไปอุ้มหม้อสีดำ ลงมาจากรถม้าเดินเข้าจวนตามชายชราไป“ ท่านลุงพี่สาวเป็แค่ิญญาท่านสามารถติดต่อสื่อสารกับิญญาได้ใช่หรือไม่”
เย่วซิงเอาหม้อสีดำ ไปวางไว้บนโต๊ะที่ชายชราเตรียมไว้ พอวางเสร็จก็มีกระถางธูปมาตั้งพร้อมด้วยกระดาษเงินกระดาษทอง มีหญิงวัยกลางคนสามคนนำดอกไม้สีแดงใส่แจกัน และวางซ้ายขวาหน้าหม้อสีดำมีภาพวาดหญิงสาวมาตั้งอยู่ด้านหลังกระถาง ผ่านไปไม่ถึงจิบชาลานตรงนั้น ก็เต็มไปด้วยผู้คนไม่รู้มาจากไหนรวมเกือบสามสิบคน
เย่วซิงถูกเชิญตัวให้ไปนั่งอยู่ด้านใน นั่นเป็เพราะพวกเขาสื่อสารกับิญญาไม่ได้ นางต้องเป็ตัวกลางคุย ให้พวกเขาทั้งหมดฟัง สรุปคือลูกหลานตอนนี้ที่เป็สายตรงแทบจะไม่มีเหลือแล้ว