"หงสือซาน ใครให้ความมั่นใจแก่เ้า ถึงกับกล้ามาปล้นขบวนสินค้าของข้า"
น้ำเสียงเ็าเจือไปด้วยกลิ่นอายเอ้อระเหยท่ามกลางเสียงเข่นฆ่าสังหาร ฟังแล้วขัดหูเป็พิเศษ
"ผู้อื่นกลัวเ้าเมิ่งเฉิงเจ๋อ แต่บิดาไม่กลัวโว้ย สินค้าจากท่าเรือเจิ้นเจียงงวดนี้ของเ้าเสร็จข้าแล้ว ฮ่าๆ "
น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากเต็มไปด้วยความลำพองใจ
"อ๊าก..."
น้ำเสียงกระหยิ่มยิ้มย่องชะงักกะทันหัน กลายเป็เสียงโหยหวนดังไปทั่วบริเวณ
หงสือซานบนหลังอาชายกมือขึ้นกุมเืที่กบปากอย่างโกรธจัด "ไอ้บัดซบเมิ่งเฉิงเจ๋อ เ้าถึงกับใช้หยกประดับลอบทำร้ายบิดาเลยรึ"
จากนั้นก็พลิกมือไปหยิบทวนทมิฬข้างกายชูขึ้นมา แล้วกระทุ้งท้องอาชาควบตะบึงเข้าหารถม้าสีแดงสะดุดตาคันนั้น
ชายหนุ่มอาภรณ์สีขาวที่อยู่ข้างรถม้า ดวงหน้าคมสันแต่กลับมีความงดงามนุ่มนวลในแบบสตรี คิ้วยาวดวงตาดำสนิท ริมฝีปากค่อนข้างแดง เกล้าผมมุ่นมวยสูงสวมเกี้ยวหยกวาวระยับ ขับเสริมสง่าราศีให้ดูเหนือสามัญ
แม้อยู่ท่ามกลางความโกลาหลเสียงเข่นฆ่าสังหารดังอึกทึก แต่เขากลับไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ชักกระบี่อ่อนที่เอวออกมาอย่างเอ้อระเหย
เพียงแค่ตวัดมือ กระบี่อ่อนก็พลิ้วไหวราวกับงูสีเงินเปี่ยมไปด้วยจิติญญา
ยามนี้หงสือซานตะบึงอาชาเข้ามาห่างออกไปเพียงห้าก้าว
"เอาชีวิตมา..."
หงสือซานลั่นวาจา ทวนทมิฬในมือพุ่งเข้าใส่เมิ่งเฉิงเจ๋อด้วยความเร็วสูง
เมิ่งเฉิงเจ๋อกลับผ่อนคลายยิ่ง เบี่ยงกายเล็กน้อยหลบการโจมตีที่ดุดันของอีกฝ่าย
กระบี่อ่อนในมือราวกับมีชีวิตพุ่งสวนกลับไปทันที
หงสือซานม่านตาหรี่วูบอย่างตื่นตระหนก คิดทางหลบแต่ไหนเลยจะทันกาล
"อ๊าก"
เสียงโหยหวนดึงขึ้นอีกครา แขนของหงสือซานถูกฟันอาบย้อมไปด้วยเื
"ข้าบอกแล้ว ใครกล้าแตะต้องขบวนสินค้าสกุลเมิ่ง ต่อให้พวกเ้าจะเป็โจรป่ามาจากูเาลูกไหน โทษเพียงสถานเดียว สังหารไม่เว้น" ดวงหน้าละมุนคล้ายสตรีของเมิ่งเฉิงเจ๋อฉายแววเหี้ยมเกรียม รอยยิ้มเอ้อระเหยเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนเผยความไม่อินังขังขอบ
ทันทีที่กล่าวจบ กระบี่อ่อนก็จ้วงฟันออกไปอีกครั้ง
หงสือซานรีบถือทวนป้องกันอย่างรวดเร็ว
"เคร้ง"
อาวุธกระทบกันเกิดเป็ลูกไฟเล็กๆ
คิ้วเข้มเรียวยาวเลิกขึ้น มุมปากประดับรอยยิ้มเย็นะเื ตวัดกระบี่อ่อนโจมตีอย่างต่อเนื่อง
"ไม่ว่าผู้ใดจะยุยงเ้าอยู่เื้ั แต่ชีวิตของเ้า ข้าจะเก็บชีวิตไว้แทน์เอง"
ขาของหงสือซานมีเืพุ่งกระฉูดออกมาอีกแห่ง
เขาร้องเสียงหลง ความหวาดผวาผุดวาบในแววตา
แม้จะเคยได้ยินว่าเมิ่งเฉิงเจ๋อมีวรยุทธ์ติดกาย แต่คุณชายลูกผู้ดีมีเงินจะเก่งกล้าสามารถสักเท่าไรกันเชียว หงสือซานจึงไม่เชื่อมาโดยตลอด
ดังนั้นเมื่อมีคนช่วยประสาน เขาย่อมตอบรับโดยไม่ลังเล
หงสือซานจมกองเืกลายเป็มนุษย์โลหิต แววตาที่มองเมิ่งเฉิงเจ๋อเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง
"นายน้อยเมิ่ง ขะ... ข้าบอกผู้ที่อยู่เื้ัก็ได้ แต่ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถอะ"
เมิ่งเฉิงเจ๋อยกยิ้มงามบาดจิต มองหงสือซานที่ตัวสั่นงันงกอยู่เบื้องหน้า
"ไม่ต้องแล้ว จะพูดหรือไม่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม"
ทางนี้การต่อสู้อันดุเดือด ด้านหลังก็เริ่มเปิดศึกอย่างเดียวกัน
พวกเซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งมาถึงเชิงเขา โจรป่าสิบกว่าคนถืออาวุธครบมือบุกเข้ามา
อูหลันฮวาสีหน้าเด็ดเดี่ยว กุมท่อนไม้ยาวยืนขวางหน้าเซวียเสี่ยวหรั่น "ต้าเหนียงจื่อ พวกท่านรีบหนีไป ข้าจะขวางพวกเขาไว้เอง"
เซวียเสี่ยวหรั่นใมาก มือที่ประคองเหลียนเซวียนสั่นระริก
เซวียเสี่ยวเหล่ยไปคว้าท่อนไม้มาจากไหนก็สุดรู้ วิ่งเข้าไปยืนเคียงข้างอูหลันฮวา แม้สองมืออ่อนแอจะสั่นอยู่บ้าง แต่เท้ากลับปักหลักมั่นไม่ขยับ
เขาแก้เชือกให้อาเหลย แล้วปล่อยให้มันขึ้นไปหลบบนต้นไม้ริมทาง
ทางที่มาถูกก้อนหินขนาดใหญ่ปิดกั้น รถม้าไม่อาจผ่านไปได้ คนส่วนใหญ่ต่างสละรถวิ่งหนีเอาตัวรอด
คนวิ่งเร็วก็สามารถปีนข้ามหินก้อนใหญ่ไปได้ ทิ้งคนชรา หรือคนเจ็บอ่อนแอเคลื่อนไหวไม่สะดวกไว้ด้านหลัง
"อูหลันฮวา นิ่งไว้ เ้ารับผิดชอบครึ่งหนึ่ง ที่เหลือข้าเอง" เหลียนเซวียนก็ไม่ไป เขาล้วงลูกดอกซัวเปียวและมีดบินหางนางแอ่นออกมาจากแขนเสื้อ
"เ้าค่ะ หลางจวิน" พอได้ถ้อยคำประโยคนี้จากเหลียนเซวียน อูหลันฮวาก็ยิ่งฮึกเหิม
"เสี่ยวหรั่นเ้าขึ้นไปหลบบนูเา" เหลียนเซวียนหันมากำชับเสียงเข้ม
เซวียเสี่ยวหรั่นไหนเลยจะฟัง เธอพลิกมือไปล้วงสเปรย์พริกออกมาจากช่องด้านข้างของกระเป๋า กุมไว้ในมืออย่างแ่า พริกที่อยู่ด้านในเธอผสมขึ้นมาใหม่แล้ว
เห็นนางไม่หือไม่อือ เหลียนเซวียนก็ยิ่งโมโหหงุดหงิด ยามนี้คนที่หัวแข็งดื้อดึงที่สุดก็คือนาง
"เสี่ยวเหล่ย กลับมา เ้าตัวเล็กนิดเดียวแรงไม่พอหรอก" เซวียเสี่ยวหรั่นคิดแล้วก็เรียกเซวียเสี่ยวเหล่ยกลับมา
แต่เด็กชายไม่ขยับ ร่างผอมบางกุมท่อนไม้อยู่ในท่าเตรียมรับศึก
โจรป่าที่อยู่หน้าสุดถืออาวุธวิ่งมาถึงแล้ว ใบหน้าฉายรอยยิ้มเ้าเล่ห์ มองพวกเขาราวกับพืชผักผลไม้
"ย๊า!" อูหลันฮวาะโลั่น พลางกวัดแกว่งไม้กระบองในมืออย่างฮึกเหิม
พวกโจรป่าที่ถือมีดเล่มใหญ่พุ่งเข้ามาถูกนางฟาดทีเดียวทั้งคนและมีดกระเด็นไปไกลหลายสิบหมี่ หลังจากล้มลงกระอักเื สีหน้ายังคงตื่นตะลึงไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
เซวียเสี่ยวหรั่นก็อ้าปากตาค้างตกตะลึงไม่แพ้กัน ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าอูหลันฮวามีกำลังวังชามหาศาล แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้
แค่ไม้เดียวก็ทำเอาโจรป่ากระเด็นไปไกลทั้งยังกระอักโลหิต
โจรป่าที่ตามมาติดๆ ก็ตะลึงงัน ฝีเท้าชะงักไปชั่วขณะ สตรีประหลาดไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน พลังร้ายกาจน่ากลัวเหลือเกิน
อูหลันฮวากลับเหมือนได้กินยากระตุ้น ฉวยโอกาสตวัดไม้กระบองออกไปอีกหน
โจรป่าผู้นั้นรีบยกทวนต้านรับ แต่ก็ยังต้องถอยไปหลายก้าวด้วยกำลังอันดุดัน
"พี่น้องทั้งหลาย บุกพร้อมกัน แค่สตรีคนเดียวเท่านั้น" เ้าหนุ่มนั่นเห็นท่าไม่ดี ร้องะโเสียงเหี้ยมเกรียม มดทั้งฝูงยังกัดช้างให้ตายได้ นับประสาอันใดกับสตรีที่มีแรงมากเพียงคนเดียว พวกตนคนมากกว่าจะรับมือไม่ไหวเชียวหรือ จึงโบกมือสั่งการให้ลูกสมุนด้านหลังอีกสิบกว่าคนบุกเข้ามาพร้อมกัน
การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว เป้าหมายของโจรป่าส่วนมากอยู่ที่อูหลันฮวา
เซวียเสี่ยวเหล่ยไหวพริบดีเยี่ยม เขาไม่เข้าร่วมการต่อสู้แต่เดินอ้อมมาด้านหลัง แล้วใช้ท่อนไม้ตีท้ายทอยของโจรป่าคนหนึ่ง
โจรผู้นั้นถูกตีก็โงนเงนแต่กลับไม่ล้มลง เขาหันกลับมาด้วยดวงตาเคียดแค้น เมื่อเห็นว่าใครซุ่มโจมตี ผลก็คือเจอหน้าไม้ฟาดซ้ำอีกหน
โดนตีเข้าไปครานี้เขาถึงกับหัวแตกเือาบ เจ็บจนร้องโอดโอย ชูมีดเล่มใหญ่หมายจะเข้าไปฟัน
แต่กลับได้ยินเสียง "ชี่ๆ" มาพร้อมกับกลิ่นเผ็ดร้อนรุนแรงที่กำจายอยู่ในอากาศ
โจรป่าที่ร้องโวยวายผู้นั้น ดวงตาแสบเคืองจนน้ำตาไหล ทรมานสุดพรรณนา ล้มลงกลิ้งเกลือกในบัดดล
อูหลันฮวาคนเดียวต้องรับมือกับคนถึงสิบกว่าคน สถานการณ์อันตรายยิ่ง แต่ทุกครั้งที่เกือบจะถูกมีดหรือทวนแทงถูกตัว คนที่ถือมีดหรือทวนผู้นั้นก็จะล้มลงในพริบตา ทำให้โจรป่าจำนวนมากไม่กล้าลงมือด้วยเกรงว่าจะโดนลูกหลงคนกันเอง
เพียงพริบตาเดียวโจรสิบกว่าคนก็ถูกอูหลันฮวาตีจนล้มลุกคลุกคลาน โจรป่าที่ตามมาสองสามคนสุดท้ายถึงเริ่มส่งสัญญาณให้ถอยออกมาก่อน
"ลูกพี่ หญิงผู้นี้ร้ายกาจเหลือเกิน"
"ชายขาเป๋ผู้นั้นก็ใช้อาวุธลับโจมตีพี่น้องเราาเ็ล้มตายไปหลายคนแล้ว"
"หวังอู่กับต้าชงถูกลูกเต่าตัวกะเปี๊ยกกับแม่นางผู้นั้นร่วมมือกันจัดการจนหมอบ"
"คนเจ็บอ่อนแอเหล่านี้ฝีมือช่างโเี้ยิ่งนัก"
พอเห็นพรรคพวกล้มลงเกลื่อนกลาด คนที่เหลือก็เริ่มใจเสาะ
