ทั้งสองต่างพบปะบิดามารดาของอีกฝ่ายแล้ว โดยปกติถือว่าความสัมพันธ์ถูกกำหนดอย่างเป็ทางการเรียบร้อย
เธอกับหวังเจี้ยนหัวจะแต่งงานกันหลังเรียนจบ ด้านการเงินก็ไม่ควรหยุมหยิมมากมายขนาดนั้น เซี่ยจื่ออวี้ยินดีจ่ายเงินเพิ่มอีกหน่อย ดีกว่าปล่อยให้หวังเจี้ยนหัวมีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่น รุ่นพี่หลิ่วเป็คนสมองทึบหรือไร ทั้งที่รู้ว่าหวังเจี้ยนหัวมีคนรักก็ยังรุกเข้ามาเกาะแกะ เซี่ยจื่ออวี้ไม่มีทางเชื่อมั่นในศีลธรรมจรรยาของอีกฝ่ายอย่างเด็ดขาด!
หวังเจี้ยนหัวยุ่งหัวหมุนเหมือนลูกข่าง เวลาปกติต้องเข้าเรียน สุดสัปดาห์ต้องสอนเสริมให้นักเรียน เขาดูเหนื่อยล้าเหลือเกิน
5 หยวนต่อหนึ่งคาบเรียน เงินจำนวนนี้หาได้ไม่ง่ายนัก เหล่านักเรียนที่ให้เขาสอนพิเศษไม่ได้เรียนเสริมในรายวิชาเดียวกัน หวังเจี้ยนหัวจึงต้องเตรียมบทเรียนแยก สอน ดีหรือไม่นั้นเหล่านักเรียนมีวิจารณญาณของตนเอง และจะให้ข้อเสนอแนะติชมแก่ผู้ปกครองของตนเองอีกด้วย ถ้าหวังเจี้ยนหัวไม่ตั้งใจ เกียรติของศาสตราจารย์หลิ่วก็ไร้ประโยชน์ เพื่องานพิเศษรายได้เป็กอบเป็กำนี้ เขาถึงขนาดอดนอนเตรียมแผนการสอนทั้งคืน ตอนเขาสอบเกาเข่า ยังเข้าใจเนื้อหาพวกนั้นไม่ถ่องแท้พอด้วยซ้ำ แต่เพื่ออธิบายให้เหล่านักเรียนเข้าใจ เขาจำเป็ต้องเรียนรู้อีกครั้งหนึ่ง
เขารู้ตัวดีว่า่นี้ละเลยเซี่ยจื่ออวี้ไปบ้าง แต่นี่มันช่วยไม่ได้ ใน่เวลาเฉพาะกิจ เขาจำเป็ต้องทำแบบนี้
“จื่ออวี้ ฉันไม่ได้เห็นเธอเป็คนอื่นคนไกล ทว่าเงินค่าใช้จ่ายของเธอได้มาอย่างยากลำบากไม่แพ้กัน คุณอากับคุณน้าดูแลร้านอาหารว่างสองคน แต่ต้องเลี้ยงดูครอบครัวใหญ่ขนาดนั้น... ตอนนี้ฉันทำได้แค่เก็บเงินด้วยตัวเอง เงินไม่กี่ร้อยหยวนแก้ไขปัญหาไม่ได้ ฉันอยากเก็บเงินอีกสักเกือบปี ลองดูว่าจะเชื่อมความสัมพันธ์ที่เป็ประโยชน์จริงๆ ได้หรือเปล่า”
ด้วยพลังบ้าระห่ำทำเงิน 200 กว่าหยวนต่อเดือนของหวังเจี้ยนหัวในตอนนี้ เกือบหนึ่งปีก็มีเงินเก็บเกือบ 2000 หยวน ถ้าเงินส่วนนี้สามารถทำให้บ้านหวังหลุดพ้นจากสภาวะยากเข็ญ สองพันหยวนจะไปหนักหนาอะไร ต่อให้เป็สองหมื่น เซี่ยจื่ออวี้ก็ยอมกัดฟันให้ได้
คำถามคือ เื่ของตระกูลหวังเป็สิ่งที่แก้ไขได้โดยเงินสองพันหยวนหรือไม่?
ถึงอย่างไรเซี่ยจื่ออวี้ก็มีเงินจำนวนนี้จริง เธอได้ขอเงินจากจางชุ่ยที่บ้านมาเป็จำนวน 5000 หยวน ให้ ‘ค่ามัดจำ’ แก่จ้าวกัง 500 หยวน และมีส่วนที่จ่ายไปกับการเยี่ยมเยียนพ่อแม่หวังเจี้ยนหัวในชนบท ตอนนี้ในมือเธอยังเหลือเงินราว 4000 หยวนนิดๆ เธอขอเงินนี้จากจางชุ่ยด้วยความรีบร้อน อย่างแรกเพราะวางแผนจะดูว่ามีลู่ทางทำเงินในปักกิ่งหรือไม่ เธอต้องใช้เงินส่วนนี้เป็เงินทุน
อย่างที่สองคือวางแผนเพื่อบ้านหวัง เดิมทีส่วนหนึ่งจากเงินจำนวนนี้ของเธอจะต้องนำมาช่วยเหลือบิดามารดาของหวังเจี้ยนหัว
การส่งข้าวของและเงินไปยังชนบท ทำได้เพียงปรับปรุงคุณภาพชีวิตของหวังก่วงผิงกับหร่านซูอวี้ชั่วคราวเท่านั้น แต่หากนำเงินมาใช้กับการติดต่อมิตรสหายเก่าอีกครั้งและเชื่อมสัมพันธไมตรี เห็นได้ชัดว่ามีความคุ้มค่าในระยะยาวมากกว่า เซี่ยจื่ออวี้สามารถให้เงินจำนวนที่หวังเจี้ยนหัว้าเก็บออมอย่างสบายๆ ทว่าเธอไม่้าให้หวังเจี้ยนหัวได้เงินนี้อย่างง่ายดายเกินไป
ผ่านไปครึ่งเดือนหลังจากเธอปรึกษาหารือกับหวังเจี้ยนหัว เซี่ยจื่ออวี้ก็ได้มอบซองจดหมายซองหนึ่งให้หวังเจี้ยนหัว
“เจี้ยนหัว ฉันคิดไปคิดมาแล้ว ความคิดจะเก็บเงินด้วยตัวเองของเธอนั้นไม่ผิดเลย แต่เธอต้องใช้เวลาอีกครึ่งปีกว่าจะเก็บเงินได้เพียงพอ นั่นก็หมายถึงพวกคุณป้าจะต้องมีชีวิตยากลำบากในไร่นานขึ้นอีกสักพักไม่ใช่หรือ? ถ้าฉันไม่เคยไปที่นั่นก็ช่างเถอะ แต่พอเห็นสภาพความเป็อยู่ในไร่ของคุณลุงกับคุณป้าด้วยตาตัวเอง เธอจะให้ฉันทนได้อย่างไร!”
ซองจดหมายบวมปูด เป็เงินสองพันหยวนนั่นเอง
หวังเจี้ยนหัวคิดอย่างลำบากใจที่จะรับเงินจำนวนนี้ไว้ เขาจึงปฏิเสธ
เซี่ยจื่ออวี้ยืนกรานให้เขารับไว้ “ถือเสียว่าเธอยืมฉันก็ได้ เงินนี่ฉันขอให้ที่บ้านส่งทางโทรเลขมา พอเธอมีเงินค่อยคืนฉันเถอะ การเสียเวลาเรียนเพื่อหาเงินเป็การสลับเื่สำคัญกับเื่ยิบย่อยมั่วซั่ว เธอทำงานพิเศษสอนเสริมให้นักเรียนต่อไปได้ แต่ต้องลดปริมาณลงบ้าง... เจี้ยนหัว ฉันทั้งทนให้พวกคุณป้าลำบากในไร่ต่อไปไม่ได้ และทนให้เธอเหน็ดเหนื่อยเกินกำลังไม่ได้ด้วยเช่นกัน”
เซี่ยจื่ออวี้ไม่พาดพิงถึงรุ่นพี่หลิ่วแม้แต่ประโยคเดียว หวังเจี้ยนหัวถือซองจดหมาย ในใจเกิดความรู้สึกผิด
เขาไม่ได้เปลี่ยนใจ ทว่าการที่รุ่นพี่หลิ่วติดต่องานพิเศษสอนเสริมแทนเขาอย่างกระตือรือร้น จะบอกว่าไม่้าอะไรทั้งนั้น ก็หมายความว่าหวังเจี้ยนหัวกำลังแกล้งโง่ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ เขาเป็คนอายุยี่สิบกว่าแล้ว หญิงสาวชอบเขาหรือเปล่า จะดูไม่ออกเชียวหรือ?
หวังเจี้ยนหัวยากจะปฏิเสธไมตรีจิตของรุ่นพี่หลิ่ว เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายมอบให้ คือสิ่งที่เขาจำเป็!
ไม่ใช่ให้ทานแก่เขา และจะไม่มีความน่าอับอายจากการทวงเงินเขา การสอนพิเศษให้นักเรียน คือการหาเงินโดยหวังเจี้ยนหัวอาศัยความรู้ความสามารถของเขาเอง เขาย่อมอยากได้เงินจากความมุ่งมั่นเช่นนี้แน่นอน แต่เซี่ยจื่ออวี้พูดไม่ผิดเหมือนกัน ทุกวันที่เขาเสียเวลา บิดามารดาของเขาก็ต้องทนทุกข์ในไร่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน... ตอนนี้เป็ฤดูใบไม้ผลิปี 84 รัฐเริ่มดำเนินการคืนตำแหน่งให้กับข้าราชการที่ถูกย้ายลงชนบทตั้งนานแล้ว ทว่าทุกวันนี้ยังไม่ถึงคราวของหวังก่วงผิงเลย เป็ไปได้หรือไม่ว่าลืมเลือนหวังก่วงผิงโดยสิ้นเชิงแล้ว?
หรือมีใครจงใจขัดขวางการคืนสู่ตำแหน่งงานของหวังก่วงผิงอยู่
เื่ราวพวกนี้ล้วนต้องให้หวังเจี้ยนหัวไปทำความเข้าใจเอง ยิ่งเวลายืดยาวนานเท่าไร ไม่ใช่แค่หวังก่วงผิงกับหร่านซูอวี้จะลำบากในไร่ ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือตระกูลหวังกลัวว่ารัฐจะยุติการคืนตำแหน่งของข้าราชการอย่างสมบูรณ์ และหวังก่วงผิงกับหร่านซูอวี้ต้องจำยอมอยู่ในไร่ไปชั่วชีวิต! สถานที่ที่สภาพความเป็อยู่ยากเย็นแสนเข็ญแบบนั้น ไม่เพียงแต่ทรมานร่างกายคน ยังมีความสิ้นหวังทางจิตใจอีก บิดามารดาของเขาคงจะทนได้ไม่นานนัก
หวังเจี้ยนหัวกัดฟัน
“จื่ออวี้ ฉันจะเขียนสัญญากู้ยืมให้เธอ น้ำใจของเธอต่อฉัน ฉันไม่มีทางทรยศแน่นอน!”
เขา้าเงินก้อนนี้ บ้านหวังก็้าเงินก้อนนี้เช่นเดียวกัน
เซี่ยจื่ออวี้เลือกมอบเงินในโอกาสอันดีที่สุด แลกกับความซึ้งใจของหวังเจี้ยนหัว
การกระทำนี้ได้พิชิตศัตรูหัวใจอย่างรุ่นพี่หลิ่วผู้มีแนวโน้มอันตรายด้วยเช่นกัน รุ่นพี่หลิ่วไม่อาจให้เงินแก่หวังเจี้ยนหัวโดยตรงได้ เพราะเธอกับหวังเจี้ยนหัวไม่ใช่คู่รักกัน ไร้ซึ่งสถานะใดๆ หวังเจี้ยนหัวย่อมไม่ยอมรับเงินนี้แน่
หวังเจี้ยนหัวเขียนสัญญากู้ยืมให้เซี่ยจื่ออวี้หนึ่งฉบับจริงๆ สัญญากู้ยืมอะไรกัน อันที่จริงเซี่ยจื่ออวี้ไม่ได้้าสักนิดเดียว
เธอให้จ้าวกัง 500 หยวนอย่างง่ายดายได้ด้วยซ้ำ ให้หวังเจี้ยนหัว 2000 หยวนจะหนักหนาอะไร?
แต่ในเมื่อหวังเจี้ยนหัวเขียนให้อย่างจริงจัง เซี่ยจื่ออวี้ก็แค่รับมา จากนั้นนำสัญญาสอดไว้ในหนังสือที่ไม่ค่อยอ่าน หวังเจี้ยนหัวลดปริมาณงานสอนพิเศษสุดสัปดาห์ลงอย่างที่คาด ปัจจุบันเขาสอนนักเรียนเพียงสองคน สองวันได้เงิน 20 หยวน หนึ่งเดือนทำเงินได้ 80 หยวนเลยทีเดียว บวกกับเงินอุดหนุนของมหาวิทยาลัย ในที่สุดหวังเจี้ยนหัวก็ไม่ต้องให้เซี่ยจื่ออวี้คอยช่วยค่าครองชีพแล้ว
ทว่านี่ยังเป็การพึ่งพารุ่นพี่หลิ่วอยู่ดี เซี่ยจื่ออวี้รู้จักประพฤติตนให้เหมาะสมยิ่งนัก เตรียมของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ส่งให้รุ่นพี่หลิ่วด้วยตนเองในสถานะแฟนสาวของหวังเจี้ยนหัว
เธอไม่ได้ด่าทอใคร อีกทั้งยังมีท่าทีจริงใจเหลือล้น ใช้ความแข็งแกร่งพิชิตศัตรูหัวใจ
ผู้คนที่รับรู้เื่นี้ ต่างพูดกันว่าเซี่ยจื่ออวี้เป็คนมีเหตุผลและใจกว้าง เพื่อนนักศึกษาชายของหวังเจี้ยนหัวอิจฉาแทบทนไม่ไหว แฟนสาวที่ไม่คิดเล็กคิดน้อยหึงหวง หวังเจี้ยนหัวหาได้จากไหนกันนะ โชคดีที่สุดเลย!
เซี่ยจื่ออวี้จัดการวิกฤติการณ์ศัตรูหัวใจเสร็จสิ้น ในมือเธอเหลือเงินอยู่เพียงสองพันหยวน เธออยากขอเงินเพิ่มจากจางชุ่ยอีก ด้วยเหตุนี้เธอถึงได้รู้ว่าครอบครัวทะเลาะเบาะแว้งกันเป็บ้าเป็หลังไปตั้งนานแล้ว
กระทั่งร้านก็พักกิจการ ตอนนี้พ่อแม่เธอดันเอาอย่างพ่อแม่ของเซี่ยเสี่ยวหลาน จะขอหย่า!
ร้านจางจี้อาหารว่างคือสิ่งที่จางชุ่ยสร้างมากับมือ และมีแรงกายแรงใจของเซี่ยจื่ออวี้อยู่ด้วยเหมือนกัน ถ้าไม่มีเซี่ยจื่ออวี้ จางชุ่ยจะมาขายอาหารว่างในเมืองได้อย่างไร ผู้คนที่ขายอาหารว่างในตัวเขตไม่ใช่น้อยๆ เพราะอะไรจางชุ่ยถึงโดดเด่นจากผู้อื่น?
ร้านอาหารว่างเป็ทองถังแรกที่เซี่ยจื่ออวี้หาได้ กำไรหลายร้อยจนถึงหลักพันต่อหนึ่งเดือน อีกทั้งเป็วัวนมที่ให้เงินสดอันมั่นคงแก่เธอด้วย
เซี่ยจื่ออวี้ไม่ใช่ไม่อยากให้บิดามารดาทำธุรกิจใหญ่ ทว่าประการแรกคือตระกูลเซี่ยไม่มีช่องทางหรือเงินทุนมากมายนัก ประการต่อมาคือเซี่ยฉางเจิงกับจางชุ่ยต่างก็ไม่มีความสามารถอะไร แต่เซี่ยจื่ออวี้ไม่คาดคิดว่ากระทั่งร้านอาหารว่างดีๆ ยังปิดได้... เื่นี้มันจะเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!