สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดบอกเยวี่ยเจาหรานว่า เขาต้องเกิดเื่แล้วแน่ๆ ไม่สิ น่าจะ ‘โดนหาเื่’ มากกว่า กระทั่งมือที่อยู่เื้ั ‘เื่’ นี้คือใคร? แค่มองสายตาลำพองของสวี่ชิวเยวี่ยที่ส่งมาให้ก็ชัดเจนแล้ว
เยวี่ยเจาหรานคงรอยยิ้มการค้าที่ปากเอาไว้ สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรทั้งนั้น ที่มาที่ไปของเื่นี้ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องได้รู้ชัดแน่ แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ โดยเฉพาะยามอยู่ต่อหน้าฮูหยินเยี่ยน
ฮูหยินเยี่ยนยังคงก้มหน้ายุ่งอยู่กับเื่ของตน ราวกับได้เปลี่ยนเยวี่ยเจาหรานให้กลายเป็มนุษย์ล่องหนไปแล้วโดยสมบูรณ์ ทว่าสวี่ชิวเยวี่ยกลับตบไหล่ของเยวี่ยเจาหรานเบาๆ ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วเอ่ยอะไรบางอย่างเสียงเบา
“ท่านป้า~ ท่านอย่าโกรธไปเลย ถึงอย่างไร่นี้เปี่ยวเกอก็ยุ่งอยู่กับท่านอาจารย์อวี้ พี่สะใภ้เองก็คงมีงานเยอะไปด้วย ที่มาสาย... ก็เป็เื่ที่เข้าใจได้นะเ้าคะ”
เมื่อพูดถึงคำว่า ‘มาสาย’ สวี่ชิวเยวี่ยก็แววตาสุกใส แสร้งทำเป็ไม่ตั้งใจแต่กลับเหลือบมองมายังเยวี่ยเจาหรานอย่างเปี่ยมด้วยความนัย เยวี่ยเจาหรานที่เฉลียวฉลาดมีไหวพริบย่อมเข้าใจเื่ราวได้อย่างรวดเร็ว นี่ตนคงมาสายสินะ มิน่าฮูหยินเยี่ยนที่ไม่ค่อยชื่นชอบตนอยู่แล้ว ยามนี้จึงยิ่งมีสีหน้าคร่ำเคร่งขึ้นไปอีก
แต่หากตนมาสายจริงๆ ฮูหยินเยี่ยนก็สามารถให้คนมาแจ้งหรือว่ามาเตือนก็ได้ ทว่าั้แ่เช้าจนถึงตอนนี้ ประตูเรือนข้างกลับเงียบเหงา ไม่มีผู้ใดย่างเท้าเข้ามาเลย... นั่นก็ชัดเจนแล้วว่า จะต้องมีใครบางคนคอยสุมไฟให้ฮูหยินเยี่ยนละความคิดที่จะแจ้งเตือนอย่างแน่นอน
ส่วนคนที่จงใจแถมยังมีเวลาว่างเช่นนี้จะเป็ใครนั้น คงไม่จำเป็ต้องเดา ก็ต้องเป็แม่คุณหนูสวี่ชิวเยวี่ยที่กำลังวุ่นไปวุ่นมาอยู่รอบตัวฮูหยินเยี่ยนตอนนี้อยู่แล้ว
เยวี่ยเจาหรานหรี่ตาเล็กน้อย เก็บคำต่อว่าในใจเอาไว้ อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็ผู้หญิง เหตุใดจึงต้องไปประชันกับนางด้วยเล่า... แต่ตอนที่สวี่ชิวเยวี่ยจงใจพูดถึงความผิดพลาดของตนนั้น กลับทำให้เยวี่ยเจาหรานยากจะอดกลั้น ถึงอย่างไรั้แ่สวี่ชิวเยวี่ยเข้ามาในจวนเยี่ยน ตนก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลยแม้สักนิดเดียว กระทั่งลอยตัวเพราะเห็นว่าไม่เกี่ยวกับตน เป็ชาวบ้านกินเผือกอยู่เงียบๆ แล้ว แต่ถึงแม้จะเป็เช่นนั้น สวี่ชิวเยวี่ยก็ยังไม่ยอม ‘ปล่อย’ ตนไป...
ถ้าหากยังปล่อยให้สวี่ชิวเยวี่ยแอบลงมืออย่างลับๆ เช่นนี้โดยที่ไม่สนใจต่อไป น่ากลัวว่าแม้แต่เยวี่ยเจาหรานก็คงจะกลายเป็ปลาบนเขียงที่ใครจะฆ่าจะแกงอย่างไรก็ได้ โดยที่ไม่อาจต่อสู้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นฮูหยินเยี่ยนไม่มีปฏิกิริยา สวี่ชิวเยวี่ยก็วางใจลง แล้วเก็บสายตาอันแฝงความนัยของตนที่ส่งให้เยวี่ยเจาหรานกลับมาเงียบๆ ก่อนจะหันมายุ่งกับของบนเขียง
เยวี่ยเจาหรานรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าที่นี่ไม่มีที่สำหรับตนเลย แต่ถ้าหากไปทั้งอย่างนี้ละก็ น่ากลัวว่าคงจะกระทบต่อความประทับใจที่ฮูหยินเยี่ยนมีต่อตน จะไม่เป็การยกปณิธานเขา ทำลายศักดิ์ศรีตน [1] อย่างนั้นหรือ? ขณะที่กำลังครุ่นคิด เขาก็เอ่ยเรียกสาวใช้ส่วนตัวของตนให้เข้ามาหา เอ่ยกระซิบไม่กี่คำ แล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก
ฮูหยินเยี่ยนและสวี่ชิวเยวี่ยยังวุ่นวายกันอยู่ด้านหนึ่ง แม้เยวี่ยเจาหรานจะยืนค่อนข้างห่างออกมาอยู่อีกด้านคนเดียว แต่ใบหน้ากลับไม่มีความคับข้องใจอะไรเลย มีเพียงความสงบนิ่ง สวี่ชิวเยวี่ยที่เห็นก็รู้สึกสับสนไม่เข้าใจขึ้นมา ไม่รู้ว่าเยวี่ยเจาหรานมีลูกไม้อะไรกันแน่ แต่ถึงอย่างไรทั้งสองก็ได้ชื่อว่าเป็ ‘ศัตรูหัวใจ’ กัน อย่างน้อยสวี่ชิวเยวี่ยก็เห็นเยวี่ยเจาหรานเป็ศัตรูของนาง ย่อมไม่อาจถามไปตรงๆ ว่าเ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่ ดังนั้นจึงได้แต่อดกลั้นความสงสัยเอาไว้ แล้วทำงานในมือของตนไปเงียบๆ
เวลาผ่านไม่ทันหมดก้านธูป สาวใช้ที่เยวี่ยเจาหรานส่งออกไปก็ถือสิ่งของบางอย่างกลับมา เยวี่ยเจาหรานเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มแป้น แล้วประคองไปวางไว้ตรงหน้าฮูหยินเยี่ยนด้วยตัวเอง
“ท่านแม่ ท่านดูสิเ้าคะว่านี่อะไร?” เยวี่ยเจาหรานยิ้มเป็ประกายสุกใส เลิกผ้าที่คลุมสิ่งของนั้นขึ้นมา ฮูหยินเยี่ยนเดิมทีไม่ได้รู้สึกสนใจ แต่เมื่อของสิ่งนั้นเผยออกมานางกลับตาลุกวาว
“ทำไมเ้า...” ฮูหยินเยี่ยนประหลาดใจกับสิ่งนี้มาก ยามที่เงยหน้ามองเยวี่ยเจาหรานจึงยากที่จะหลบซ่อนความตื่นเต้นของตนได้ นอกจากนี้คนในจวนเยี่ยนั้แ่เด็กยันแก่ล้วนมีแต่คนลำไส้ตรง [2] โกรธง่ายแต่ก็หายไวทั้งนั้น เวลาเพียงชั่วครู่ ฮูหยินเยี่ยนก็เต็มไปด้วยความดีใจที่ได้รับของล้ำค่าไปแล้ว
แท้จริงแล้ว เยวี่ยเจาหรานบังเอิญรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำขนมชิงถวนมาจากเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเล็กน้อย นอกจากนี้ยังรู้ว่าที่แม่ทัพเยี่ยนชอบกินที่สุดนั้นก็คือขนมชิงถวนไส้มันม่วงหนึบหนับ แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่ฤดูของมันม่วง ทั้งแม่ทัพเยี่ยนและฮูหยินเยี่ยนจึงไม่ได้กินขนมชิงถวนไส้โปรดมานานแล้ว
สำหรับนักกินมือฉมังแล้ว เื่นี้นับว่าเป็เื่ใหญ่จริงๆ
แต่ด้วยความจับพลัดจับผลู เยวี่ยเจาหรานนั้นมีแป้งมันม่วงที่เก็บรักษาเอาไว้เมื่อปีที่แล้วอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะให้ความรู้สึกตอนกินไม่ดีเท่ามันม่วงสดใหม่ แต่เมื่อนวดเข้ากับแป้งแล้ว ก็สามารถให้รสชาติและความรู้สึกที่คล้ายคลึงกับขนมชิงถวนมันม่วงได้ สำหรับแม่ทัพเยี่ยนแล้ว จะต้องสร้างความประหลาดใจและดีใจอย่างมากเป็แน่ ดังนั้นอธิบายได้ไม่ยากว่าเหตุใดเมื่อฮูหยินเยี่ยนเห็นสิ่งที่อยู่ในถ้วยแล้วจึงพลันคลายความขุ่นเคืองที่มีต่อเยวี่ยเจาหรานลงทันใด
เยวี่ยเจาหรานเห็นเช่นนั้น ในใจก็ย่อมโล่งอกไปด้วยเช่นกัน ฮูหยินเยี่ยนดึงเยวี่ยเจาหรานไปทำขนมชิงถวนด้วยกันอย่างกระตือรือร้น ทั้งยังชมเชยเยวี่ยเจาหรานไม่ขาดปากว่าละเอียดรอบคอบยิ่งนัก ช่างเป็เด็กมีหัวคิดควรค่าให้สอนสั่งจริงๆ
แม้ว่าบนใบหน้าของสวี่ชิวเยวี่ยจะไม่ได้แสดงอะไร แต่แน่นอนว่าในใจนั้นเดือดดาลยิ่ง นางอุตส่าห์ดึงตัวคนที่จะไปเตือนเยวี่ยเจาหรานมาได้ แต่กลับหยิบเมล็ดงาเสียแตงโม [3] หัวหมุนอยู่ตั้งนานแต่กลับไม่ได้อะไรดีเลย ตรงกันข้ามยังทำให้เยวี่ยเจาหรานกลายเป็ลูกสะใภ้แสนดีเสียนี่ เสียทั้งขึ้นทั้งล่อง ได้ไม่คุ้มเสียเลยจริงๆ !
หลังจากที่ทำขนมชิงถวนเสร็จแล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับเรือน สวี่ชิวเยวี่ยยังคงรู้สึกอัดอั้นจนหายใจไม่โล่งคอ เมื่อปัดถ้วยชาศิลาดลในชุดน้ำชาแตกไปสองใบ ถึงใจเย็นลงมาได้บ้าง
เยวี่ยเจาหรานกลับมาที่ห้อง ในมือไม่รู้ว่าหยิบลูกผิงกั่วมาลูกหนึ่งั้แ่ตอนไหน เขากินลูกผิงกั่วมูมมามอย่างไม่รู้จักอาย จนเสียงกัดกินกร้วมๆ ดังไปทั้งเรือน
“คุณหน… คุณชาย?” ชุ่ยเชี่ยวสาวใช้ส่วนตัวของเยวี่ยเจาหรานนั้นรู้ตัวตนของเขาดี แต่ทุกครั้งที่จะเอ่ยปาก ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเรียกเยวี่ยเจาหรานว่าอะไรดี จึงรวบยอดไปเสียเลย แล้วเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม “คุณหนูสวี่ผู้นั้นคอยขัดแข้งขัดขาท่านสารพัด ทั้งที่ท่านไม่ได้กีดขวางอะไรนางเสียหน่อย”
คำพูดนั้นเอ่ยด้วยความคับข้องใจ แต่เยวี่ยเจาหรานกลับยิ้มอย่างไม่ใส่ใจนัก “จะไม่กีดขวางนางได้อย่างไร นางไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของข้า ย่อมเห็นข้าเป็หินกีดขวางก้อนใหญ่ ย่อมต้องตั้งใจเล่นงานข้าอยู่แล้ว แต่ว่า...” บนใบหน้าของเยวี่ยเจาหรานผุดรอยยิ้มเ้าเล่ห์ขึ้นมา เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางเอ่ย “แต่ว่าคุณชายผู้นี้ก็ไม่ใช่คนที่จะมากรังแกกันได้ง่ายๆ ทำมาไม่ทำกลับ นับว่าเสียมารยาท...”
“คำพูดนั้นของท่าน... หมายความว่าอย่างไรหรือเ้าคะ? ท่านคิดจะ...?” สาวใช้น้อยขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าคุณชายของตนนั้นคิดเช่นไรกันแน่ จึงถามขึ้นมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
เยวี่ยเจาหรานทิ้งแกนลูกผิงกั่วที่เหลืออยู่ในมือ แล้วยกมือขึ้นกวักเรียกนางมาข้างๆ เอ่ยบางอย่างเสียงเบาที่ข้างหู
“อ๊ะ ที่แท้ท่านก็คิดจะ...!” ในแววตาของชุ่ยเชี่ยวฉายความยกย่องชื่นชมต่อคุณชายของตนออกมาอย่างไม่อาจปิดบัง นางปรบมือแล้วยิ้มยิงฟัน “ท่านช่างฉลาดจริงๆ !”
เยวี่ยเจาหรานแสร้งโบกมืออย่างถ่อมตน เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ขนาดนั้น ไม่ขนาดนั้น” หลังจากหยุดไปชั่วขณะ เขาก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เอาเถอะๆ รีบไปทำตามที่ข้าบอกเสีย!”
เชิงอรรถ
[1] ยกปณิธานเขา ทำลายศักดิ์ศรีตน (长他人志气、灭自己威风) หมายถึงการส่งเสริมให้ผู้อื่นมีอำนาจ แต่กลับดูถูกความสามารถของตัวเอง
[2] ลำไส้ตรง (直肠子) หมายถึงคนที่การกระทำ คำพูด ตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อน
[3] หยิบเมล็ดงาเสียแตงโม (捡了芝麻,丢了西瓜) หมายถึงเก็บสิ่งเล็กน้อยแต่เสียสิ่งใหญ่ อุปมาว่าได้ไม่คุ้มเสีย