เสิ่นเยวี่ยขันอาสา ดึงดูดสายตาผู้คนมากมายทันที
ในชั้นเรียนการต่อสู้เบื้องต้น เสิ่นเยวี่ย เยี่ยจื่ออวิ๋น และเซียวหนิงเอ๋อน่าจะเป็นักเรียนที่มีโอกาสทะลวงขึ้นสู่ระดับทองแดงหนึ่งดาวได้มากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเป็สิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจ นอกจากนี้ยังมีอีกเื่ที่น่าสนใจยิ่งกว่า ก็คือเื่ที่เนี่ยหลีท้าพนันกับอาจารย์เสิ่นซิ่วนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่คิดว่าเนี่ยหลีจะสามารถทะลวงถึงระดับทองแดงหนึ่งดาวได้ภายในระยะเวลาอันแสนสั้นปานนี้
หากสามารถทะลวงถึงระดับทองแดงหนึ่งดาวได้อย่างง่ายดาย ก็คงไม่มีคนมากมายที่ไม่สามารถทะลวงฝ่ากำแพงขวางกั้นนั้น และไม่สามารถกลายเป็นักสู้หรือผู้ควบคุมจิตอสูรในตลอดชีวิตของพวกเขาแล้ว
เสาหินทดสอบพละกำลังเป็หินขนาดั์ก้อนหนึ่ง ทั่วทั้งต้นเป็มันเงาราวกับโลหะ นักสู้สามารถทุ่มเทพลังชกใส่เสาหินสำหรับทดสอบพละกำลังนี้เต็มที่ เสาหินจะบังเกิดความเสื่อมจนถึงระดับหนึ่งจากหมัดนั้น จากความเสื่อมนี้ ผู้คนจะบอกได้ถึงพละกำลังของคนผู้นั้น
“ตูม!” เสิ่นเยวี่ยกระแทกหมัดของตนลงบนเสาหินทดสอบพละกำลัง
อาจารย์หลายท่านผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบเดินเข้ามา
“ระดับทองแดงหนึ่งดาว ผลการทดสอบหนึ่งร้อยยี่สิบแต้ม!”
พูดง่ายๆ ก็คือการทดสอบพละกำลังของเสิ่นเยวี่ยได้ร้อยยี่สิบแต้ม
นักเรียนทุกคนจากชั้นเรียนการต่อสู้เบื้องต้นพากันอุทานออกมา พวกเขาไม่เคยคิดว่าร่างกายของเสิ่นเยวี่ยจะแข็งแรงถึงเพียงนี้ กระทั่งก้าวถึงระดับทองแดงแล้ว โดยทั่วไปนักเรียนที่ฝึกพลังจิตอสูรเป็หลัก เริ่มแรกจะมีพลังกายแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่อเมื่อเลื่อนขึ้นถึงระดับเงินแล้วการพัฒนาของพลังกายจึงค่อยๆ ช้าลง กระนั้นก็ตาม พลังกายที่พัฒนาขึ้นของเสิ่นเยวี่ยมีความรวดเร็วกว่านักเรียนคนอื่นๆ มาก เลื่อนถึงระดับทองแดงหนึ่งดาวแล้ว
ทุกคนมีโอกาสทดสอบพลังกายได้สามครั้ง เสิ่นเยวี่ยยังไม่ค่อยพอใจกับผลการทดสอบครั้งนี้ เขาจึงตั้งท่าใหม่ โคจรพลังเต็มที่และะเิหมัดออกไป
ตูม!
เสิ่นเยวี่ยกระแทกหมัดใส่เสาหินทดสอบพละกำลังอีกครั้งหนึ่ง
“ระดับทองแดงหนึ่งดาว ผลการทดสอบคือหนึ่งร้อยสามสิบแต้ม!”
“ระดับทองแดงหนึ่งดาว ผลการทดสอบคือหนึ่งร้อยสามสิบห้าแต้ม!”
เมื่อเห็นผลลัพธ์ เสิ่นเยวี่ยจึงทำสีหน้าพอใจและขยับไปทดสอบพลังิญญาเป็อันดับต่อไป ไม่นานผลการทดสอบพลังิญญาของเสิ่นเยวี่ยก็ปรากฏออกมาเช่นกัน หนึ่งร้อยสิบห้าแต้ม โดยทั่วไป ผู้ที่มีพร์ทั้งการต่อสู้และการควบคุมจิตอสูรมักเลือกที่จะเป็ผู้ควบคุมจิตอสูร พลังิญญาถือเป็เื่สำคัญที่สุด พร์ทางพลังกายจึงถูกมองเป็เพียงเครื่องประดับอย่างหนึ่ง
“พลังิญญาของเสิ่นเยวี่ยผ่านระดับร้อยแต้มไปแล้ว เขากลายเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองแดงหนึ่งดาวแล้วจริงๆ!”
“การฝึกยุทธ์ก้าวหน้ารวดเร็วปานนี้ ช่างสมกับเป็คนของตระกูลเสินเซิ่งโดยแท้!”
“ร้ายกาจนัก เขาสามารถเลื่อนขึ้นเรียนในระดับผู้ควบคุมจิตอสูรได้แล้ว!”
“หากกระทั่งผู้ควบคุมจิตอสูรหนึ่งดาวคนหนึ่งยังไม่มีคุณสมบัติ เช่นนั้นใครยังจะมีคุณสมบัติได้อีกเล่า?”
ได้ยินข้อสนทนาของคนรอบด้าน มุมปากของเสิ่นเยวี่ยก็ยกสูง จ้องมองไปทางเนี่ยหลีและพวกอย่างภาคภูมิใจ
บนระเบียงห่างออกไป ผู้บริหารระดับสูงหลายคนของโรงเรียนเผยรอยยิ้มพึงพอใจ ไม่ง่ายนักที่ชั้นเรียนการต่อสู้เบื้องต้นจะสามารถสร้างผู้ควบคุมจิตอสูรออกมาได้สักคนหนึ่ง!
เสิ่นเยวี่ยยืนกอดอกอยู่ไกลออกไป ล้อมรอบด้วยพวกลูกน้อง เขากวาดตามองพวกนักเรียนในชั้นเรียนการต่อสู้เบื้องต้นด้วยความภาคภูมิใจ
“ใครจะเป็คนถัดไป?” อาจารย์ผู้ควบคุมการสอบมองๆ ผู้คนด้านข้างและเอ่ยถามขึ้น
“ให้ข้าเป็คนต่อไปเอง!” ลู่เพียวสาวเท้าออกมา เดินตรงไปที่เสาหินทดสอบพละกำลัง
พวกนักเรียนเริ่มแสดงความเห็น
“เป็ลู่เพียวนั่นเอง!”
“ลู่เพียวไม่ได้เข้าชั้นเรียนมาพักหนึ่งแล้ว!”
“ฟังว่าเขามักไปขลุกอยู่กับเนี่ยหลีเสมอ!”
“ลู่เพียวคงไม่มีปัญญาทะลวงขึ้นถึงระดับทองแดงหนึ่งดาวหรอกกระมัง? นอกจากนั้นเขายังไม่มีพร์ในการเป็ผู้ควบคุมจิตอสูร”
ได้ยินเสียงนักเรียนรอบด้านวิพากษ์วิจารณ์ ลู่เพียวหันไปยิ้มกับเนี่ยหลี ตู้เจ๋อและเพื่อนๆ คนที่ดูแคลนพวกเขาเหล่านี้คิดผิดมหันต์นัก! หลังจากฝึกเคล็ดวิชาที่เนี่ยหลีมอบให้ ความก้าวหน้าในการฝึกยุทธ์ของลู่เพียวก็ล้ำหน้าเกินเพื่อนวัยเดียวกันไปมากมาย
ลู่เพียวหันไปมองพวกเสิ่นเยวี่ยที่ยืนอยู่ห่างออกไป รอยยิ้มดูแคลนผุดขึ้นมาบนมุมปาก สองคิ้วก็ยักแล้วยักอีก
“เ้าหนูนี่โอหังเกินไปแล้ว! ไม่ช้าก็เร็วพวกเราต้องสั่งสอนมันสักบทเรียนหนึ่ง!” ลูกน้องหลายคนข้างกายเสิ่นเยวี่ยพูดขึ้น
เสิ่นเยวี่ยหรี่ตาเล็กน้อย เผยให้เห็นแววเ็า เดี๋ยวนี้แม้แต่ลูกน้องของเนี่ยหลีก็ยังกล้าตอแยเขาหรือ? ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาเสียเลย!
ต่อหน้าสายตาของทุกผู้คน ลู่เพียวเดินตรงไปหยุดยืนนิ่งหน้าเสาหินทดสอบพละกำลัง มือขวาเหวี่ยงหมัดออกไปเบาๆ
“หมัดเบาขนาดนี้จะมีกำลังอย่างไรได้?” นักเรียนหลายคนด้านข้างพากันหัวเราะเย็น
เสียงตูมคราหนึ่งดังขึ้นสนั่นลั่นเลื่อนไปทั่วตึก เสาหินทั้งแท่งพลันสั่นะเื
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เสียงทรงพลังยิ่ง!”
อาจารย์ผู้ควบคุมการสอบที่อยู่ด้านข้างตะลึงงัน หมุนตัวเดินตรงมาทางลู่เพียว เขาหันมองเสาหินทดสอบพลังคราหนึ่ง นิ่งเงียบไปครู่และจึงพูด “ผลการทดสอบ ระดับทองแดงสองดาว สองร้อยหกสิบห้าแต้ม!”
ผู้คนที่ชมดูเหตุการณ์อยู่รอบด้านพากันตะลึงงัน
“เป็ไปได้อย่างไรกัน?”
“ผลการทดสอบผิดพลาดหรือไม่?”
ต้องรู้ว่าหมัดที่ลู่เพียวเพิ่งชกออกไปนั้นดูเบายิ่ง ที่แท้กลับมีพลังถึงปานนี้ ที่แท้ก้าวถึงระดับทองแดงสองดาวแล้ว ไม่ห่างจากระดับทองแดงสามดาวอีกเท่าไหร่ ลู่เพียวยิ้มน้อยๆ ่ที่ผ่านมานี้เขาฝึกยุทธ์ไม่หยุด มีเคล็ดวิชาทรงอานุภาพที่เนี่ยหลีถ่ายทอดให้ ทุกวันยังได้กินยาวิเศษมากมาย แช่น้ำสมุนไพรหญ้าจื่อหลัน ทำให้การบ่มเพาะความแข็งแกร่งของเขามิใช่เื่ยากเย็นอันใด
ผ่านไปเป็นาน ทุกคนจึงได้สติคืนจากความตกตะลึงและได้แต่มองหน้ากันไปมา อายุเพียงสิบสามปีก็มีพร์ถึงเพียงนี้ ทั่วทั้งโรงเรียนเซิ่งหลัน สามารถนับเป็ผู้มีพร์ระดับสูงคนหนึ่ง เหล่าผู้บริหารของโรงเรียนเซิ่งหลันคงต้องให้การบำรุงเขาอย่างเต็มที่แล้ว
“ไม่เลวไม่เลว คิดไม่ถึงว่าจะมีเด็กอัจฉริยะเช่นนี้อยู่ในชั้นเรียนการต่อสู้เบื้องต้น นักเรียนปีนี้ยอดเยี่ยมนัก!” ผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียนคนหนึ่งยิ้มแย้มพูด
“ผลการเรียนของนักเรียนปีนี้ไม่เลวเลยทีเดียว คงเพราะทางสมาคมนักปรุงยาวิเศษได้ผลิตยาวิเศษเ่าั้ออกมา!” ผู้บริหารของโรงเรียนอีกท่านหนึ่งเอ่ยขึ้นเบาๆ เป็ความจริงที่ยาซึ่งทางสมาคมนักปรุงยาวิเศษปรุงขึ้นมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม ช่วยให้ความสามารถเฉลี่ยของนักเรียนดีขึ้นเป็อันมาก
เพื่อที่จะบำรุงเหล่าคนรุ่นใหม่ ทุกครอบครัวย่อมยินดีที่จะจ่ายเงินออกไปเป็จำนวนมาก
ลู่เพียวมองไปทางเสิ่นเยวี่ยที่อยู่ไกลออกไปด้วยสายตายียวน ใบหน้าของเสิ่นเยวี่ยดำคล้ำยิ่ง ลู่เพียวไม่ปิดบังสายตาดูแคลน! ทว่าเมื่อคิดถึงพลังของลู่เพียว เสิ่นเยวี่ยก็อดที่จะรู้สึกหดหู่ไม่ได้ ลู่เพียวเพิ่มพลังของตนได้อย่างรวดเร็วจนถึงปานนี้ภายในเวลาสั้นๆ ได้อย่างไร? หรือเขาได้กินยาวิเศษมากมาย?
ใบหน้าของอาจารย์เสิ่นซิ่วซึ่งยืนอยู่ไกลออกไปก็น่าเกลียดแล้วเช่นกัน แม้ลู่เพียวเป็นักเรียนคนหนึ่งในชั้นของนาง แต่ลู่เพียวมักขลุกอยู่กับเนี่ยหลีเสมอ ซึ่งทำให้นางไม่ชอบลู่เพียวเช่นกัน พื้นฐานเดิมของลู่เพียวนั้นนางรู้ดี ทว่าเหตุใดพลังจึงเพิ่มขึ้นจนน่าอัศจรรย์ถึงปานนี้ เช่นนั้นเนี่ยหลีก็มิใช่จะ... ดวงตาขุ่นมัวของเสิ่นซิ่วชำเลืองมองไกลออกไปทางเนี่ยหลีที่กำลังสนทนาอยู่กับสองโฉมงาม
การทดสอบพละกำลังรอบที่สอง
ลู่เพียวยืนมั่นคง โคจรพลังทั้งหมดชกใส่เสาหินแห่งการทดสอบ
ตูม! เสียงตูมดังกระแทกใส่แก้วหู เสาหินทดสอบพลังปรากฏรอยหมัดประทับขึ้นรอยหนึ่ง
“ผลการทดสอบ ระดับทองแดงสามดาว สามร้อยยี่สิบห้าแต้ม” อาจารย์ผู้ควบคุมการสอบใเล็กน้อยและพลันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอัศจรรย์ใจ พร์ด้านพละกำลังที่ลู่เพียวแสดงออกมานี้น่าอัศจรรย์ใจยิ่ง จะต้องเป็ผู้มีพร์ที่คุ้มค่าต่อการบำรุงส่งเสริม
นักเรียนด้านหลังกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่ได้รับการทดสอบพลังพากันสูดลมเย็นเข้าปากเฮือกหนึ่ง
“ข้าตายแน่ นี่ยังจะเหลือโอกาสให้ผู้อื่นรอดชีวิตอยู่อีกหรือ?”
“นี่ไม่ใช่มนุษย์แล้ว!”
ต่างก็อายุสิบสามปีเหมือนกัน หากพลังของพวกเขาสามารถขยับถึงกว่าแปดสิบแต้มได้ก็นับว่าดีมากแล้ว อย่างไรก็ตาม ลู่เพียวเวลานี้กลับสามารถทะลวงขึ้นไปถึงกว่าสามร้อยแต้ม เข้าถึงระดับทองแดงสามดาวผู้หนึ่ง นี่เป็การเหยียบย่ำความมั่นใจของพวกเขาชัดๆ ช่างไม่อาจทานทนได้เสียจริงๆ!
ลู่เพียวไม่ใส่ใจสายตาตะลึงงันของผู้อื่น เขาส่ายศีรษะน้อยๆ ทำท่าไม่พอใจอย่างยิ่ง ยืนนิ่งมั่นคงและเหวี่ยงหมัดใส่เสาหินทดสอบพลังอีกครั้งหนึ่ง
ตูม!
“ระดับทองแดงสามดาว ผลการทดสอบกำลัง สามร้อยเจ็ดสิบแต้ม!” อาจารย์ผู้ควบคุมการทดสอบที่สังเกตการณ์อยู่ถอนหายใจเอาอากาศเย็นออกมาคำหนึ่งและประกาศ เมื่อเหลือบมองสายตาของลู่เพียวแล้วตนก็อดตาเป็ประกายขึ้นมามิได้ หวนคิดถึงตัวเองเมื่อครั้งที่มีอายุเท่าลู่เพียว เขาเพิ่งเลื่อนถึงระดับทองแดงเท่านั้น คาดว่าหลังจากนี้ลู่เพียวคงสามารถเข้าเรียนในชั้นเรียนสำหรับผู้มีพร์ของโรงเรียนเซิ่งหลันได้
นักเรียนที่สามารถเข้าเรียนในชั้นเรียนสำหรับผู้มีพร์ของโรงเรียนเซิ่งหลันได้คงมีไม่เกินห้าสิบคน หากสามารถเป็หนึ่งในนักเรียนของชั้นเรียนสำหรับผู้มีพร์ การเรียนการสอนที่แต่ละคนจะได้รับนั้นแตกต่างกัน ยิ่งไปกว่านี้นักเรียนทุกสิบคนจะมีอาจารย์หนึ่งท่านคอยดูแล และพวกเขาล้วนเป็อาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญที่สุดของโรงเรียนเซิ่งหลัน! ยิ่งไปกว่านั้น นักเรียนชั้นเรียนสำหรับผู้มีพร์ยังจะได้รับความคุ้มครองเป็พิเศษจากเมืองกวงฮุย จะไม่มีผู้ใดแตะต้องพวกเขาได้เลย เว้นแต่จะกระทำการผิดกฎหมายร้ายแรงจนไม่อาจอภัยให้ได้ ไม่เช่นนั้นอาจเป็การละเลยกฎหมายของเมืองกวงฮุย!
เมืองกวงฮุยมักอยู่ภายใต้การคุกคามของสัตว์อสูร ดังนั้นอัจฉริยะเหล่านี้จึงได้รับการคุ้มครองเป็พิเศษ
“ลู่เพียวไม่จริงจังกับการฝึกยุทธ์ ไม่เช่นนั้นผลการทดสอบของเขาคงไม่ต่ำเช่นนี้!” ตู้เจ๋อที่อยู่ด้านข้างยิ้มขื่น
นักเรียนหลายคนที่ยืนอยู่ใกล้เขาได้ยินคำพูดของตู้เจ๋อ พวกเขาพากันใแล้ว ลู่เพียวไม่ตั้งใจฝึกยุทธ์ยังได้ผลลัพธ์ถึงปานนี้ ถ้าหากตั้งใจฝึกฝนอย่างหนักเล่า ยังจะเหลือทางรอดให้ผู้อื่นอยู่อีกหละหรือ? สายตาของพวกเขาอดที่จะตกอยู่ที่ตู้เจ๋อและพวกไม่ได้ ลู่เพียวอยู่ด้วยกันกับตู้เจ๋อและเนี่ยหลีเสมอ หากพลังของเขาเพิ่มพูน หรือว่าเนี่ยหลี ตู้เจ๋อกับพวกก็จะ...
ต่อด้วยการทดสอบพลังิญญาของลู่เพียว ลู่เพียวถือผลึกิญญาชิ้นหนึ่งและถ่ายทอดพลังิญญาลงไปในผลึกิญญานั้น ผ่านไปครู่หนึ่ง มีจุดแสงสว่างขึ้นกลางผลึกิญญา จุดแสงเ่าั้ยิ่งมาก็ยิ่งเจิดจ้า
“ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองแดงสามดาว พลังิญญาสามร้อยหกสิบเจ็ดจุด!”
การทดสอบพลังิญญาทำการทดสอบครั้งเดียวก็เพียงพอ
เมื่อได้ยินผลลัพธ์ แม้แต่พวกผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียนก็อดที่จะใไม่ได้ ผู้ควบคุมจิตอสูรนั้นล้ำค่ากว่านักสู้ ผู้ควบคุมจิตอสูรอายุสิบสามปีผู้หนึ่งนับว่ายิ่งโดดเด่น! นี่ย่อมต้องเป็เหตุการณ์ที่น่าใแน่นอน!
“เด็กคนนี้ต้องเป็อัจฉริยะผู้หนึ่งแน่นอน จัดให้เขาไปอยู่ในชั้นเรียนสำหรับผู้มีพร์!” ผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียนต่างเห็นพ้องต้องกันอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน ไม่นานชื่อของลู่เพียวก็เข้าสู่หูของทุกคน อาจารย์ระดับสูงของโรงเรียนบางคนตระเตรียมรับเขาเป็ศิษย์แล้ว
พร์ของลู่เพียวไม่จำเป็ต้องหารือกันอีก อาจารย์ระดับสูงของโรงเรียนย่อม้าเสาะหาศิษย์อัจฉริยะเพื่อช่วยส่งเสริมให้พวกเขามีฐานะสูงส่งขึ้น เดาว่าจะต้องมีผู้บริหารหลายคนแย่งกันชิงตัวลู่เพียวเป็ศิษย์ตน!
หลังการสอบ ลู่เพียวกลับไปยืนยิ้มอยู่ข้างเนี่ยหลี ตู้เจ๋อและพวก ท่าทางตื่นเต้นยิ่ง
“เมื่อได้กลับบ้านหลังการสอบสิ้นสุดลง ข้าคงไม่ต้องถูกตาแก่ที่บ้านก่นด่าอีกต่อไป!” ลู่เพียวคิดอย่างสบายใจ ‘คาดว่าเมื่อได้เห็นผลการสอบของข้า กรามของตาเฒ่านั่นคงได้ร่วงถึงพื้นเป็แน่’
“ผู้ใดจะเป็คนต่อไป?” อาจารย์ผู้ควบคุมการสอบชำเลืองมองนักเรียนในชั้นเรียนการต่อสู้เบื้องต้น การทดสอบนักเรียนห้องที่แล้วไม่มีนักเรียนผู้มีพร์เตะตาสักคน คิดไม่ถึงว่าชั้นเรียนที่ไม่มีผู้ใดคาดหวังเช่นชั้นเรียนสำหรับการต่อสู้เบื้องต้นนี้กลับมีอัจฉริยะที่น่าใโผล่มาถึงสองคน นี่ทำให้เขาตั้งตารอคอยการทดสอบนักเรียนจากชั้นเรียนการต่อสู้เบื้องต้นที่เหลือเหล่านี้ต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้