ทัณฑ์ทรมานยากละเว้น!
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอมีน้ำเสียงผ่อนคลาย ทว่าคำสี่คำนี้สำหรับใครบางคนแล้วกลับฟังดูหนักหน่วงเป็อย่างยิ่ง
ทัณฑ์ทรมานหรือ?
ฮองเฮาอวี่เหวินทรงมีพระประสงค์จะลง “ทัณฑ์ทรมาน” เหนียนอีหลานอย่างไร?
เปรียบเทียบกันแล้วการลงทัณฑ์ทรมานนั้นดีกว่าโทษปะาตรงไหนกัน?
ผู้คนที่คุกเข่าลงบนพื้น ต่างมองมาที่ฮองเฮาอวี่เหวินอย่างพร้อมเพรียงกัน ใบหน้าสง่างามน่าเกรงขามของนางยังคงสงบนิ่งไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ ทว่าความสงบนิ่งเช่นนี้ กลับยิ่งทำให้ในใจของผู้คนตื่นตระหนก
ความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวในใจของเหนียนอีหลานมิอาจคลายลงได้ นางในยามนี้ แม้สติปัญญาจะยุ่งเหยิงสับสน ทว่านางรู้ได้ทันทีว่าตนมิอาจหลีกหนีโทษทัณฑ์ครานี้ได้แล้ว
ทว่า...องค์หญิงจี้เยวี่ย...ครั้นนางนึกถึงเสียงร่ำไห้ขององค์หญิงจี้เยวี่ย ดวงตาของเหนียนอีหลานพลันลุกวาว หากฮองเฮาจัดการนาง เช่นนั้นมิใช่หมายความว่าองค์หญิงจี้เยวี่ยก็จะปล่อยนางไปหรือไม่
สายตาที่เหลือบไปเห็นรูปลักษณ์อันน่าสยดสยองของฟางเหอ ในใจเหนียนอีหลานพลันหนาวเหน็บ ทำอย่างไรก็มิอาจควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นสะท้านได้
เหนียนยวี่จ้องมองสีหน้าของเหนียนอีหลาน มุมปากยกยิ้มที่ยากจะจับสังเกต กลัวงั้นหรือ?
‘เหนียนอีหลาน’ ขังตนไว้ในสวนร้อยสัตว์ คิดว่านางคง้าให้ตนถูกสัตว์ป่ากัดกินจนไม่เหลือเค้าเดิมเป็แน่!
หึ เพียงแต่ช่างน่าเสียดายที่ความหวังของนางมิอาจเป็จริงได้!
และการลงทัณฑ์ทรมานครานี้ นางคงยากจะหลบหนี...
สายตาของเหนียนยวี่ปรายมองฮองเฮาอวี่เหวินอย่างเปิดเผย จากนั้นเสียงเคร่งขรึมน่าเกรงขามของฮองเฮาพลันดังขึ้นตามมา
“โทษปะาละเว้นได้ ทว่าทัณฑ์ทรมานยากหลบหนี” ฮองเฮาอวี่เหวินราวกับกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวคำพูดพวกนี้ สายตาของนางจับจ้องฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง “ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงคิดว่าชิงเหอพูดได้สมเหตุสมผลหรือไม่?”
คำพูดที่ดูเหมือนเอ่ยถามดังเข้าไปในโสตประสาทของผู้คน ทว่ากลับมิใช่เช่นนั้น
ไม่เพียงแค่ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเท่านั้น ทว่าผู้คนที่กำลังคุกเข่าอยู่ ต่างล้วนรู้สึกได้ถึงความโกรธเกรี้ยวที่แผ่ซ่านรอบวรกายของฮองเฮาอวี่เหวิน
นี่มิใช่ความโกรธเกรี้ยวหรือ?
เหนียนอีหลานผู้นี้ลอบทำร้ายนาง เดิมทีเื่นี้ทำให้นางรู้สึกเกรี้ยวกราดแล้ว ตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงนางนี้ยังมาอวดอ้างข่มอำนาจนางต่อหน้าฝูงชนเช่นนี้อีก แม้อำนาจของตระกูลหนานกงจะเป็สิ่งที่ต้องใส่ใจ ทว่าฮองเฮาอย่างไรก็ยังเป็ฮองเฮา บุคคลสูงศักดิ์ที่สุดผู้ยืนเคียงข้างองค์ฮ่องเต้ ยังต้องมากล้ำกลืนฝืนทนความไม่เป็ธรรมเช่นนี้อีกได้อย่างไร
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเองก็รู้เช่นกัน ว่าการกระทำอาจหาญของตนเมื่อครู่นี้มาถึงขีดจำกัดแล้ว
การใช้ประโยชน์จากความ้าอำนาจของราชวงศ์ที่มีต่อตระกูลหนานกง แม้ในที่สุดจะช่วยรักษาชีวิตของเหนียนอีหลานไว้ได้ ทว่าก็ช่วยได้แค่การรักษาชีวิตของนางเท่านั้นเอง
หากยังคงเดินหมากบีบคั้นต่อไปอีก เกรงว่าผลสุดท้ายของเื่นี้คงกลับกัน
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงสูดหายใจลึก วางไม้เท้าในมือลงและโค้งคำนับ ศีรษะกระทบลงบนพื้นอย่างหนักหน่วงให้ฮองเฮาอวี่เหวิน “สมเหตุสมผลแล้วเพคะ องค์หญิงใหญ่ชิงเหอทรงตรัสถูกต้องทั้งหมดเลยเพคะ ทั้งยังตรงกับสิ่งที่ผู้เฒ่าคนนี้คิดไว้ด้วยเพคะ อีหลานก่อความผิดเช่นนี้ สมควรได้รับโทษปะา ทว่าเพราะความเมตตาปรานีขององค์ฮองเฮาที่ทรงเห็นแก่ตระกูลเหนียนและตระกูลหนานกง จึงละเว้นชีวิตของนาง ไม่ว่าจะตระกูลเหนียนหรือตระกูลหนานกงจะจดจำและระลึกถึงความกรุณาอันยิ่งใหญ่ของฮองเฮาเพคะ ส่วนเื่ทัณฑ์ทรมาน...พระนางจะจัดการกับเื่นี้เยี่ยงไรนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฮองเฮาเพคะ”
ทุกถ้อยคำที่ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเอ่ยออกมา ไร้ซึ่งการข่มขู่เฉกเช่นก่อนหน้านี้ ยามนี้วาจาท่าทีของนางคล้ายกับสตรีชาวบ้านธรรมดาที่ออกเรือนแล้วผู้หนึ่งเท่านั้น
ก่อนหน้านี้หนานกงเยวี่ยซึ่งใจร้อนเื่เหนียนอีหลานเกินไป จนไม่เข้าใจเจตนาของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง ยามนี้ในหัวนางเข้าใจแจ่มแจ้ง พลางส่ายหัวขึ้นมาอย่างลนลาน “ขอบพระทัยฮองเฮาที่ทรงโปรดเมตตาเพคะ อีหลานลบหลู่ิ่พระเกียรติฮองเฮา สมควร...ลงโทษเพคะ!”
นางรู้ดีว่า การใช้ “ทัณฑ์ทรมาน” อีหลานครานี้ อย่างไรก็มิอาจหลบหนีได้ เช่นนั้น ไม่สู้ยอมรับพระเสาวนีย์เสียจะดีกว่า ไม่แน่ว่าฮองเฮาอาจจะยอมลดโทษลงมาให้
ลดโทษงั้นหรือ?
เหนียนยวี่เข้าใจหนานกงเยวี่ย ยิ่งกว่านั้นนางยังอ่านความคิดของนางออก ดวงตาเหนียนยวี่ฉายแววดูแคลน หนานกงเยวี่ยผู้นี้ปกติก็ฉลาดเฉลียวมาตลอด ทว่าเื่ราวที่ไปเกี่ยวข้องกับบุตรสาวตนเมื่อใด นางกลับสูญเสียสติได้ง่าย เหมือนกับความคิดขอให้โชคช่วยของนางในตอนนี้
เพราะการใช้อำนาจเข้ามากดดันของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเมื่อครู่นี้ แม้นจะทำให้เหนียนอีหลานรอดชีวิตมาได้ ทว่ากลัวแต่เพียงว่าการลงทัณฑ์ทรมานครานี้จะยิ่งหนักหนาเกินกว่านางจะรับไหว
ตามคาด ฮองเฮาอวี่เหวินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตรัสขึ้นมาอีกครั้งว่า “ในเมื่อเป็เช่นนี้ เช่นนั้นก็ขอให้ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงและฮูหยินเหนียนช่วยเปิ่นกงชั่งน้ำหนักหน่อย ว่าการลงโทษด้วยการเฆี่ยนสามสิบทีนั้นเหมาะสมหรือไม่?”
เฆี่ยนสามสิบทีงั้นหรือ?
หลังจากได้ยินประโยคนั้น สีหน้าของทุกคนในห้องเปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างมิอาจควบคุมได้
แม้แต่บุรุษอ่อนวัยร่างกายกำยำแข็งแรง หากถูกเฆี่ยนตีสามสิบทีเยี่ยงนี้ เนื้อตัวยังแตกยับได้ เหนียนอีหลานซึ่งเป็สตรีบอบบางจะทนได้อย่างไร?
กระดานไม้ขนาดใหญ่สามสิบแผ่นนี้ มิอาจทำให้เหนียนอีหลานสิ้นชีวิต ทว่ามันเพียงพอที่จะพรากครึ่งชีวิตของนางได้!
“ไม่...”หนานกงเยวี่ยพึมพำโดยไม่รู้ตัว ฝั่งเหนียนอีหลานครั้นนางได้ยินคำว่ากระดานไม้สามสิบแผ่น แม้แต่ความหวาดกลัวยังค้างอยู่บนใบหน้านางไปชั่วครู่หนึ่ง
หลังจากที่หนานกงเยวี่ยหลุดเอ่ยคำว่า “ไม่” ออกมาเพียงครู่เดียวนั้น คิ้วของฮองเฮาอวี่เหวินขมวดเข้าหากันทันที “ทำไม? ฮูหยินเหนียนไม่คิดว่ามันเหมาะสมหรืออย่างไร?”
น้ำเสียงยกสูงอย่างกะทันหันของฮองเฮาอวี่เหวิน มิใช่แค่ทำให้ใจหนานกงเยวี่ยรู้สึกคับแน่น ทว่าแม้แต่ในใจของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงยังรู้สึกคับแน่นไม่ต่างกัน
“ไม่ใช่เพคะ เหมาะสมแล้วเพคะ พระนางทรงมีพระเมตตาต่ออีหลาน เป็การลงโทษที่เหมาะสมอย่างยิ่งแล้วเพคะ” ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงรีบเอ่ยขึ้นมาอย่างเร่งรีบ ครั้นเห็นหนานกงเยวี่ย้าจะพูดอะไรบางอย่าง นางรีบปราดตามองนางอย่างดุร้ายทันที
คำพูดที่ดูเหมือนไต่ถามของฮองเฮาอวี่เหวินกำลังกดดันพวกนางเช่นกัน!
เวลานี้ ผู้ใดจะกล้าบอกว่าไม่เหมาะสม
หากผู้ใดบอกว่า "ไม่เหมาะสม" ขึ้นมา เกรงว่าสิ่งที่เหนียนอีหลานจะได้รับคงมิใช่แค่การถูกเฆี่ยนตีด้วยไม้กระดานสามสิบทีแน่
"การยอมศิโรราบ" ของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง อยู่ในสายตาของเหนียนยวี่และสายตาของผู้คนที่นั่น ความเข้าใจในใจของแต่ละคนไม่มากก็น้อยนั้น ต่างเข้าใจกันว่า การเฆี่ยนตีเหนียนอีหลานสามสิบทีครานี้ อย่างไรก็มิอาจหลบหนีได้
มุมปากของฮองเฮาอวี่เหวินค่อยๆ เผยอยกยิ้ม เื่ที่เกิดขึ้นในสวนร้อยสัตว์คืนนั้น แม้นางจะไม่คิดสอบสวนเพราะสาเหตุบางอย่าง ทว่าในใจนางยังคงตื่นตระหนก แต่ตอนนี้ คาดไม่ถึงเลยว่าเหนียนอีหลานผู้นี้จะบุ่มบ่ามเข้ามาอยู่หน้าปากเสือ นางจะระบายอารมณ์ให้เต็มที่เลยเชียว
นางในยามนี้ รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากแล้วจริงๆ
ส่วนเหนียนยวี่...
ฮองเฮาอวี่เหวินเหลือบมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนไม่ไกล ใบหน้านางสงบนิ่ง สง่างามและดูนิ่มนวลละมุนละไม ทว่าแววตาของนางกลับฉายชัดถึงความปีติยินดี
ฮองเฮาอวี่เหวินถอนสายตากลับ เบนทิศทางไปมองเหนียนอีหลานที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ทั้งตัวสั่นระริก
เด็กสาวนางนี้ นางเคยพบเจอสองสามครั้ง คุณหนูใหญ่สกุลเหนียนเป็คนที่นางประทับใจ ทั้งยังมีชีวิตชีวามีสง่าอยู่บ้าง ทว่าท่าทีหวาดกลัวจนตรอกในยามนี้นั้น...
กวาดสายตามองร่างไร้ิญญาบนพื้น ในใจฮองเฮาอวี่เหวินเข้าใจอะไรได้ทันที พลันตรัสขึ้นด้วยสุรเสียงก้องกังวานตามมา “เ้าคิดว่าอย่างไรเล่า เ้ายอมโดนเฆี่ยนสามสิบทีหรือไม่?”
“ยอ...ยอมเพคะ สตรีต้องโทษยอมรับแต่โดยดีเพคะ” เหนียนอีหลานเอ่ยยอมรับ ทว่าในใจกลับรู้สึกไม่มั่นใจนัก เมื่อเทียบกับจุดจบของฟางเหอ โดนเฆี่ยนสามสิบทีนั้นดีกว่ามากมาย ทว่าร่างกายของนางจะทนรับการโดนเฆี่ยนสามสิบทีไหวหรือไม่?
เหนียนอีหลานไม่ทันได้มีเวลาคิดเื่ความเ็ปจากการถูกเฆี่ยน เสียงของฮองเฮาอวี่เหวินพลันดังขึ้นมาอีกครา “ในเมื่อยอมรับ เช่นนั้นใครก็ได้นำตัวคุณหนูใหญ่สกุลเหนียนผู้นี้ออกไปลงโทษประเดี๋ยวนี้!”
ลงโทษประเดี๋ยวนี้งั้นหรือ?
ทุกคนพากันตื่นใ ฮองเฮาทรง้าดูเหนียนอีหลานถูกเฆี่ยนตีต่อหน้าผู้คนมากมายด้วยตาตนเองงั้นหรือ?
ชั่วขณะหนึ่ง ใบหน้าของทุกคนพลันแสดงสีหน้าแตกต่างกันไป แม้แต่บนใบหน้าของเหล่าบรรดาอนุจวนเหนียน ต่างล้วนฉายแววยินดีอย่างมิปิดบังซ่อนเร้นไว้ในก้นบึ้งของหัวใจอีกต่อไป