"แฮ่ม คุณชายผูหยาง เหตุใดท่านถึงกระตือรือร้นกับเื่นี้นักล่ะ"
ด้วยท่าทีที่เขามีต่อเหลียนเซวียน เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมคนผู้นี้ถึงอยากช่วยเธอ
"โอ... แม่นางเซวียอย่าได้เข้าใจผิด ข้ามิได้อยากช่วยเ้าเด็กนั่น ข้าเพียงรู้สึกว่าแม่นางเซวียจิตใจงดงามฉลาดหลักแหลม มีความคิดไม่เหมือนผู้อื่น และมีมุมมองต่อสิ่งต่างๆ ที่พิเศษมาก ดังนั้นหากสามารถมีญาติผู้น้องเช่นนี้สักคน ก็เป็เกียรติของข้าแล้ว"
ผูหยางชิงหลันเยินยอนางเสียยกใหญ่
เซวียเสี่ยวหรั่นย่อมฟังความหมายออก หลังจากที่เธอกลายเป็ญาติผู้น้องของเขาแล้ว เขาย่อมสามารถมาปรึกษาปัญหาทางการแพทย์กับเธอได้อย่างเปิดเผยออกหน้าออกตายิ่งกว่าเดิม
"แต่ข้าไม่รู้เื่การแพทย์จริงๆ นะ" เซวียเสี่ยวหรั่นย้ำอีกครั้ง
"มิเห็นเป็ไร รู้หรือไม่ไม่สำคัญ อย่างไรเสียข้ารู้ก็แล้วกัน" ผูหยางชิงหลันตบอกคุยโว แต่เพียงพริบตา เขาก็เข้ามาใกล้หน้าต่างรถม้ากระซิบถาม "ข้าถามเ้าหน่อยสิ สุราบริสุทธิ์ [1] ที่เ้าว่ามันต้องกลั่นอย่างไรหรือ"
"คุณชายผูหยาง ข้าไม่ทราบวิธีกลั่นสุราหรอกนะ ท่านควรไปถามนักบ่มสุรามากกว่า"
เซวียเสี่ยวหรั่นยักไหล่แบมือสองข้าง บอกไปตามความจริง
ผูหยางชิงหลันมุมปากกระตุก ตกลง ไปหานักบ่มสุราก็ได้
"แม่นางเซวีย เ้าช่วยเล่าเื่ของปู่เ้าได้หรือไม่"
เขาเปลี่ยนไปอีกทิศทาง
เซวียเสี่ยวหรั่นเริ่มเครียด ผูหยางชิงหลันจิกแต่ปู่ของเธอไม่ปล่อย "ท่านปู่ข้าเป็แค่คนธรรมดา เมื่อครั้งยังหนุ่มมักเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้อยู่บ่อยครั้ง จึงมีความรู้และประสบการณ์กว้างขวาง แต่ก็ไม่มีอะไรพิเศษ"
"ใครว่าพิเศษมากต่างหาก เื่ที่เ้าเล่าหลายอย่าง ข้าเดินทางไปมาหลายแห่ง ล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน"
"เอ้อ... เื่ประหลาดมหัศจรรย์ในหมู่ชาวบ้านมีถมไป คุณชายผูหยางมิเคยได้ยินก็ไม่แปลก" ผูหยางชิงหลันไหนเลยจะขับไล่ไสส่งง่ายเพียงนั้น
อูหลันฮวาฟังพวกเขาสนทนากันอยู่ด้านข้าง พลางคัดอักษรเหมือนปรกติทุกวัน
หงกูบอกว่าขณะเ้านายสนทนากัน การสอดปากคือสิ่งต้องห้ามของสาวใช้ อูหลันฮวาจดจำใส่ใจเป็อย่างดี
ความเร็วของรถม้าไม่นับว่าช้า เพียงไม่นานก็พ้นประตูทางทิศเหนือของเมืองเฉียนเฟิง
ถนนหลวงของแคว้นฉีทั้งเรียบสม่ำเสมอและกว้างกว่าแคว้นหลี ประกอบกับได้รถม้าที่น่าเชื่อถือ ยามนั่งอยู่ในรถยังไม่มีะเื
เพียงแต่ดวงตะวันไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ แสงอาทิตย์ยิ่งเจิดจ้าเสียดแทงั์ตา
แม้ใบหน้าของผูหยางชิงหรันจะเริ่มแดงเพราะตากแดด แต่ยังคงตามรถม้าของเซวียเสี่ยวหรั่นและชวนสนทนาโน่นนี่ไม่หยุดปาก
"คุณชายผูหยาง นายท่านเชิญไปดื่มชาขอรับ"
จนกระทั่งเหลยลี่ควบม้าเข้ามาเชิญเขาไป
ผูหยางชิงหลันมุมปากกระตุก กล่าวอำลาเซวียเสี่ยวหรั่นคำหนึ่ง ก่อนควบม้าตามเหลยลี่ไป
"เฮ่อ... ในที่สุดก็ไปได้เสียที"
อูหลันฮวาคัดอักษรมากกว่าเดิมเป็เท่าตัว ระหว่างรอให้ผูหยางชิงหลันซึ่งคุยไม่หยุดปากจากไป
เซวียเสี่ยวหรั่นรินน้ำชาให้ตนเองก่อน หลังจากดื่มอึกๆ ลงไปแล้ว ถึงพรูลมหายใจโล่งอก
แท้จริงแล้วเธอก็เป็คนช่างพูด แต่ยามสนทนากับผูหยางชิงหลัน นอกจากไม่อาจทำตัวสบายๆ เหมือนคุยกับเหลียนเซวียน ยังต้องเค้นสมองก่อนเอ่ยปาก จะได้ไม่สร้างปัญหาให้แก่ตนเอง
"เ้าคัดอักษรของเ้า เขาก็พูดของเขา แล้วเ้าจะตื่นเต้นไปไย" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นอูหลันฮวาทำท่าโล่งอก ก็อดยิ้มไม่ได้
"ไม่ได้หรอกเ้าค่ะ คุณชายผูหยางสายตาดี ยามเขามองเข้ามาทางหน้าต่าง เห็นอักษรที่ข้าคัดพอดี ถ้าเขียนไม่สวยก็ขายหน้าแย่ ดังนั้นวันนี้ข้าถึงตั้งใจคัดอักษรเป็พิเศษ"
อูหลันฮวาส่งกระดาษคัดอักษรแผ่นที่คิดว่าเขียนได้งามที่สุดส่งให้เซวียเสี่ยวหรั่น
พอเซวียเสี่ยวหรั่นดูแล้วก็ยิ้มพลางผงกศีรษะ "ดีกว่าปรกติหน่อย เผี่ยเป็เผี่ย น่าเป็น่า [2] ไม่ยึกยือเป็หนอนผีเสื้ออีกแล้ว"
ฟังดูเหมือนเป็คำชมเชย แต่กลับให้ความรู้สึกทะแม่งชอบกล อูหลันฮวาหยิบอักษรของตนเองมาดู ก็รู้สึกว่าดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนจริงๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะฮ่าๆ หยิบแบบคัดอักษรออกมา เริ่มปฏิบัติภารกิจประจำวัน
"นี่ เสี่ยวชี ข้าแค่พูดไม่กี่ประโยคเท่านั้นเอง ต้องทำขนาดนี้เลยหรือ"
ผูหยางชิงหลันขึ้นมาบนรถม้า หย่อนก้นนั่งลงฝั่งตรงข้ามเหลียนเซวียน หยิบพัดงาช้างที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยเคลือบเงาขึ้นมาโบก
พูดไม่กี่ประโยค? เหลียนเซวียนมองดูตะวันเจิดจ้านอกหน้าต่าง ก่อนปรายตามองเขาอย่างเฉยชา แล้วเอื้อมมือไปรินน้ำชาให้
ผูหยางชิงหลันก็ไม่เกรงใจ ยกขึ้นดื่มรวดเดียวครึ่งถ้วย
"เ้าไม่ต้องสงสัยเลย แม่นางผู้นั้นความรู้ไม่น้อยทีเดียว นางรู้ด้วยว่าไหมไส้แกะ [3] ที่ใช้เย็บแผลไม่ต้องตัดทิ้ง ปรกติหญิงสาวทั่วไป แค่เห็นแผลจากการเย็บแล้วไม่เป็ลมก็เป็เื่สุดยอดแล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าการเย็บแผลต้องใช้เส้นไหมแบบไหน"
"นางบอกว่า าแหลังการเย็บทางที่ดีจะต้องล้างแผลทุกครั้งที่ใส่ยา จะช่วยไม่ให้แผลอักเสบง่าย การฆ่าเชื้อสำคัญมากขนาดนี้จริงๆ ข้าต้องรีบหาทางกลั่นสุราบริสุทธิ์ออกมาให้ได้ เสี่ยวชี ให้ข้ายืมตัวนักบ่มสุราของเ้าสักคนสิ"
ผูหยางชิงหลันถึงกับทอดถอนใจ การได้คุยกับนางนานหน่อยทำให้ตนเองเหมือนได้รับรางวัลชิ้นใหญ่
"อืม" เหลียนเซวียนตอบตกลงเสียงเบา
ผูหยางชิงหลันพูดมาเสียยืดยาว แต่ได้คำตอบรับจากเขาแค่คำเดียว ก็แค่นเสียงเยาะ "ญาติผู้น้องข้าบอกว่านางจะซื้อบ้านสักหลังที่อยู่ใกล้เมืองหลวง บังเอิญข้างคฤหาสน์ชานเมืองตะวันตกของข้ามีบ้านว่างอยู่หลังหนึ่งพอดี มอบให้นางเป็ของขวัญที่พบกันก็คงได้กระมัง"
"ญาติผู้น้อง? นางรับปากแล้วรึ" เหลียนเซวียนตกตะลึงเล็กน้อย
"ยังหรอก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่" ผูหยางชิงหลันสั่นศีรษะ
"นางไม่เอาบ้านของเ้าหรอก" เหลียนเซวียนไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่านางจะรับปากเื่สถานะใหม่ จะเป็ไปได้อย่างไรที่จะรับบ้านของเขา
"จะเป็ไรไปเล่า ถือเสียว่าเป็เงินที่ข้าซื้อเห็ดหุยซินก็ได้ ตั๋วเงินสองหมื่นตำลึงใช่ว่ารวบรวมกันได้ง่ายๆ ในเวลาเพียงชั่วครู่ที่ไหน" ผูหยางชิงหลันโบกพัดงาช้างเบาๆ
เห็ดหุยซินมีตลาดแต่ไร้ราคา เงินทองเท่าไรเขาล้วนจ่ายได้ทั้งสิ้น
ครานี้เหลียนเซวียนกลับไม่ทัดทาน
ยามเที่ยงตรง ขบวนรถก็มาถึงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง หลังจากกินมื้อเที่ยงแล้ว ก็รีบเร่งเดินทางต่อ
เซวียเสี่ยวหรั่นนึกคลางแคลงสงสัย การเดินทางครั้งนี้ดูเหมือนจะเร่งร้อน เวลาพักก็ยังสั้นมาก
"แคว้นฉีช่างดียิ่ง ระหว่างทางไม่เจอโจรป่าเลย" อูหลันฮวามองทุ่งนาเขียวขจีสองข้างทางพลางร้องอุทาน
เซวียเสี่ยวหรั่นพยักหน้าคล้อยตาม ไม่เสียชื่อแคว้นใหญ่ที่มีอำนาจแข็งแกร่ง
ดูจากการใช้ชีวิตของผู้คนระหว่างทางดีกว่าแคว้นหลีไม่น้อย แม้จะมีประชาชนยากไร้สวมเสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ อยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่มีเหตุจลาจลวุ่นวายจนต้องย้ายไปอยู่แดนไกล
โจรผู้ร้ายปล้นชิงทรัพย์สินย่อมมีอยู่ แต่ส่วนใหญ่ก็กระจัดกระจายทั่วไป ขบวนรถที่แลดูพรั่งพร้อมด้วยไพร่พลและอาชาแบบนี้ โจรที่มีหูมีตาล้วนแต่เลี่ยงหลบไม่หาเื่ใส่ตัว
แต่ขณะที่เซวียเสี่ยวหรั่นคิดว่าพวกเขาน่าจะเดินทางถึงเมืองหลวงอย่างราบรื่น
วันที่สามของการเดินทาง การลอบโจมตีกะทันหันก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว
ขบวนรถพักค้างแรมกลางทุ่งโล่ง แสงสายัณห์ทาบทอผืนป่าไปไกลสุดสายตา
เซวียเสี่ยวหรั่นกำลังนั่งอยู่บนอาชาสีดำปลอดที่มีกีบเท้าขาวดั่งหิมะ โดยมีเหลียนเซวียนคอยช่วยจูงสายบังเหียน ค่อยๆ พาเดินไปยังสถานที่ห่างไกล
...
[1] สุราบริสุทธิ์ ในที่นี้หมายถึงเอทานอล เป็แอลกอฮอล์ชนิดหนึ่ง
[2] เผี่ย หมายถึงเส้นขีดปัดเฉียงโค้งด้านซ้าย น่าหมายถึงเส้นขีดปัดเฉียงโค้งด้านขวา
[3] ไหมชนิดนี้เป็โปรตีนสกัดจากไส้แพะหรือแกะ เป็ไหมชนิดเดียวกับไหมที่ละลายได้ของตะวันตก เมื่อเย็บแผลแล้วไม่ต้องตัดทิ้ง
