ลมสารทฤดูนอกหน้าต่างพัดใบไม้ร่วง คอยมีเสียงใบไม้ร่วงดังลอยมาเป็ระยะๆสอดคล้องกับเสียงหัวใจเต้นของทุกคนภายในห้อง
นางจ้าวเห็นว่าทุกคนในห้องล้วนวางตะเกียบลงเปลี่ยนหัวข้อสนทนามาที่ตัวนาง จึงรู้สึกร้อนรนนั่งไม่ติดที่ อยากกลับไปแต่กลับไม่ยอมใจอยากอยู่ต่อ แต่ก็รู้สึกขึ้นมาอีกว่ายามนี้เป็เวลาที่ไม่เหมาะเสียอย่างยิ่ง
“ใช่แล้ว ฮูหยินใหญ่เห็ดหลินจือเืที่ข้ามอบให้คราก่อนเ้าทานแล้วหรือไม่? ข้าสอบถามท่านหมอดูแล้ว ใน่ที่มีอีกชีวิตหนึ่งอยู่ในท้องเป็เวลาที่เหมาะจะทานเห็ดหลินจือเป็ที่สุดคนหนึ่งกิน สองคนได้รับประโยชน์เชียวนะ!”
หลิ่วจิ้งพูดจาได้ถูกเวลานักนางจ้าวไม่ชอบให้นางเอ่ยถึงเื่นี้เป็ที่สุด แต่จนใจเหลือเกินที่ยังถูกหลิ่วจิ้งพูดแทงใจดำเข้าให้แม้อยากจะหลบเลี่ยงก็ทำไม่ได้ ในใจกำลังขัดเคือง แต่กลับยังต้องแสดงท่าทีซาบซึ้ง
“โอ้! ฮูหยิน เห็ดหลินจือเืดอกนั้นท่านมอบให้ฮูหยินใหญ่แล้วหรือหายากจริงๆ ที่ฮูหยินจะเป็ห่วงฮูหยินใหญ่เพียงนี้ สามีซาบซึ้งนักเพียงแต่สองคนได้ประโยชน์นี้หมายถึงเช่นใดหรือ”
เดิมทีหั่วอี้ก็ไม่ชอบเข้าไปข้องเกี่ยวกับเื่ในเรือนหลังอยู่แล้วแต่เมื่อเห็นหลิ่วจิ้งเห็นดีเห็นงามแย้มยิ้มตอบรับอย่างกระตือรือร้นนักเขาจึงอดเข้ามาร่วมวงด้วยมิได้
“ท่านแม่ทัพไม่ทราบ มีคำพูดหนึ่งบอกว่าสตรีที่กำลังตั้งครรภ์เมื่อทานเห็ดหลินจือเืไปแล้ว ไม่เพียงมารดาจะงดงามดั่งสตรีแรกแย้มบุตรที่คลอดออกมาหากเป็สตรีก็จะงดงามดั่งบุปผาหากเป็คุณชายก็จะยิ่งรูปงามกว่าคนทั่วไป
หญิงงามดั่งบุปผาประหนึ่งหยก เอกบุรุษรูปงาม วันหน้าเมื่อเติบโตขึ้นไม่รู้ว่าจะทำให้ผู้คนมากมายเท่าใดต้องหลงใหลนะเ้าคะ?”
หลิ่วจิ้งเอ่ยออกมาด้วยท่าทีจริงใจทั้งจับจ้องหั่วอี้ด้วยสายตาชื่นชมอิจฉาครึ่งหนึ่งขอรับคุณงามความดีครึ่งหนึ่ง
หั่วอี้ได้ฟังคำ พลันยกมุกปากขึ้นแย้มยิ้ม“มีคุณสมบัติเช่นนี้ด้วยหรือ! ไฉ่เอ๋อร์ เ้าอย่าให้ต้องเสียน้ำใจของฮูหยินทีเดียวเห็ดหลินจือเืดอกนั้น เ้าเริ่มนำมากินแล้วหรือไม่? หากยังไม่ได้กิน ก็ให้เริ่มกินเสียั้แ่วันพรุ่งยาบำรุงที่ดีเช่นนี้ จะต้องทำให้ลูกของข้าเป็หญิงงดงามดั่งบุปผาเป็ชายก็หล่อเหลาไร้ที่เทียบเทียม”
“ฮ่าๆๆ” หั่วอี้พูดพลางก็อารมณ์ดีเสียอย่างยิ่งประหนึ่งว่าได้เห็นความงดงามหล่อเหลาของลูกตน
หั่วอี้มีแววตาชื่นชมหลิ่วจิ้งอย่างมากที่นางมอบเห็ดหลินจือเืแสนล้ำค่าแก่ฮูหยินใหญ่
จ้าวไฉ่เอ๋อร์แย้มยิ้มไปด้วย จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรจึงจะดีนางย่อมไม่อาจบอกกับท่านแม่ทัพว่านางกลัวเห็ดหลินจือเืดอกนั้นจะมีพิษจึงไม่กล้ากิน!
“จริงด้วย ฮูหยินใหญ่เ้าเริ่มกินเห็ดหลินจือเืดอกนั้นแล้วหรือไม่?” น้ำกาใดยังไม่เดือดหลิ่วจิ้งก็กลับเอากานั้นมา ไม่ให้นางได้มีโอกาสกลบเกลื่อน
“เอ่อ เื่นี้ เพราะเห็ดหลินจือเืดอกนั้นล้ำค่านักข้าจึงยังตัดใจกินไม่ลงเลย” ที่สุดนางจ้าวก็หาเหตุผลที่พอจะฟังขึ้นได้ในขณะที่นางกำลังแอบโล่งใจ ก็ด่าทอหลิ่วจิ้งอยู่ในใจพร้อมกัน
“ไฉ่เอ๋อร์ เช่นนี้เ้าก็ทำไม่ถูกแล้วต่อให้เห็ดหลินจือเืล้ำค่าก็ไม่มีวันล้ำค่าไปกว่าลูกของข้านี่!เมื่อเ้าทานใน่เวลานี้ก็จะสามารถบำรุงลูกจากร่างกายของมารดาได้ทันทีอย่างไรก็ไม่อาจรอจนคลอดแล้วจึงค่อยทานกระมังเพราะถึงยามนั้นลูกก็จะไม่ได้รับประโยชน์แล้ว เ้าจงกลับไปเตรียมเอาไว้แล้วเริ่มทานเสียั้แ่วันพรุ่ง”
หั่วอี้จะไปรู้กลอุบายที่เหล่าสตรีใช้ขัดแข้งขัดขากันได้อย่างไร เขารู้เพียงว่าดีต่อลูกของตน เมื่อรู้ว่านางจ้าวเก็บเห็ดหลินจือเืเอาไว้ไม่แตะต้องเขาจึงร้อนใจขึ้นมา
จ้าวไฉ่เอ๋อร์แอบไตร่ตรองอยู่ในใจว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถไม่บอกปัดความปรารถนาดีของท่านแม่ทัพและยังสามารถทำให้นางไม่ต้องทานเห็ดหลินจือเืดอกนั้น? เพราะต่อให้นางหาญกล้ากว่านี้อีกสิบเท่า นางก็ไม่กล้ากินมันเด็ดขาด
หากมิใช่เพราะนางระแวงหลิ่วจิ้ง ลึกๆ ในใจนางกลับชื่นชอบเห็ดหลินจือเืดอกนั้นจากใจจริงก็ผู้ใดจะไม่ยอมให้รูปโฉมของตนอ่อนเยาว์ลงกันเล่า คำเล่าลือล้วนไม่เกิดถ้าไม่มูลฉะนั้นมันต้องมีผลดังที่ว่ากันเป็แน่
หลิ่วจิ้งแอบหัวเราะอยู่ในใจ นางก็อยากดูนักว่านางจ้าวจะเสแสร้งได้อีกสักกี่น้ำนับั้แ่นางจ้าวมาถึงในห้อง ดวงตาคู่นั้นของนางจ้าวก็ไม่เคยละจากตัวหั่วอี้เลยนางจึงรู้ว่าคืนนี้นางจ้าวจะต้องมาเพราะหั่วอี้อย่างแน่นอนมิใช่มาเยี่ยมนางเพียงเท่านั้น
ละครสลับฉากเล็กๆ ในตอนนี้ ทำเอานางจ้าวรับมือต่อไปไม่ไหวเดิมทีนางอยากให้ท่านแม่ทัพเห็นท้องโตๆ ของนาง แล้วจะได้คิดถึงลูกที่กำลังจะเกิดและปฏิบัติกับนางไม่เหมือนก่อนมา
แต่ยามนี้ดูไปแล้วคงเป็ความหวังลมๆ แล้งๆ เสียแล้ว ที่สุดนางจึงอ้างว่ารู้สึกอ่อนเพลียและกำลังจะขอตัวกลับไปอย่างรีบร้อน
ก่อนออกไป นางจ้าวยิ้มให้หั่วอี้ด้วยสายตาส่งรักหวังว่าเขาจะไปส่งนางสักหน่อย ยิ่งหากสามารถเดินกลับไปเป็เพื่อนนางด้วยก็ยิ่งดี
แต่จนแล้วจนรอดนางก็ยังคงผิดหวัง หั่วอี้เพียงโน้มตัวลงเล็กน้อยบอกกับนางว่า“ไฉ่เอ๋อร์เดินระวังด้วยวันหน้ายามกลางค่ำกลางคืนหากไม่ออกมาข้างนอกได้ก็พยายามอย่าออกมาเื่สำคัญก็ให้พวกสาวใช้มารายงาน ส่วนเื่ไม่สำคัญก็ให้รอวันพรุ่งค่อยว่ากันอย่าทำให้ลูกต้องตื่นตระหนกเช่นนี้อีก”
“ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ใส่ใจเ้าค่ะ ไฉ่เอ๋อร์จะจดจำคำสอนสั่งของท่านแม่ทัพให้แม่นยำว่าจะต้องระวังเื่ความปลอดภัยเ้าค่ะ”พูดจบนางก็ย่อตัวคำนับหั่วอี้ จงใจมองผ่านสายตาของหลิ่วจิ้ง ก่อนจะหันหลังจากไป
“ฮูหยินใหญ่ ท่านไม่เป็ไรใช่หรือไม่เ้าคะ!”เหมยเซียงย่อมมองท่าทีไม่พอใจของฮูหยินใหญ่ออก
ท้องฟ้านอกเรือนเต็มไปด้วยหมู่ดาว พวกมันคอยกระพริบอย่างซุกซนลมอ่อนแห่งฤดูใบไม้ร่วงโชยมา ฤดูนี้เป็่ที่อากาศกำลังสบาย
แต่กลับไม่อาจทำให้ใจนางจ้าวอบอุ่นลงได้เพราะในใจของนางกำลังรุ่มร้อนดั่งเพลิง และเ็ปราวถูกเปลวไฟเผาผลาญ
องค์หญิงต้าเว่ย ข้าจะปล่อยให้เ้าได้ใจไปก่อนสักระยะรอจนข้าคลอดบุตรชายคนโตในสายหลักของสกุลหั่วเสียก่อนดูซิว่าเ้ายังจะได้อกได้ใจอีกหรือไม่?
จ้าวไฉ่เอ๋อร์ได้แต่ใคร่ครวญอยู่ในใจ นางผ่านโลกมามากกว่าอาหนูย่อมรู้จักระวังตัวมากกว่า
“ฮูหยินใหญ่เ้าคะท่านว่าควรจัดการเช่นใดกับเห็ดหลินจือเืดอกนี้ดีเ้าคะ จะให้บ่าวเอามันไป…”เหมยเซียงกำลังจะเอ่ยความคิดของนาง แต่กลับเห็นนางจ้าวถลึงตาแรงใส่นางจนต้องเก็บคำที่ยังไม่พูดออกไปเอาไว้ทั้งเช่นนั้น
นางจ้าวกลับไม่เอ่ยคำใดอีก เอาแต่กำมือที่อยู่ในแขนเสื้อไว้แน่นตั้งหน้าตั้งตาเดินไป ราวกับข้างหน้ามีเส้นทางสว่างเรืองรองรอนางอยู่
‘ปัง’ พอนางจ้าวกลับไปถึงเรือนเฉินจื่อของนางไม่รอให้เด็กรับใช้มาเปิดประตู ไม่ได้ห่วงว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ร่างกายเคลื่อนไหวไม่สะดวกแต่อย่างใดนางกลับใช้มือผลักประตูใหญ่หน้าเรือนออกเต็มแรง
การกระทำของนางทำเอาเด็กรับใช้เฝ้าหน้าประตูตื่นใจนมือเท้าแข็งทื่อทั้งยังลืมคารวะนาง กระทั่งเห็นนางเดินกลับเข้าไปในเรือนหลังแล้วจึงเพิ่งสำนึกว่าตนเองเสียมารยาทเสียแล้ว
หลังนางจ้าวเข้าไปในห้องรอยยิ้มเสแสร้งที่เคยมีก็ไม่ได้อยู่บนใบหน้าอีกสีหน้านางพลันเปลี่ยนไปทันใด
ภายในห้องมีดอกเบญจมาศสีหมึกที่กำลังบานสะพรั่งวางอยู่กระถางหนึ่งนี่เป็ดอกเบญจมาศที่นางชื่นชอบเป็ที่สุดอยู่แต่เดิมแต่เพราะนางถูกบ่มเพาะให้ระวังดอกไม้ตลอดมานางจึงรอจนดอกบานเต็มที่จึงเพิ่งย้ายมันเข้ามาไว้ในห้อง
ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อนางจ้าวมองดอกเบญจมาศสีหมึกกระถางนี้กลับเห็นเป็รอยยิ้มของหลิ่วจิ้ง สายตาเ็าของนางกวาดไปยังดอกเบญจมาศสีหมึก พลางขมวดคิ้วเข้ามาน้อยๆ
เหมยเซียงรีบตามนางจ้าวเข้าไปในห้องนอน เห็นอีกฝ่ายเดินไปมาซ้ายขวาอยู่ภายในห้องไม่หยุดนางคิดไม่ออกว่าฮูหยินใหญ่กำลังคิดสิ่งใดอยู่ และนางก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามตามประสบการณ์ที่นางปรนนิบัติฮูหยินใหญ่มานานปี นางรู้ว่ายามนี้เป็่เวลาที่ฮูหยินใหญ่ทุกข์ใจเป็ที่สุด
“ไป เอาเห็ดหลินจือเืกล่องนั้นมา” นางจ้าวไม่แม้จะเงยหน้าก้มหน้าก้มตาพิจารณาดอกเบญจมาศสีหมึกกระถางนั้น
เหมยเซียงรับคำก่อนหันหลังเดินไปที่ห้องด้านข้างไม่นานนักก็อุ้มกล่องที่บรรจุเห็ดหลินจือเืออกมา
_____________________________
