บทที่ 111 ลูซี่
พอเห็นข้อความที่ไท่ไป๋จินซิงส่งมา เย่จื่อเฉินก็แสยะยิ้มออกมาทันที
เหมือนว่าเขาจะเห็นภาพชายแก่ในวิหารบน์ ที่กำลังโกรธเกรี้ยวอยู่
“ไท่ไป๋จินซิงทักมาหานายแล้ว เหมือนว่าเขาจะโกรธมากเลยนะ”
หลิวฉิงนั่งลงข้างเย่จื่อเฉิน ศีรษะเล็กชะโงกเข้าไปดูหน้าจอโทรศัพท์
ตาแก่คนนี้ต้องโกรธอยู่แน่นอน
ตอนนี้บน์น่าจะเหมือนตลาดสดแล้ว ถ้าเขาไม่โกรธสิแปลก
เย่จื่อเฉิน : แหะๆ ทำไมท่านต้องหงุดหงิดขนาดนี้
ไท่ไป๋จินซิง : เ้ารู้ไหมว่าเ้ากำลังทำอะไรอยู่ ตอนนี้บน์เละเทะไปหมดแล้ว
ติ๊ง!
ไท่ไป๋จินซิงได้ส่งรูปมาให้เขาหลายรูป เย่จื่อเฉินเห็นแล้วก็หลุดขำออกมา
หลิวฉิงที่อยู่ข้างๆ ก็ปิดปากหัวเราะเบาๆ รูปนี้มันตลกเกินไปแล้ว
ซุนหงอคงเป่าฝูงลิงออกมาตรงประตูทางเข้า์ โดยที่ในมือของลิงเ่าั้ถือสินค้าที่เย่จื่อเฉินส่งไปให้ น่าจะกำลังขายของอยู่
นาจาก็กำลังเหยียบอยู่บนวงล้อไฟเพื่อดึงดูดความสนใจ ส่วนยี่หนึงจินกุนก็โชว์กล้ามโดยมีสุนัข์คาบขนมกระดิกหางไปมาอยู่ข้างๆ
ผู้เฒ่าจันทรานั้นสุดยอดยิ่งกว่า
ผูกถุงสินค้าที่มีโปรโมชั่นเทินไว้บนหัว พร้อมกับร้องะโเหมือนพ่อค้าหาบเร่
ไท่ไป๋จินซิง : เ้าหนู ข้าบอกเ้าไว้เลยนะ การที่เ้าทำแบบนี้มันส่งผลกระทบต่อชีวิตบน์อย่างมาก ตอนนี้องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ไม่อยู่ ถ้าเกิดเขากลับมา…
เย่จื่อเฉิน : กลับมาแล้วยังไง
เย่จื่อเฉินเบ้ปาก องค์เง็กเซียนฮ่องเต้กลับมาแล้วยังไงจะมาตีเขาเหรอ?
บางทีอาจจะมีคนให้ขนมเขาไปห่อหนึ่ง แล้วก็อาจจะกลายเป็แฟนคลับของเย่จื่อเฉินก็ได้
เย่จื่อเฉิน : ท่านตาไท่ไป๋ ท่านบอกจุดประสงค์ของท่านมาตามตรงเถอะ ว่ายังไง? อยากเป็ตัวแทนขายของเหมือนกันใช่ไหมล่ะ ถ้าท่านอยากเป็ผมก็ยังมีโควตาเหลือไว้ให้ท่านนะ
ไท่ไป๋จินซิง : ตัวแทนขายบ้าอะไร
ไหล่สั่นไหวขึ้นมา ดูท่าว่าตาแก่ไท่ไป๋จะโกรธจริงๆ แล้ว
หลิวฉิงเองก็มีสีหน้ากังวล ก่อนจะพูดขึ้น
“เหมือนเขาจะโกรธจริงๆ แล้วนะ นายควรจะพูดอะไรหน่อยดีไหม”
“เย่จื่อ ทำอะไร กินเหล้าสิ”
ซูอี้อวิ๋นเห็นว่าเย่จื่อเฉินเอาแต่เล่นโทรศัพท์ จึงกระแซะไหล่เขาเล็กน้อย
“เดี๋ยวก่อน ฉันมีเื่ต้องจัดการนิดหน่อย”
เมื่อตอบกลับแล้ว เย่จื่อเฉินก็เลียริมฝีปากก่อนจะส่งข้อความกลับไป
เย่จื่อเฉิน : ท่านเง็กเซียนไท่ไป๋ ข้าเองก็จนปัญญาเหมือนกัน ข้า้าวิทยายุทธนี่
ไท่ไป๋จินซิง : ถ้า้าวิทยายุทธ เ้าก็ต้องรายงานข่าวในนรกกับข้าสิ ข้าให้วิทยายุทธเ้าอยู่แล้ว
เมื่อเห็นข้อความที่ตอบกลับมา เย่จื่อเฉินก็อดที่จะเบ้ปากไม่ได้
แล้วจะให้ทำไงได้เล่า
เนตรอัคคีชุดหนึ่งก็ตั้งหนึ่งล้านวิทยายุทธ ถ้าเขาต้องทำงานแลกมา มันจะต้องรอไปอีกตั้งกี่ปี
ไท่ไป๋จินซิง : จริงสิ แล้วสถานการณ์ที่นรกเป็ยังไงบ้าง
ไท่ไป๋จินซิงส่งข้อความมาอีกครั้ง เย่จื่อเฉินหรี่ตาลงพร้อมพูดในใจ
ถ้าบอกความจริง ตาแก่คนนี้จะไม่ฆ่าเขาเลยเหรอ
แต่ถ้าโกหก
แล้วทุกอย่างโดนเปิดโปง
ไท่ไป๋จินซิง : ข้าถามเ้าอยู่นะ!
เวรเอ๊ย!
เ้าอารมณ์ชะมัด
เมื่อเห็นข้อความบนหน้าจอ หลิวฉิงก็นึกเป็ห่วงเขาขึ้นมา เย่จื่อเฉินเลียริมฝีปาก แล้วกัดฟันตอบกลับไป
เย่จื่อเฉิน : ไม่ได้เข้าไป
ไท่ไป๋จินซิง : อะไรนะ!
ภายในวิหารลึกบน์ ชายชราผมขาวโพลนกำลังบันดาลโทสะจนเกือบจะโยนโทรศัพท์ทิ้ง
เขาเป่าหนวดออกไป ก่อนจะถลึงตามองข้อความบนหน้าจอ เนิ่นนานกว่าเขาจะสงบลง
ไท่ไป๋จินซิง : คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว
เย่จื่อเฉิน : คืบหน้า...
เย่จื่อเฉินขมวดคิ้วมุ่น แล้วตอบไปตามความจริง
เย่จื่อเฉิน : งานวันเกิดของพญายมราช ยมทูตขาวมาเอาบุหรี่จากข้าไปเป็ของขวัญวันเกิด ข้าคิดว่าอีกไม่นาน ข้าก็น่าจะเข้าไปได้
ไท่ไป๋จินซิง : งานวันเกิดของพญายมราช?
เย่จื่อเฉิน : ใช่
ไท่ไป๋จินซิง : ใครอนุญาตให้จัดงานวันเกิดในนรก!
ไท่ไป๋จินซิงโมโหอีกแล้ว เย่จื่อเฉินที่เห็นข้อความบนหน้าจอก็เงียบไปชั่วขณะ
คุณถามผม แล้วผมจะไปถามใครละครับเนี่ย
ฉันก็แค่คนธรรมดาตัวเล็กๆ ถ้าผู้บริหารในนรก้าจัดงานวันเกิด จำเป็ต้องรายงานฉันด้วยเหรอ?
ไท่ไป๋จินซิง : เ้ารีบบุกเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย ข้ามีรางวัลให้มหาศาล
ไท่ไป๋จินซิงทิ้งท้ายไว้เพียงประโยคเดียวก่อนจะหายไป เย่จื่อเฉินมองข้อความที่ตอบกลับมาด้วยหน้าตามึนงง
คำพูดของตาแก่คนนี้ ทำไมถึงรู้สึกว่า…
ทำให้ตาแก่คนนี้โมโหจนออกไปได้สักที ถึงสีหน้าของเย่จื่อเฉินจะนิ่งสงบ แต่แผ่นหลังนั้นชื้นไปด้วยเหงื่อ
ไม่มีใครรู้ว่าเทพเซียนกลุ่มนี้มีพลังวิเศษอะไร เกิดความเห็นไม่ตรงกัน แล้วตาแก่คนนี้ลงมา…
แน่นอนว่าเขาก็ไม่รู้หรอกว่าตาแก่คนนี้จะลงมาได้ไหม
แต่ถ้าลงมาได้จริงๆ แล้วเกิดมาจัดการเขา
เขาคงสู้ตาแก่คนนี้ไม่ได้แน่ๆ
“ไท่ไป๋จินซิงคนนี้โหดชะมัดเลย” หลิวฉิงย่นจมูกยู่ปากอยู่ข้างๆ เย่จื่อเฉินยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กของเธอ แล้วจึงเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าก่อนถอนหายใจยาว
“จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ?” ในตอนนั้นเองซูอี้อวิ๋นก็ได้เอ่ยขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าโล่งใจเหมือนยกูเาออกจากอกได้ จึงเลิกคิ้วถาม “ให้ช่วยอะไรไหม?”
“ไม่ต้องหรอก แก้ไขได้”
ยกแก้วเหล้าขึ้นชนกับซูอี้อวิ๋น ทันใดนั้นขาขาวเรียวยาวข้างหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าพวกเขา
“สุดหล่อ เลี้ยงเหล้าฉันหน่อยได้ไหม?”
เย่จื่อเฉินเงยหน้าขึ้นตามเสียง ก่อนจะอดตะลึงไม่ได้
มีแต่คนพูดกันว่าในผับมักจะมีแต่สาวสวย คำพูดนี้เป็ความจริงไม่มีหลอก ถ้าผู้หญิงตรงหน้าเขาอยู่ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปิงเฉิง ตำแหน่งดาวมหาลัยจะต้องมีเธออยู่ในนั้นด้วยแน่นอน
หญิงสาวสวมกางเกงยีนสีน้ำเงิน ท่อนบนสวมเสื้อเอวลอยสีขาว ที่จริงแล้วเสื้อเอวลอยนั้นเธอก็ทำขึ้นมาเอง โดยที่เธอมัดเสื้อส่วนด้านหน้าขึ้น
ผมสีไวน์แดง เจาะจิวบนริมฝีปาก ดูมีเสน่ห์มากแต่บุคลิกของเธอมันดูไม่ค่อยเข้ากัน
“ถือว่าเป็เกียรติของพวกผมครับที่ได้เลี้ยงเหล้าคนสวย”
เย่จื่อเฉินยังไม่ทันได้อ้าปาก ซูอี้อวิ๋นก็ชิงพูดขึ้นก่อนแล้ว
หญิงสาวจึงนั่งลง เย่จื่อเฉินก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จึงทำได้แค่เงียบ
“เพื่อนนายนี่มันพวกเดียวกับนายจริงๆ ด้วย”
หลิวฉิงที่อยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วมุ่น เย่จื่อเฉินยิ้มขำ
ยัยนี่ก็ชอบปรักปรำเขาอยู่แล้ว เขาชินแล้วล่ะ
“คนสวยครับ ไม่ทราบว่าชื่ออะไรครับ?”
ซูอี้อวิ๋นเริ่มพูดคุยกับหญิงสาว หญิงสาวยกแก้วเหล้าขึ้นแล้วเม้มปากยิ้ม
“นายเรียกฉันว่าลูซี่ก็ได้”
“เหอะ ใช้ชื่อต่างชาติซะด้วย มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดีอะไร ก็แค่จิ้งจอกเ้าเล่ห์”
หลิวฉิงต่อว่าขึ้นมาเบาๆ อีกครั้ง แถมมือเล็กยังจับชายเสื้อของเย่จื่อเฉิน แล้วถลึงตาใส่
“ขอบอกไว้เลยนะ นายห้ามติดต่อกับยัยจิ้งจอกนี่เด็ดขาด เข้าใจไหม”
“...”
“ฉันถามนายอยู่นะ นายได้ยินหรือเปล่า”
หลิวฉิงเริ่มจะหงุดหงิด ปากเล็กเบะคว่ำมากกว่าเดิม
เย่จื่อเฉินทำหน้านึกสนุก แล้วพูดขึ้น
“ทำไมล่ะ ฉันว่าผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เลวนะ จะเป็สุนัขจิ้งจอกไปได้ยังไง”
“ฉันบอกว่าใช่ก็คือใช่ ถ้านายกล้าติดต่อกับเธอนายซวยแน่” หลิวฉิงเท้าเอวลอยอยู่กลางอากาศ จ้องมองเย่จื่อเฉินด้วยสายตากรุ่นโกรธ
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
เย่จื่อเฉินหัวเราะดังลั่น ทำเอาซูอี้อวิ๋นกับลูซี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ อึ้งกันไป
“เย่จื่อ หัวเราะบ้าอะไรเนี่ย!”
“โอ๊ะ! ขอโทษที”
เย่จื่อเฉินยกแก้วเหล้าขึ้นพร้อมกับยิ้มขอโทษ พอลูซี่เห็นเขา คิ้วก็ขมวดมุ่นเข้าด้วยกัน
ขนตางอนยาวของเธอกะพริบเบาๆ ราวกับกำลังนึกถึงอะไรบางอย่างอยู่
“นี่ คนนั้นน่ะ นายชื่ออะไรเหรอ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้