แม้จะคิดเช่นนั้น แต่โบราณกล่าวไว้กิเลสนำพาหายนะ เซี่ยยวี่หลัวรูปร่างดี หน้าตางดงาม เถ้าแก่ซ่งเป็เพียงปุถุชน ถูกเซี่ยยวี่หลัวล่อลวงก็ถือเป็เื่ธรรมดา
อย่างไรเสียจะมีบุรุษสักกี่คนที่เป็หลิ่วเซี่ยฮุ่ย! [1]
“ข้าถึงว่าทำไมเซียวเหลียงถึงให้เซี่ยยวี่หลัวมาช่วยรับซื้อผักตี้เอ่อหรือจะเป็ความ้าของเถ้าแก่ซ่ง? ”
“ข้าคิดว่าน่าจะใช่ตอนนั้นข้าไปหาเซียวเหลียงให้เขาเปลี่ยนตัวเซี่ยยวี่หลัว ให้ข้ากับเ้าไปช่วยรับซื้อผักตี้เอ่อแทนเ้าไม่เห็นว่าตอนนั้นเซียวเหลียงทำหน้าบึ้งตึงเสียยิ่งกว่าอะไร ปฏิเสธข้าโดยไม่คิดด้วยซ้ำไม่แน่ว่าอาจเป็ความ้าของเถ้าแก่ซ่งก็เป็ได้! ” พอเถียนเอ๋อคิดถึงเื่ที่ตอนนั้นตัวเองโดนเซียวเหลียงปฏิเสธภายในใจก็เกิดเพลิงโทสะขึ้น
“พวกเราก็มีผักตี้เอ่อหนึ่งตะกร้าไม่ใช่หรือ? พวกเราลองไปสืบดูที่เซียนจวีโหลว ดูว่าเื่เป็อย่างไรกันแน่ หากเซี่ยยวี่หลัวมีสัมพันธ์ชู้สาวกับเถ้าแก่ซ่งจริงพวกเรายังต้องวางแผนระยะยาว! ” เซียวจินครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว
เซียนจวีโหลวเป็ร้านเก่าแก่ในเมืองโยวหลันมีเงินร่ำรวย!
หากเขาจับจุดอ่อนของซ่งฉางชิงได้เช่นนั้น… แค่ลองคิดดู เซียวจินก็เห็นเงินทองจำนวนมากมายเหลือคณานับลอยไปลอยมาเหนือศีรษะตนเองแล้ว
เถียนเอ๋อเห็นว่าสามีตนเองคิดแผนการต่อจากนี้ไว้แล้วจึงรีบพยักหน้าพร้อมกล่าวว่าดี
ท่านปู่เซียวเคาะกล้องยาสูบทีหนึ่งหรี่ตาพร้อมเอ่ยถามเซียวเหลียง “เถ้าแก่ซ่งหาเ้ามีธุระ? ธุระอะไรงั้นหรือ? ”
จนถึงตอนนี้เซียวเหลียงก็ยังรู้สึกมึนงงใครจะรู้ว่าเป็ธุระอะไร ทว่า ซ่งฉางชิงนัดหมายเพื่อพบปะกับเขาเอง ย่อมต้องเป็เื่ดีไม่ใช่เื่ร้ายแน่
ต้องรู้ว่า ระหว่างคัดเลือกผู้จัดหาวัตถุดิบเมื่อหลายปีก่อนเขาไม่ได้พบหน้าซ่งฉางชิงด้วยซ้ำ!
บัดนี้ถึง่จังหวะสำคัญที่สัญญากำลังจะสิ้นสุดซ่งฉางชิงนัดพบกับเขา หรือว่า...
เซียวเหลียงยิ่งคิดยิ่งตื่นเต้นไม่รีรอช้า เขากลับตัวเมืองไปทันที กล่าวอำลาสองสามีภรรยาเซียวยวี่และเซี่ยยวี่หลัวก็พาท่านปู่เซียวไปแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวและเซียวยวี่คนหนึ่งเดินข้างหน้า อีกคนเดินข้างหลัง เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งคนหนึ่งอยู่ด้านซ้ายอีกคนอยู่ด้านขวา โอบแขนเซี่ยยวี่หลัวไว้ ส่งเสียงหัวเราะระหว่างเดินกลับบ้านอย่างมีความสุข
เซียวยวี่เดินตามด้านหลังเพียงลำพังพอเห็นเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ข้างหน้ากับเด็กสองคนพูดคุยหัวเราะกัน ก็เกิดความรู้สึกหดหู่และถูกทอดทิ้งอีกครั้ง!
ั้แ่กลับมา เด็กสองคนก็ไม่เกาะติดเขาแล้วเซี่ยยวี่หลัวกลับกลายเป็ผู้ที่เป็ที่รักที่สุดในบ้าน
ไม่ว่าจะเข้าบ้านหรือออกบ้านเด็กสองคนตามติดไม่ห่าง แม้กระทั่งเวลาเซี่ยยวี่หลัวอยู่ในบ้าน หากเด็กสองคนไม่เห็นเซี่ยยวี่หลัวก็จะตามหานางทันที
ภายในใจนอกจากความรู้สึกหดหู่แล้วก็เริ่มมีความรู้สึกยินดีเล็กน้อย
บัดนี้ครอบครัวกลมเกลียวเป็หนึ่งนี่คือสิ่งที่เขาเฝ้าใฝ่ฝันมาตลอดไม่ใช่หรือ!
ซ่งฝูขับรถม้ากลับเซียนจวีโหลวของบนรถม้าถูกขนย้ายลงอย่างรวดเร็ว ซ่งฝูรีบไปรายงานผลกับซ่งฉางชิง
“คุณชาย ครั้งนี้ข้าพบเซียวเหลียงที่หมู่บ้านสกุลเซียวแล้วขอรับบอกเขาเื่ที่ท่าน้าพบเขาแล้ว เขาบอกว่าวันนี้มีเวลาว่างก็จะมาพบท่านขอรับ!”
ซ่งฉางชิงถือสมุดบัญชีพยักหน้าอย่างเรียบสงบ “อืม”
เหมือนจะไม่ได้สนใจเื่นี้มากนัก
ซ่งฝูบอกเล่าเื่ราวประหลาดที่ตัวเองพบเจอในวันนี้“คุณชาย ข้ารู้สึกว่าฮูหยินเซียวผู้นั้นคิดบัญชีได้เก่งกาจมากขอรับ ข้าใช้ลูกคิดยังไม่เร็วเท่านางเลยขอรับ”
เมื่อครู่นี้ซ่งฉางชิงยังมีสีหน้าเรียบสงบชั่วพริบตาเดียวสีหน้าก็เปลี่ยนไป เขารีบวางสมุดบัญชีในมือลง เอ่ยถามอย่างสนอกสนใจ“หืม? อย่างไรงั้นหรือ? ”
เห็นได้ชัดว่ารู้สึกสนใจหัวข้อสนทนานี้เป็พิเศษ
พอคิดว่าหลายวันที่ผ่านมาคุณชายของตนเองนิ่งขรึมเกินไปไม่มีแก่ใจจะกล่าวอะไรด้วยซ้ำ คราวนี้ถึงกับไต่ถามเื่ราวต่อ ซ่งฝูย่อมบอกเล่าให้คุณชายฟังโดยละเอียด
“ที่ผ่านมาข้าคิดว่าเหตุที่ฮูหยินเซียวคำนวณได้เร็วถึงเพียงนั้นน่าจะเป็เพราะคำนวณไว้ล่วงหน้าแล้วไม่ใช่หรือขอรับ? ดังนั้น ครั้งนี้ข้าจึงจงใจนำตะกร้าหลายใบที่มีน้ำหนักต่างกันไปใส่นอกจากนั้น ยังจงใจชั่งน้ำหนักตะกร้าทีละใบ...” ซ่งฝูหัวเราะคิกคัก
เช่นนี้จงใจสร้างความลำบากให้ผู้อื่นไม่ใช่หรือ?
ซ่งฉางชิงเหลือบมองเขาแวบหนึ่งซ่งฝูรีบหยุดหัวเราะ กล่าวด้วยความเก้อเขิน “เดิมทีตะกร้าน้ำหนักต่างกัน ตอนคำนวณควรต้องใช้เวลาใครจะคาดคิด ยังไม่เห็นเด็กคนที่อยู่ข้างๆ ขยับพู่กัน ฮูหยินเซียวไม่จำเป็ต้องดูตัวเลขด้วยซ้ำก็ขานน้ำหนักรวมออกมาแล้ว จินละห้าอีแปะ ก็คำนวณออกมาได้อย่างรวดเร็ว เวลานั้นข้าเพิ่งคำนวณถึงน้ำหนักรวมของผักตี้เอ่อเท่านั้นเองขอรับ!”
ซ่งฝูกล่าวถึงตรงนี้ ก็รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย
อย่างน้อยเขาติดตามคุณชายได้ประสบพบเจอ ผ่านประสบการณ์ทำงานมานานหลายปี ใครจะรู้ว่ายังเทียบกับสตรีที่อายุน้อยกว่าเขาหลายปีไม่ได้ด้วยซ้ำเกิดความรู้สึกท้อแท้ประหนึ่งเสียเวลาเรียนไปหลายปี
ช่างน่าอัปยศเสียจริง!
ซ่งฝูก้มหน้า แสดงสีหน้าท้อแท้ไม่เห็นประกายยิ้มแย้มที่ปรากฏตรงหางตาของซ่งฉางชิงแม้แต่น้อย ถึงจะดูเบาบาง ทว่า แม้แต่ั์ตาที่ปกติเข้มงวดเคร่งขรึมมาตลอดยังฉายประกายยิ้มแย้ม
ในชั่วพริบตาที่ซ่งฝูเงยหน้ารอยยิ้มนั่นพลันหายไปจนสิ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าความเบิกบานเมื่อครู่ไม่เคยปรากฏ
“คุณชาย ท่านว่าฮูหยินเซียวผู้นี้คำนวณได้อย่างไรกันแน่ขอรับ? นางไม่ได้จดบันทึกตัวเลขด้วยซ้ำอาศัยเพียงความจำ จะคำนวณได้เร็วขนาดนั้นเชียวหรือขอรับ? ช่างน่าเหลือเชื่อนัก” ถึงแม้ซ่งฝูจะสงสัย แต่ก็รู้สึกนับถือเซี่ยยวี่หลัว
ซ่งฉางชิงยกสมุดบัญชีตรงหน้าขึ้นอีกครั้งกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “เ้าไม่เคยได้ยินประโยคที่ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคนงั้นหรือ? คนที่เก่งกว่าพวกเรายังมีอีกมาก”
ซ่งฝูขมวดคิ้ว “ข้าเชื่อคำพูดประโยคนี้ขอรับเพียงแต่ คุณชาย ข้ารู้สึกสงสัยมาก ฮูหยินเซียวผู้นี้ ดูจากท่าทางอายุเพียงสิบห้าถึงสิบหกปีตามหลักแล้วสตรีจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเื่การคิดคำนวณ ในเมื่อนางไม่เคยยุ่งเกี่ยวแล้วเรียนรู้ได้อย่างไรขอรับ? ต่อให้เคยเรียนแต่ปกตินางก็ใช่ว่าจะต้องคิดบัญชีเหมือนเรา เมื่อไม่ได้ใช้ เหตุใดถึงคิดคำนวณได้เร็วถึงเพียงนั้นและยังแม่นยำถึงเพียงนั้น หรือว่าท่านไม่รู้สึกสงสัยขอรับ? ”
“กลับไปทำงานได้แล้ว”ซ่งฉางชิงกล่าวอย่างเรียบสงบ
เห็นว่าคุณชายหมดความสนใจแล้วซ่งฝูได้แต่เม้มปาก ไม่กล่าวอะไรอีก เพียงกล่าวลาก็ออกไปแล้ว
ประตูถูกปิดเบาๆ ซ่งฉางชิงวางสมุดบัญชีลงขมวดคิ้วเล็กน้อย คิ้วเข้มที่ดูดีขมวดมุ่นราวกับว่ามีเื่ราวภายในใจนับพันนับหมื่น
เขาย่อมรู้สึกสงสัย
ทุกอย่างที่เกี่ยวกับนางเขาล้วนรู้สึกสงสัย เพียงแต่ สงสัยแล้วจะทำอะไรได้?
สุดท้ายก็เป็เื่ของคนอื่น!
ซ่งฉางชิงหยิบสมุดบัญชีขึ้นอีกครั้งหมายจะสลัดจินตนาการที่ไม่เป็จริงในห้วงความคิดทิ้งไป รวบรวมสมาธิเพื่อตรวจดูบัญชีของวันนี้เพียงแต่ เื่ในใจที่ถูกคนอื่นสะกิดให้คิด เหมือนหยั่งรากแตกหน่ออยู่ในใจก็มิปานทำอย่างไรก็ไม่อาจสลัดทิ้งไปได้
เขาคงเสียสติไปแล้วจริงๆ
เชิงอรรถ
[1] หลิ่วเซี่ยฮุ่ย ในยุคสมัยชุนชิวจ้านกั๋ว มีเื่เล่าว่าในหลู่กั๋วมีบุคคลนามหลิ่วเซี่ยฮุ่ยที่สวมกอดสตรีผู้เลอโฉมเพื่อให้ความอบอุ่นตลอดคืนแต่ไม่ได้ล่วงเกินสตรีนางนั้นแม้แต่น้อย จึงได้รับการกล่าวขานว่าเป็บุรุษผู้มีคุณธรรมสูงส่งมีจิตใจแน่วแน่มั่นคง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้