ณ จวนตระกูลจื่อ
“ลูกข้า… เ้าหมายที่จะเข้าร่วมงานประลองรุ่นเยาว์แคว้นลี่หรือไม่?” จื่อเทียนหลางถาม
“แน่นอนงานนี้ข้าต้องลงแข่งด้วยอยู่แล้วขอรับท่านพ่อ ใจท่านเองก็คงจะอยากให้ข้าเข้าร่วมด้วยอยู่แล้ว ข้าจะปฏิเสธท่านได้อย่างไร” จื่อต้าหลงกล่าวยิ้มๆ
“แน่นอนพ่อย่อมอยากให้เ้าเข้าร่วมเพียงแค่ได้เข้าร่วมแล้ว ติดอันดับร้อยคนแรกก็สร้างชื่อเสียงให้ตระกูลเรามากมายแล้ว มันจะส่งผลดีต่อธุรกิจของเราทั้งตระกูล” จื่อเทียนหลางกล่าวอธิบาย
“ตอนนี้เ้าฝึกไปถึงขั้นไหนแล้วรึ?” จื่อเทียนไห่ลุงใหญ่ของเด็กหนุ่มถามขึ้น
“เรียนท่านลุง หลานเข้าสู่ลมปราณจิตขั้นที่สองแล้วขอรับ” จื่อต้าหลงกล่าว
ได้ยินดังนั้น… จื่อเทียนหลางและจื่อเทียนไห่ถึงกับผงะ ดวงตาเบิกกว้าง
“ว่าไงนะ!! เ้าเข้าสู่ลมปราณจิตขั้นที่สองแล้วงั้นรึ?” ทั้งสองแทบจะะโพร้อมกัน
จื่อต้าหลงใช้วิธีปลดปล่อยคลื่นพลังลมปราณจิตขั้นที่สองออกมาแทนคำพูด
นี่… ทำให้คนทั้งสองยิ่งตกตะลึงเข้าไปอีก!
“เ้าใช้เคล็ดซ่อนลมปราณขั้นสูงได้แล้วสินะ ถึงขั้นหลอกสายตาพวกข้าได้ เ้านี่มันแสบยิ่งนัก คิดจะเล่นเป็หมูกินเสืองั้นหรือ? หึๆ ดีมาก… รู้จักซ่อนเร้นพลังไว้ป้องกันตัว… วัยเยาว์ไม่ทะนงตนโอ้อวด… ข้าคงไม่ต้องสอนอะไรเ้ามากนัก ฮ่าๆๆๆ” จื่อเทียนหลางกล่าวพร้อมหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ โดยทั่วไปเหล่าผู้ฝึกยุทธรุ่นเยาว์ทั้งหลายมักจะแข่งกันเพื่อชื่อเสียงและอำอาจอยู่เสมอ หากมีพลังในระดับนี้ย่อมต้องโอ้อวดไปทั่วแดนดิน พวกมันมักเย่อหยิ่งทะนงตน และดูถูกผู้ที่ด้อยกว่า แต่จื่อต้าหลงกลับไม่มีความเย่อหยิ่งให้เห็นเลยแม้แต่นิด!
“หลานลุงช่างเก่งกาจยิ่ง เ้าเทียบได้กับพวกอัจฉริยะในอาณาจักรใหญ่ๆเลย” จื่อเทียนไห่กล่าวชมเชย
“เอาล่ะ ข้ารู้ว่าเ้ากลับมารอบนี้ หวังพบท่านย่าเ้าอีกตามเคยล่ะสิ” จื่อเทียนหลางกล่าว
“แหมม ท่านพ่อท่านช่างรู้ใจลูกยิ่งนัก งั้นลูกขอลาท่านลุงใหญ่กับท่านพ่อไปหาท่านย่าก่อน” จื่อต้าหลงกล่าวพร้อมกับประสานมือคารวะให้แก่ทั้งสองคน
หลังจากนั้นเขาก็รีบบึ่งไปจวนท่านย่าทันที
ณ จวนท่านย่า
“ท่านย่าจ๋าาา ข้ากลับมาแล้ว” จื่อต้าหลงกล่าวอ้อนั้แ่หน้าทางเข้า เขาเห็นหญิงชรารดน้ำให้ต้นไม้อยู่ในสวน เห็นดังนั้นจึงรีบบึ่งไปกอดนางพร้อมกับหอมแก้มฟอดใหญ่
“เอาล่ะๆ พอแล้วเ้าหนู เ้าเองก็โตเป็หนุ่มแล้ว ยังทำตัวเป็เด็กไปได้” จื่อเหมยกล่าวอย่างเอ็นดู
“ข้าคิดถึงท่านแทบแย่แล้ว ไม่ได้มาหาเสียนานเลย” จื่อต้าหลงกล่าว
“เ้าฝึกฝ่ามือัม่วงไปถึงไหนแล้ว?” หญิงชราถาม
“เรียนท่านย่า ัม่วงทะยานฟ้า กับปราการัม่วงของข้าฝึกไปถึงขั้นกลางระดับสูงแล้วขอรับ” จื่อต้าหลงกล่าว
“ยอดเยี่ยมมาก งั้นคงได้เวลาแล้วที่ย่าจะสอนท่าต่อไปให้เ้าแล้ว เอาล่ะตามย่ามาสิ” หญิงชรากล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
นางเดินนำส่วนจื่อต้าหลงเดินตาม ไม่นานนัก… ก็มาถึงลานฝึกของตระกูลจื่อ ที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบเป็อย่างมาก เพราะอยู่ในบริเวณของจวนท่านย่า สมาชิกคนอื่นไม่ได้รับสิทธิ์ให้เข้ามาป้วนเปี้ยน นางนำเขามาถึงลานฝึกแห่งนึง ที่นี่ค่อนข้างกว้างขวาง มีก้อนหินใบไม้ระเกะระกะเต็มไปหมด เหมือนลานที่ถูกทิ้งร้าง นางเดินไปยังจุดกึ่งกลานลานฝึก
“เอาล่ะ เ้าคอยดูย่าให้ดี” หญิงชรากล่าวจบก็เร่งพลังปราณขึ้นมาโคจรวิชาฝ่ามือัม่วงท่าที่สาม
กระบวนท่าัคลั่งแปดคำราม!!
“ฟู่มมมม!!!”
คลื่นพลังปราณอันเกรี้ยวกราดที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแผ่ขยายออกมารอบตัวหญิงชรา จากนั้นจึงก่อตัวเป็ัแปดตัวพุ่งทะยานออกไปดั่งใจนึก กระบวนท่านี้จะเหมือนเป็การปล่อยท่าัม่วงทะยานฟ้าออกมาแปดตัวพร้อมกัน บินร่อนไปทุกทิศทางรอบตัวตามใจผู้ใช้ ขณะนี้จุดที่หญิงชรายืนอยู่ทั้งก้อนหินใบไม้ที่ระเกะระกะต่างหายไปสิ้น!! แม้กระบวนท่านี้ที่หญิงชราใช้จะดูอ่อนโยนยิ่งนักแต่นั้นเป็เพราะนางออมพลังไว้ ไม่งั้นป่านนี้ รอบตัวคงพังพินาศสิ้น จื่อต้าหลงเองก็ถึงกับเกือบจะปลิวไปตามแรงลมของกระบวนท่านี้ หญิงชรานับว่าเป็ยอดยุทธผู้น่าหวาดหวั่นคนนึงในตระกูลอย่างแท้จริง
“เห็นแล้วใช่หรือไม่? นี่คือฝ่ามือัม่วงท่าที่สาม ัคลั่งแปดคำราม… เ้าเองก็ลองฝึกฝนดู” ท่านย่ากล่าวยิ้มๆ
“สะ…สุดยอดเลยขอรับท่านย่า กระบวนท่านี้ร้ายกาจยิ่งนัก ใช้หนึ่งต้านสิบยังได้เลย หากตกอยู่กลางวงล้อมศัตรู ข้าก็ไม่จำเป็ต้องหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว” จื่อต้าหลงกล่าวอย่างยินดี เมื่อได้เห็นอานุภาพของกระบวนท่าัคลั่งแปดคำราม
หลังจากลองฝึกอยู่ ครึ่งค่อนวัน เด็กหนุ่มก็สามารถปลดปล่อยัจิ๋วแปดตัว ออกมารอบทิศทางได้แล้ว นับได้ว่าตอนนี้เขาเกือบจะบรรลุขั้นแรกแล้ว หากได้ฝึกอีกสักพัก คงได้ไม้ตายเพิ่ม เวลาออกไปท่องยุทธภพ แล้วโดนกลุ้มรุม ด้วยกระบวนท่านี้จะเหมาะสมมากในการกำจัดศัตรูหมู่มาก
จื่อเหมยค่อนข้างแปลกใจกระบวนท่านี้เป็ท่าที่ฝึกยากมาก ตอนนางฝึกกว่าจะบรรลุถึงขั้นนี้ต้องใช้เวลาร่วมเดือน แต่จื่อต้าหลงกลับใช้แค่ครึ่งค่อนวัน มีหลานที่เก่งกาจถึงเพียงนี้นางเองก็รู้สึกภาคภูมิใจ โดยปกติแล้วจื่อต้าหลงโตมากับท่านย่า เขาเลยติดท่านย่าเป็พิเศษ เพราะบิดากับมารดาเองก็ยุ่งจากงานในตระกูลเลยทำให้ไม่มีเวลาให้เขามากนัก
วัยเยาว์เด็กหนุ่มถูกเลี้ยงดูมาโดยจื่อเหมย นางทั้งเอาอกเอาใจ คอยเล่นด้วย ทั้งสอนหนังสือ หาตำรา นิยายปรัมปรา อื่นๆมาให้เข้าได้อ่านเขาจึงถูกเลี้ยงดูมาด้วยความอบอุ่น แม้แต่จื่อเทียงหลางก็มิอาจตบตีจื่อต้าหลงได้อย่างซี๊ซั๊วไม่งั้นเขาเองก็จะงานเข้าเช่นกัน
“เอาล่ะ ในเมื่อเ้าเรียนรู้แล้วต้องรู้จักใช้สิ่งที่เรียนรู้ไปให้เกิดประโยชน์ที่สุด ย่าเองก็ได้แค่พูดกล่าวเตือนเ้า เ้าเองก็โตแล้วคงจะคิดเองได้” หญิงชรากล่าวด้วยสุ้มเสียงสงบนิ่ง
“ขอรับท่านย่าหลานรับรองว่าหลานจะนำสิ่งที่ท่านสอนไปใช้ในทางที่ถูกต้อง”
เด็กหนุ่มเองก็แปลกใจ ด้วยความสามารถทางสายเืของตระกูลเขาช่างเหมาะแก่การต่อสู้ยิ่งนักแต่กลับเฉิดฉายอยู่แค่ในเมืองเล็กๆ แต่ก็ด้วยเพราะเป็วิชาที่ฝึกยากจึงมีน้อยคนนักที่จะบรรลุระดับสูงได้ เขาเองก็พอเข้าใจในจุดนี้
“ไปพักผ่อนเสียเถอะ ฝึกมากเกินไปก็ใช่ว่าจะเป็เื่ดีเสมอไป” หญิงชรากล่าวแนะนำ
“ขอรับ เช่นนั้น…. ข้าขอลา”
หลังจากร่ำลาท่านย่าเสร็จ จื่อต้าหลงก็ไปซื้อสุราที่หอเมฆแดงมาดื่มพร้อมกับเดินชมบรรยากาศยามค่ำภายในเมือง ภายในใจคิดว่า ยังมีอีกหลายเมืองนักที่เขายังไม่เคยไป ทุกเมืองจะมีสีสันแบบไหนกันบ้างนะ? จะเหมือนเมืองแห่งนี้หรือเปล่า? ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งอยากออกไปท่องยุทธภพ จื่อต้าหลงเคยอ่านแต่ในตำรา ยังไม่เคยเห็นด้วยตัวเอง เขาเดินไปดื่มไป คิดไปต่างๆนานา เด็กหนุ่มพยายามค้นหาตัวเองว่าอยากทำสิ่งใดมากที่สุดในเวลานี้
ได้ประชันฝีมือกับเหล่ายอดยุทธทั่วหล้า ออกท่องยุทธจักรชีวิตมีอิสระเสรีภาพ ได้พบเจอผู้คนใหม่ๆ ได้ร่ำสุรา นี่คือสิ่งที่เด็กหนุ่มคาดหวังในตอนนี้ วิชายุทธยิ่งฝึกฝนก็ยิ่งสนุก มันทำให้เขาเริ่มชอบที่จะประลองฝีมือกับผู้อื่นมากขึ้น คนในยุทธภพ ล้วน้าความแข็งแกร่งด้วยกันทั้งสิ้น พวกเขาสามารถทำได้ทุกวิถีทางให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ยุทธภพของจริงล้วนมีแต่อันตรายแอบแฝงอยู่ทุกที่
แม้จื่อต้าหลงยังไม่เคยท่องยุทธภพแต่เขาก็อ่านจากตำรามาว่ายุทธภพเต็มเปี่ยมไปด้วย มีทั้งพยัคฆ์ซุ่มัซ่อน ถ้าไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้! เขายังอดนับถือพี่ใหญ่เขาไม่ได้เลย นางออกท่องยุทธภพ ั้แ่อายุยี่สิบปี จื่อต้าหลงกับพี่หญิงใหญ่นั้นอายุห่างกันถึงเจ็ดปี จื่อต้าหลงอายุสิบห้าก็เท่ากับว่านางยี่สิบสอง นางได้ออกท่องยุทธภพได้ถึงห้าปีเต็มแล้ว แต่ดูเหมือนจะยังสบายดีส่งจดหมายมาบ้านทุกสามเดือน เด็กหนุ่มอยากเดินตามรอยพี่ใหญ่ของเขา ยุทธภพช่างกว้างใหญ่และน่าค้นหาเป็อย่างมาก เขาเริ่มหลงไหลในเส้นทางนี้แล้ว ่หลายปีที่ผ่านมานี้จึงขยันฝึกฝนเป็พิเศษ หากออกท่องโลกกว้างด้วยฝีมือต่ำตม นั่นไม่เท่ากับฆ่าตัวตายหรือ?
ภายในใจของเด็กหนุ่มหวังแค่เพียงให้เอาตัวรอดในยุทธภพได้อย่างปลอดภัย… พอได้คิดว่างานประลองรุ่นเยาว์อาณาจักรลี่จะมาถึงแล้ว เขาเองก็ชักตื่นเต้นขึ้นมาบ้างแล้ว….. เมืองขุนเขาเองจัดอยู่ในอาณาจักรัหลับที่ห่างไกลเมืองหลวง ส่วนในอาณาจักรลี่ก็มากมายไปด้วยหลายเมือง เห็นทีงานนี้คงต้องเอาจริงบ้างเสียแล้ว….
