ณ หอคัมภีร์ หุบเขาเทียนอวิ่น
ภายในหอคัมภีร์แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่เก็บรวบรวมเคล็ดวิชาของสำนักศึกษา แต่เป็สถานที่ที่รวบรวมคัมภีร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเื่ราวในตำนาน ชีวประวัติ ประวัติศาสตร์ ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์และเื่ราวมากมายเกี่ยวกับดินแดนเป่ยหยวน
มู่เฟิงพลิกหน้าตำราเกี่ยวกับภูมิศาสตร์เพื่อมองหาสถานที่สักแห่งที่น่าสนใจ ในที่สุดก็มีสถานที่แห่งหนึ่งดึงดูดความสนใจของเขา
“อาณาจักรเหลยอวี่...”
ดวงตาของมู่เฟิงเป็ประกายขึ้นมาทันที เขารีบพลิกตำราเพื่อดูเนื้อหาเกี่ยวกับอาณาจักรเหลยอวี่อย่างรวดเร็ว
อาณาจักรเหลยอวี่เป็หนึ่งในอาณาจักรที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของดินแดนเป่ยหยวน โดยอำนาจของอาณาจักรนี้อยู่ในระดับเดียวกันกับอาณาจักรหนานหลิง
แม้ว่าอาณาจักรเหลยอวี่จะมีทั้งหมดสี่ฤดู แต่ส่วนใหญ่แล้วฝนจะตกตลอดทั้งปี ทำให้มีพายุฝนฟ้าคะนองอยู่บ่อยครั้ง
กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรเหลยอวี่คือสำนักเหลยอวี่ ซึ่งความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นเกือบจะเทียบเคียงได้กับหกสำนักศึกษาใหญ่เลยทีเดียว
แต่หลังจากมู่เฟิงได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับสำนักเหลยอวี่เขาก็ต้องใ
เ้าสำนักคนปัจจุบันของสำนักเหลยอวี่คือผู้แข็งแกร่งระดับหลิงไห่ นามว่าหลิ่วเชียนเย่!
หลิ่วเชียนเย่!
หลังจากเห็นนามนี้ ภาพเงาร่างของใครคนหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว ชายชราที่เขาเคยพบก่อนหน้านี้ วันนั้นบนเทือกเขาอันหนานเขาได้พบชายชราที่ได้รับาเ็สาหัสคนหนึ่ง อีกฝ่ายจวนจะสิ้นลมแล้ว แต่ก่อนตายอีกฝ่ายได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาลับที่ทรงพลังจนน่าใให้กับเขาหนึ่งวิชา นั่นก็คืออัสนีบาตย่ำแปดทิศ!
ชายชราผู้นั้นก็มีนามว่าหลิ่วเชียนเย่เหมือนกันไม่ใช่หรือ?
“อาจารย์เชียนเย่...”
มู่เฟิงใเล็กน้อย จากนั้นเขาก็รีบอ่านข้อมูลเกี่ยวกับหลิ่วเชียนเย่ต่อทันที ในบันทึกได้อธิบายเพิ่มว่าอีกฝ่ายมีเคล็ดวิชาลับที่สามารถช่วยเพิ่มพูนพลังขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เรียกว่าอัสนีบาตย่ำแปดทิศ!
เมื่อได้อ่านข้อมูลนี้ มู่เฟิงก็มั่นใจทันทีว่าชายชราที่เสียชีวิตลงในวันนั้นก็คือหลิ่วเชียนเย่ เ้าสำนักเหลยอวี่
นอกจากหลิ่วเชียนเย่เ้าสำนักเหลยอวี่แล้ว ในบันทึกยังมีข้อมูลเกี่ยวกับสำนักเหลยอวี่ถึงคนผู้หนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของมู่เฟิง
บุตรชายบุญธรรมของหลิวเชียนเย่ นามว่าหลิ่วฉิง! อีกฝ่ายเป็ผู้แข็งแกร่งระดับหยวนตานขั้นแปด เป็อัจฉริยะที่รู้จักกันดีในอาณาจักรเหลยอวี่ อายุยังไม่ถึงห้าสิบปีก็สามารถก้าวขึ้นสู่ระดับหยวนตานขั้นแปดได้แล้ว และเขายังเป็ผู้สืบทอดตำแหน่งของหลิวเชียนเย่อีกด้วย
เมื่อมู่เฟิงเห็นชื่อของคนผู้นี้ ในใจของเขาก็มีจิตสังหารปรากฏขึ้นในทันที
หลิ่วฉิงไม่ใช่แค่สังหารหลิ่วเชียนเย่ แต่เดรัจฉานตัวนี้ยังสังหารอาจารย์ของเขา สังหารพ่อบุญธรรมของตัวเองด้วย
ก่อนหน้านี้มู่เฟิงได้สาบานต่อหน้าหลุมศพของหลิวเชียนเย่แล้วว่าหากวันหนึ่งเขาแข็งแกร่งมากพอ เขาจะสังหารหลิ่วฉิงเพื่อแก้แค้นให้กับอาจารย์ของเขา
ก่อนตายหลิวเชียนเย่เคยบอกเขาเอาไว้ว่าวันหนึ่งเมื่อเขามีกำลังมากพอ ให้เขาเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่าเหลยฉือ โดยสถานที่แห่งนั้นมีของบางอย่างที่เขา้ามอบให้แก่มู่เฟิง และเมื่อเขาค้นหาข้อมูลในตำราต่อก็ได้พบกับที่ตั้งของเหลยฉือ และพบว่าสถานที่แห่งนั้นเป็แหล่งกำเนิดพลังฟ้าดินธาตุสายฟ้า
เนื่องจากภายในอาณาจักรเหลยอวี่มีพลังธาตุสายฟ้าเข้มข้นอย่างมาก ส่งผลให้ในทุกฤดูมีฟ้าคะนองตลอดทั้งปีและเอื้อประโยชน์ต่อการสร้างพลังกังชี่ธาตุสายฟ้า
มู่เฟิงยังคงอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับอาณาจักรเหลยอวี่ในตำราเล่มนั้นต่อไป จนกระทั่งมีสถานที่หนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของมู่เฟิงอีกครั้ง
“เหลยหลิน!”
ไม่ผิดแน่ เป็เหลยหลิน!
ภายในอาณาจักรเหลยอวี่มีสถานที่ประหลาดแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยพลังธาตุสายฟ้าและสัตว์อสูรธาตุสายฟ้าจำนวนมาก ซึ่งภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนั้นจะมีสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกกันว่าเหลยฉือ เป็สถานที่ต้องห้ามของสำนักเหลยอวี่ คนธรรมดาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป
“เหลยหลิน...เหลยฉือ...”
มู่เฟิงยกมือขึ้นลูบคางตัวเองขณะครุ่นคิด ก่อนจะเผยรอยยิ้มยินดีออกมา
เวลานี้เด็กหนุ่มกำลังมองหาสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังธาตุสายฟ้า แน่นอนว่าเหลยหลินเป็ตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุดในดินแดนเป่ยหยวน
หลังจากมู่เฟิงอ่านจบก็ปิดตำรา ขณะนี้เขามีที่หมายในใจเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มไม่เสียเวลาอีกต่อไป เขาออกจากหอคัมภีร์เพื่อกลับไปเตรียมตัวทันที
แผ่นยันต์ โอสถและสิ่งของจำเป็ต้องถูกเตรียมพร้อมให้เรียบร้อย นอกจากนี้เขายังต้องซื้อแผนที่ของอาณาจักรเหลยอวี่ติดตัวไปด้วย
“พี่เฟิง ครั้งนี้ท่านไม่้าให้พวกเราไปด้วยจริงหรือ?”
มู่ขวงเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว ตอนนี้ข้าก็ก้าวขึ้นสู่ระดับหนิงกังแล้ว ส่วนเสี่ยวขวงก็ไม่ได้อ่อนแอ บางทีพวกเราอาจจะสามารถช่วยอะไรท่านได้บ้าง”
ไป๋จื่อเยว่กล่าวเสริม
“ไม่ต้องหรอก พวกเ้าอยู่ที่นี่แล้วฝึกฝนให้ดีเถอะ อย่าให้การฝึกของพวกเ้าต้องล่าช้าเพราะเื่ของข้าเลย ไปคราวนี้อย่างเร็วหนึ่งเดือนข้าก็กลับมาแล้ว”
มู่เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะพาดดาบไว้บนหลัง ในขณะเดียวกันเสี่ยวเทียนซึ่งอยู่ด้านข้างก็กลายร่างเป็งูเจียวสีขาวตัวใหญ่ลอยอยู่บนอากาศ
“เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นพี่เฟิงก็ดูแลตัวเองด้วย”
ทั้งสองคนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
มู่เฟิงะโขึ้นไปบนหลังของเสี่ยวเทียนที่ลอยอยู่เหนือพื้นดินราวๆ สิบเมตร
“โฮก…!”
เสี่ยวเทียนเปล่งเสียงคำราม ร่างของมันแผ่คลื่นพลังปราณสีแดงสลับขาวออกมาขณะบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับมู่เฟิง
เด็กหนุ่มเหยียบยืนอยู่บนหลังของงูเจียวตัวใหญ่ั์พลางสะพายดาบเล่มใหญ่ไว้ด้านหลัง สายตาของเขาจ้องมองไปยังดวงอาทิตย์สีแดงที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา เส้นผมสีขาวของเขาสะท้อนกับแสงอาทิตย์ที่หักเหจนเปล่งประกายหลากสีสัน ส่วนเสื้อคลุมสีดำก็กำลังปลิวไสวไปตามแรงลม
อาณาจักรเหลยอวี่ตั้งอยู่ห่างจากสำนักศึกษาเทียนอวิ่นเกือบสี่พันลี้ ถือว่าเป็ระยะทางที่ไกลพอสมควร แต่ด้วยความเร็วในการบินของเสี่ยวเทียน มันสามารถไปถึงอาณาเขตของอาณาจักรเหลยอวี่ได้ภายในเวลาครึ่งวัน
มู่เฟิงเดินทางผ่านูเาและแม่น้ำมากมาย ตลอดการเดินทางเขาไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายเลยแม้แต่น้อย กระทั่งเกือบถึง่บ่าย ในที่สุดมู่เฟิงก็เดินทางมาถึงเขตแดนของอาณาจักรเหลยอวี่เป็ที่เรียบร้อย
เวลานี้อาณาจักรเหลยอวี่อยู่ใน่คิมหันต์ฤดู แต่มันยังคงมีฝนฟ้าคะนอง สภาพอากาศรอบตัวของเด็กหนุ่มเริ่มเปลี่ยนสีไปทีละน้อย บนท้องฟ้าอันไกลโพ้นมีกลุ่มเมฆครึ้มลอยปกคลุมอย่างหนาแน่น และมีฟ้าแลบกับเสียงคำรามดังก้องเป็ระยะ
ความรุนแรงของสายฟ้านั้นสามารถดูได้จากสีของมัน สายฟ้าสีขาวเป็เพียงสายฟ้าธรรมดาทั่วไป ส่วนสายฟ้าสีน้ำเงินเป็สายฟ้าที่มีความรุนแรงขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ จากนั้นจะเป็สายฟ้าสีแดง และสายฟ้าสีม่วงที่ทรงพลังมากที่สุด
ขณะนี้เสี่ยวเทียนกำลังบินอยู่ในความสูงเหนือระดับน้ำทะเลราวๆ สองพันเมตร เสียงฟ้าคำรามดังกึกก้องไปทั่ว นอกจากนี้ยังสามารถััได้ถึงกระแสสายฟ้าที่กำลังสั่นไหวอยู่ในอากาศ
เมื่อมู่เฟิงเห็นมวลเมฆตรงหน้าที่มีสายฟ้าก่อตัวอยู่ไม่มากนัก สีหน้าของเด็กหนุ่มก็เผยให้เห็นถึงความยินดี ทันใดนั้นปีกสีแดงโลหิตคู่หนึ่งก็งอกออกมาจากแผ่นหลังของเขา มู่เฟิงกระพือปีกบินตรงเข้าไปในเมฆกลุ่มนั้นที่มีฟ้าคะนองทันที
“อัสนีบาตย่ำแปดทิศ!”
เมื่อมู่เฟิงเริ่มโคจรเคล็ดวิชาอัสนีบาตย่ำแปดทิศ พลังสายฟ้าและพลังฟ้าดินธาตุสายฟ้าที่โอบล้อมอยู่โดยรอบก็เริ่มรวมตัวกันกลายเป็สายฟ้าสีขาวจำนวนมาก จากนั้นพวกมันก็กระหน่ำฟาดเข้าใส่ร่างของมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
“อ๊าก…!”
มู่เฟิงเปล่งเสียงคำรามออกมาจนดังก้องไปทั่วฟ้า
พลังสายฟ้าที่บรรจุอยู่ในมวลเมฆหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของมู่เฟิง ร่างกายของเด็กหนุ่มถูกพลังสายฟ้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเส้นผมสีขาวของเขาถึงกับตั้งตรง
จากนั้นไม่นานพลังสายฟ้าในกลุ่มก้อนเมฆก็เริ่มลดน้อยลง เพราะถูกรวบรวมเข้าสู่ร่างกายของมู่เฟิงแล้ว พลังสายฟ้าเ่าั้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเด็กหนุ่ม จนกระทั่งสายฟ้าเส้นที่ห้าถูกควบแน่นขึ้นภายในร่างของมู่เฟิงในที่สุด
ซึ่งมันหมายความว่าเวลานี้มู่เฟิงได้ฝึกฝนอัสนีบาตจนบรรลุถึงขั้นที่ห้าแล้ว หากเขาะเิพลังทั้งหมดออกมา อานุภาพพลังของเขาจะสามารถเพิ่มขึ้นเป็ห้าเท่าได้ภายในเวลาชั่วพริบตา และแน่นอนว่าพลังสะท้อนกลับของมันก็รุนแรงขึ้นถึงสองส่วน
ก่อนหน้านี้ซีเยว่ได้ปรับเปลี่ยนเคล็ดวิชานี้ของเขาเล็กน้อย ทำให้อานุภาพพลังที่ต่ำกว่าขั้นสี่จะไม่ได้รับผลกระทบจากพลังการสะท้อนกลับ เพราะพลังเ่าั้จะกระจายตัวไปตามเส้นลมปราณแทน แต่สำหรับอานุภาพพลังที่เหนือกว่าขั้นสี่ขึ้นไป แน่นอนว่ามันไม่อาจกระจายพลังสะท้อนกลับได้อย่างสมบูรณ์