โอกาสรอดมีเพียงหนึ่งในสิบส่วน ฟังดูแล้วไม่ต่างจากเอาชีวิตไปทิ้ง อีกทางเลือกคือปลอดภัยกลับไปพร้อมกับสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์และทรัพย์สมบัติใช้กี่ชาติก็ไม่มีวันหมด เมื่อไม่กล้าเลือกบานประตูทั้งสิบ หัวใจจะเกิดความกลัวขึ้นและไม่สามารถที่จะมีหัวใจของยอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงได้
“แหะๆ!” เมื่อเห็นว่าเย่ชิงหานพอเข้าใจแล้วลู่ซีจึงยิ้มและพูดขึ้น “ถูกต้อง ความจริงแล้วด่านแรกมีไว้ทดสอบอุปนิสัยและคุณธรรมของผู้เข้าทดสอบ จิตใจไม่มีคุณธรรม อุปนิสัยใจคอไม่ดีจะถูกคัดออกไปโดยอัตโนมัติ ด่านที่สองมีไว้ทดสอบศักยภาพแฝงและพร์ของผู้เข้าทดสอบ แน่นอนว่านายท่านผู้สร้างคงไม่เลือกเอาพวกขยะไร้พร์มาเป็ผู้สืบทอด
ด่านที่สามมีไว้ทดสอบความอดทนอดกลั้น สติปัญญา และหัวใจของยอดฝีมือผู้แข็งแกร่ง ไม่มีความยืนหยัดอดทนในการฝึกฝนเส้นทางแห่งเทพเดินไปได้ไม่ไกล ไม่มีสติปัญญาเพียงพอขึ้นไปยังดินแดนแห่งเทพไม่ช้าเร็วก็ต้องตาย และไม่มีหัวใจของยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งไม่มีทางที่จะกลายเป็ยอดฝีมือที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้วยิ้มเยาะต่อสรรพสิ่งและผู้คนในใต้หล้าได้!”
ประเสริฐ!
ในตอนนี้เย่ชิงหานนับว่าเข้าใจทุกสิ่งอย่างได้ทั้งหมดแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาในตัวหุนตี้มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ แต่เขาไม่ได้คิดอะไรมากในเื่นี้ ตอนนี้ภายในใจของเขานอกจากความปีติยินดีอย่างบ้าคลั่งแล้วก็มีเพียงจิตใจเร่งรีบที่อยากจะ... กลับบ้านเพียงเท่านั้น!
เย่ชิงหานถูมือไปมากลืนน้ำลายลงคอแล้วหัวเราะแหะๆ ก่อนจะพูดขึ้น “แล้ว...ท่านผู้าุโ เมื่อไหร่ข้าถึงจะกลับออกไปได้? อีกอย่าง ไม่ใช่บอกว่าหอเทพ อ้อ! หอเซียวเหยามีสมบัติล้ำค่าระดับเทพพร้อมกับของวิเศษมากมายอยู่มิใช่รึ?”
ลู่ซีมองดูเย่ชิงหานที่แสดงออกถึงอาการของเด็กน้อยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาจากนั้นจึงพูดขึ้น “ไม่ต้องรีบร้อนก่อนอื่นเ้าจะต้องทำการหลอมแกนกลางของหอเซียวเหยาที่เป็ิญญาศาสตราให้ได้ก่อน อย่างน้อยต้องใช้เวลาสองถึงสามวัน จากนั้นเ้าถึงจะสามารถออกไปได้ อืม...สมบัติล้ำค่าระดับเทพและของวิเศษต่างๆ นั้นมีอยู่อย่างแน่นอน ไปกันเถอะ เข้าไปดูของที่เป็ของๆ เ้ากัน...”
เมื่อได้ฟัง เย่ชิงหานยิ่งลิงโลดขึ้นมายิ่งกว่าเก่า กลืนน้ำลายลงคอติดต่อกันไปหลายคำ ร่างกายเริ่มสั่นเทิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ออกเดินติดตามลู่ซีไปยังทิศทางที่หอเซียวเหยาอยู่โดยทันที
.................................
เมื่อเยว่ชิงเฉิง เย่ชิงอู่ เฟิงจื่อ ฮวาเฉ่า และหลงสุ่ยหลิวต่างเข้าไปยังเส้นทาง์แล้ว ภายในจิตใจของพวกเขารู้สึกซับซ้อนเป็อย่างมาก
ห้าปีก่อนพวกเขาต่างให้คำมั่นสัญญากันอย่างหนักแน่นจริงใจว่าจะตั้งใจฝึกฝนเพื่อเข้าไปภายในูเาสุสานทวยเทพด้วยกัน เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าห้าปีผ่านไป เย่ชิงหานถูกดูดเข้าไปภายในูเาสุสานทวยเทพเป็เวลาหลายปีจนถึงตอนนี้เป็ตายไม่รู้แน่ชัด หลงไซ้หนานเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิจึงเดินทางเข้าไปพร้อมกับกองกำลังของเขตปกครองเทพาเข้าทะลวงฝ่าด่านทดสอบแล้ว ส่วนเย่ชิงอวี่เองก็แอบเข้าไปพร้อมกับกองกำลังกลุ่มใหญ่ คิดว่าตอนนี้คงกำลังทำการทะลวงฝ่าด่านเพราะตามหาเย่ชิงหานเช่นเดียวกัน
ส่วนพวกเขาแม้ว่าตลอดระยะเวลาห้าปีมานี้จะขยันฝึกฝนอยู่ตลอดเช่นกัน แต่เนื่องจากว่าระดับขั้นขอบเขตเดิมนั้นต่ำจนเกินไป ถึงแม้จะพยายามฝึกฝนและใช้ทรัพยากรไปมากมายเพียงใดก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้
ดังนั้นแม้แต่คุณสมบัติที่จะเข้าไปภายในด่านทดสอบของูเาสุสานทวยเทพจึงไม่มี จึงทำได้เพียงแค่เดินเล่นเปิดหูเปิดตาอยู่ภายในเส้นทาง์ภายใต้การอารักขาคุ้มครองของผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิของตระกูลเพียงเท่านั้น
เส้นทาง์น่าอัศจรรย์เป็อย่างมาก พลังแรงโน้มถ่วงที่อยู่ด้านนอกูเาสุสานทวยเทพไม่ได้ส่งผลเข้ามาถึงภายใน ดังนั้นทุกคนจึงสามารถเดินได้อย่างสบายใจบนเส้นทาง์แห่งนี้
เส้นทาง์ค่อนข้างยาว ทุกคนเดินอยู่หลายนาทีก็ยังมองไม่เห็นปลายทางสิ้นสุด ตอนนี้ทัศนียภาพภายนอกที่เป็กระโจมที่พักไม่สามารถจะมองออกไปเห็นได้อีกแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังมองไม่เห็นปลายทางสิ้นสุดของเส้นทาง์อยู่เช่นเดิม
เส้นทาง์ปกคลุมไปด้วยหมอก แต่หมอกเหล่านี้ดูน่าพิศวงเป็อย่างมาก มันค่อยๆ ลอยมาเป็พักๆ อีกทั้งหมอกสองข้างทางหนาทึบเป็อย่างมากมองไม่เห็นทัศนียภาพรอบด้านทั้งสี่ทิศเลยแม้แต่น้อย ส่วนบนทางเดินของเส้นทาง์มีหมอกสีขาวที่นานๆ จะลอยมาเป็พักๆ อย่างไม่มีกำหนดเวลาแน่นอน ยิ่งทำให้เส้นทาง์ดูเลือนรางไม่เด่นชัด เดี๋ยวปรากฏขึ้นเดี๋ยวหายไป คล้ายดั่งเดินอยู่ในดินแดนแห่งเซียนฉันนั้น
ในที่สุดพวกเขาก็เดินมาถึงสุดปลายทาง ปลายทางสิ้นสุดของเส้นทาง์เป็พื้นที่ลานกว้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เนื่องจากมีหมอกลอยมาอย่างต่อเนื่องทำให้ไม่สามารถมองเห็นขอบเขตสิ้นสุดของลานกว้างแห่งนี้ได้ ระยะที่สายตาจะมองออกไปเห็นได้มีเพียงแค่รัศมีร้อยเมตรโดยรอบเพียงเท่านั้น แต่หลังจากที่พวกเขาพากันเดินวนสำรวจดูอยู่รอบหนึ่งจึงทำการคาดคะเนออกมาได้ว่าพื้นที่ลานกว้างแห่งนี้น่าจะมีความยาวและความกว้างหนึ่งกิโลเมตรโดยประมาณ แต่ละทิศทางล้วนมีประตูสีทองบานใหญ่เปล่งประกายเหลืองอร่ามอยู่ คาดว่าคงมีไว้เพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมฝ่าด่านทดสอบเดินเข้าไปเป็แน่แท้
“ท่านปู่เทียนชิง ที่นี่ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ไม่เห็นจะน่าสนใจเลยสักนิด!” เย่ชิงอู่หลังจากที่เดินวนสำรวจดูอยู่หลายรอบพบว่านอกจากหมอกสีขาวแล้วก็มีแค่หมอกสีขาวเพียงเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยทั้งน่าเบื่อและจืดชืด จึงพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิดใจ ขนาดเย่ชิงอวี่ยังเข้าไปแล้วเลยแต่นางกลับต้องเดินวนเวียนรอคอยอย่างน่าเบื่อหน่ายเช่นนี้ ภายในใจรู้สึกยากที่จะสงบลงได้
“คุณหนูอู่ ข้าขอเตือนพวกเ้าว่าอย่าได้คิดที่จะเข้าไปเป็อันขาด พวกข้าจับตาดูอยู่ตลอดเวลาถ้าหากฝ่าฝืนละก็คงต้องซัดพวกเ้าให้สลบแล้วนำตัวกลับออกไปโดยทันทีเท่านั้น พวกเ้าไม่ต้องเสียใจไปที่ไม่ได้เข้าไปภายใน สมบัติวิเศษล้ำค่าต่างๆ ภายในูเาสุสานทวยเทพล้วนลอยตกมาได้ทุกที่และทุกเมื่อ จะมีโอกาสได้รับหรือไม่นั้นล้วนขึ้นอยู่กับดวงชะตาของแต่ละคน!”
เย่เทียนชิงปรายตามองเหล่านายน้อยและคุณหนูของตระกูลทั้งหลายก็รู้ได้ทันทีถึงความคิดของพวกเขา เขาเองก็ให้ความสำคัญกับเย่ชิงหานมาั้แ่แรกแล้ว อยากที่จะเข้าไปช่วยตามหาเย่ชิงหานด้วยเช่นเดียวกัน แต่ว่าพลังฝีมือของเขามีพลังระดับขั้นที่สองขอบเขตาาจักรพรรดิ ดังนั้นจึงถูกจัดให้มารับผิดชอบภารกิจเฝ้าติดตามดูแลคนเพียงเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิของตระกูลเยว่สองคนล้วนตามติดอยู่ข้างกายของเยว่ชิงเฉิงไม่ห่าง เื่ของเย่ชิงอวี่เป็ตัวอย่างได้เป็อย่างดี เขาไม่อยากที่จะเผชิญกับความเดือดดาลของเยว่ซีสุ่ยอีกคน
เยว่ชิงเฉิงรู้สึกทุกข์ระทมเป็อย่างมาก แม้นางจะสวมใส่ชุดที่แดงสดใส แม้ศีรษะจะทัดดอกท้อที่สีสันสดใหม่สวยงาม แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความระทมทุกข์และความซีดขาวบนใบหน้าของนางได้
ชายผู้เป็ที่รักมากอยู่ใกล้เพียงเท่านี้แต่กลับไม่รู้เป็ตายร้ายดีอย่างไร ตนเองกลับทำได้แค่เพียงรออยู่อย่างโง่ๆ ไม่สามารถทำอะไรเพื่อเขาได้เลยแม้แต่น้อย ทำได้แค่รอฟังข่าวโดยที่ไม่สามารถจะรู้จะเห็นได้ทันทีถึงสภาพที่เป็อยู่ของเขา ดังนั้นจึงทำให้นางทุกข์ระทมและเ็ปภายในใจเป็อย่างมาก
นางทำได้แค่เพียงสาดสายตาจ้องมองไปตามหมอกสีขาวเ่าั้ด้วยความปรารถนาที่เพ้อฝันอย่างยิ่งว่า เด็กหนุ่มที่หน้าตาสดใสแฝงด้วยแววเ้าเล่ห์นิดๆ คนนั้นจะปรากฏตัวออกมาต่อหน้าพร้อมกับอ้าแขนออกมาให้นางเหมือนกับตอนที่อยู่ตีนเขายอดเขาขาดในตอนนั้น...
ห้าปีผ่านไปแล้วเขายังคงสบายดีอยู่ไหม? เขาจะรู้บ้างไหมว่าตลอดระยะเวลาห้าปีมานี้ตนเองนั้นคิดถึงเขาอยู่ทุกคืนวันจนยากที่จะหลับตานอนลงได้? เขาจะรู้บ้างไหมว่าตลอดระยะเวลาห้าปีมานี้หัวใจของตนเองนั้นเ็ปทรมานมากมายเพียงใด...
.................................
หัวใจของเย่ชิงอวี่ไม่ได้เ็ปทรมานแต่กระวนกระวายเป็อย่างมาก นางรู้สึกกลัดกลุ้มต่อเหล่าผู้าุโของตระกูลที่ห้อมล้อมนางอยู่ในตอนนี้ แม้นางจะแอบแฝงตัวเข้ามาได้แต่ก็ถูกเย่เชียงพบเข้าจนได้ แม้เย่เชียงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเย่ชิงอวี่ถึงได้ทำให้พลังฝีมือของนางพัฒนาก้าวหน้าขึ้นมาอย่างน่ากลัวถึงเพียงนี้ แต่ดูจากอาการที่เย่เทียนหลงปฏิบัติต่อนางเขาเข้าใจได้เป็อย่างดีว่านางจะต้องมีความสำคัญต่อตระกูลเป็อย่างมากอย่างแน่นอน ดังนั้นเย่เชียงจึงได้เรียกผู้าุโของตระกูลหลายท่านมาห้อมล้อมติดตามนางเอาไว้ไม่ให้ห่างแม้แต่ฝีก้าวเดียว
เย่เชียงในฐานะที่เป็ผู้าุโรองหัวหน้าหอประจัญบานของตระกูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเป็ลูกชายของเย่เทียนหลงอีกด้วย ที่สำคัญที่สุดคือหลายปีมานี้พลังฝีมือของเขาเพิ่มพูนขึ้นมาเป็อย่างมาก หลังจากเื่ของเย่เจี้ยนที่เกิดขึ้นเขาเข้าใจหลักสัจธรรมข้อหนึ่งเป็อย่างดีว่า อำนาจฐานะหรือตำแหน่งล้วนเป็เพียงแค่เมฆหมอกลวงตา มีเพียงพลังฝีมือที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะเป็ทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้นเขาจึงขยันหมั่นเพียรฝึกฝนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ประกอบทั้งเมื่อวิถีของจิตใจที่เปลี่ยนไปทำให้การฝึกฝนพลังกฎเกณฑ์ของเขารวดเร็วขึ้นอีกหลายเท่าตัว ตอนนี้เป็ยอดฝีมือในระดับขั้นที่สามขอบเขตาาจักรพรรดิแล้ว ดังนั้นจึงได้กลายเป็หัวหน้าผู้นำกองกำลังในภารกิจเสาะหาสมบัติของตระกูลเย่ในครั้งนี้อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้