ตอนที่ 2
เป็เมียเหรอมาสั่ง
“พี่โอ๋”
“อือ...”
ตั้งโอ๋ซุกใบหน้าลงกับหมอน ส่งเสียงเบา ๆ ทั้งเรียวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันด้วยความหงุดหงิด ยามถูกรบกวนเวลานอนหลับแสนสบายของตน
“วันนี้ไม่ต้องไปทำงานเหรอฮะ”
“!!!”
ทว่าประโยคคำถามที่ดังแว่วมาให้ได้ยิน กลับทำให้คนที่กำลังจะนอนหลับอีกครั้งเบิกตาโพลง ทั้งยังรีบเด้งตัวขึ้นมานั่งอย่างกะทันหัน จนเด็กตัวอ้วนกลมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ใแทบจะหงายหลังเป็ฝ่ายลงไปนอนแทนเสียแล้ว
ตั้งโอ๋ที่เพิ่งจะลุกพรวดพราดขึ้นมา รีบหันมองทางซ้ายทีทางขวาทีราวกับคนที่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นวันนี้จากอะไรดี ครั้นเมื่อมองนาฬิกา ก็เป็เวลาเก้าโมงกว่าเข้าไปแล้ว ก่อนจะหันไปมองค้อนใส่โทรศัพท์มือถือเ้ากรรมที่ตั้งนาฬิกาปลุกไว้เมื่อคืน แต่พอเช้ามา ดันไม่ปลุกเสียอย่างนั้น
“ทำไมไม่เตือนล่ะคุณ!”
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเสมอระดับใบหน้า จนเห็นหน้าตาตื่นตูมของตัวเองสะท้อนอยู่บนหน้าจอ ก่อนจะแหวใส่เสียงไม่เบานัก...เมื่อลดโทรศัพท์ในมือลง จึงพบกับน้องชายตัวกลมที่นั่งหน้าเหวอมองกัน คล้ายกับกำลังสงสัยอย่างหนัก ว่าตัวเขาเพี้ยนไปแล้วหรืออย่างไร
ชายหนุ่มเมื่อเริ่มรู้สึกตัวและตั้งสติได้ก็ส่งยิ้มแหย หัวเราะแห้ง พลางยกมือขึ้นมาขยี้กลุ่มผมที่ชี้ฟูจากการเพิ่งตื่นนอนแก้เก้อ มองน้องชายของตนที่แม้วันนี้จะเป็วันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ก็ยังตื่นมาปลุกตัวเขาที่ยังคงนอนหลับอุตุได้
“ขอบใจนะผิง...เดี๋ยวพี่ทำอะไรง่าย ๆ ไว้ให้กินไหม”
ขนมผิง เพียงส่ายหน้าไปมาเป็การปฏิเสธเท่านั้น
“พี่โอ๋รีบเตรียมตัวดีกว่านะ เดี๋ยวจะไปทำงานสายเอา”
พอได้ยินคำว่า ‘ทำงาน’ แทรกเข้าหูมา คนที่เอาแต่นั่งหัวฟูก็กระวีกระวาด รีบหยิบผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที จนผู้เป็น้องในวัยสิบปี ต้องรีบเอ่ยปรามตามหลังเพราะกลัวอีกฝ่ายจะล้มหัวฟาดพื้นก่อนจะได้ไปทำงานเสียก่อน
.
.
.
“ขอบคุณนะครับ”
รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาหยุดลงที่หน้าสนามซ้อมแข่งรถแห่งหนึ่ง ร่างขาวรีบลงจากรถ ถอดหมวกนิรภัยคืนให้พร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งพลางเอ่ยขอบคุณ ไม่รอให้คุณลุงคนขับหยิบเงินทอนให้ก็กระชับกระเป๋าสะพาย วิ่งหน้าตั้งผ่านประตูเข้าไปพลางก้มมองเวลาในนาฬิกาข้อมือเป็ระยะ
มาถึงตรงเวลานัดพอดี ยังทันอยู่!
“แฮ่ก...”
ทันทีที่วิ่งมาถึงขอบสนามก็ย่อตัวกอดเข่า หอบหายใจถี่ด้วยความเหนื่อย ไม่สนใจด้วยซ้ำว่ากลุ่มคนที่ยืนอยู่ขอบสนามเช่นเดียวกันจะมองตนด้วยสายตาแปลกประหลาดมากเพียงใด วินาทีนี้แค่หายใจให้ทันก่อนก็พอ
เอี๊ยด...
ทว่าเสียงของล้อยางบดกับถนน และเสียงของรถที่เพิ่งจะวิ่งผ่านหน้าไปก็ดึงความสนใจจากตั้งโอ๋ให้เงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้ง ดวงตาสีอ่อนเบิกกว้างขึ้น ราวกับตะลึงงันกับภาพที่เห็น...ภายในสนามดูใหญ่มโหฬารกว่าที่ประมาณการจากด้านนอกไปมากโข บนถนนมีแต่รอยยางรถเป็ทางยาวซ้อนทับกันไปมา บ่งบอกถึงความบ้าคลั่งของเหล่าผู้ขับที่มาใช้สนามแห่งนี้นับหลายคน
รถแข่งสีดำดริฟหักโค้งจนได้ยินเสียงล้อบดถนน ตามมาด้วยเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ที่ดังไปทั้งสนาม ยามรถวิ่งสู่ทางตรงด้วยความเร็วมิดไมล์ กลิ่นควันรถลอยแตะจมูกจนต้องยกมือขึ้นปิด ครั้นเมื่อหันมองรอบกายจึงเห็นคนทุกคนยืนอยู่ประจำตำแหน่ง สถานการณ์ทั้งเคร่งเครียดและจริงจังมากเสียจนตั้งโอ๋ที่เพิ่งจะเข้าไปได้แต่ยืนข้าง ๆ คู ๆ ทำตัวไม่ถูก
“สงสัยคนที่ไอ้เชาส์ได้เอาล่าสุดจะเด็ด วันนี้ทำสถิติใหม่ได้อีกแล้ว”
“!!!”
ประโยคจากชายคนหนึ่งซึ่งถือนาฬิกาจับเวลายืนอยู่ไม่ไกล เป็ผลให้ผู้ฟังแอบสะดุ้งเล็กน้อยทั้งดวงตาที่กลอกล่อกแล่กไปมาอย่างมีพิรุธ นึกสงสัยว่ากิจกรรมบนเตียงมันเกี่ยวข้องกับการขับรถที่ตรงไหน...แต่หากนึกดูอีกที คนในประโยคนั้นอาจจะไม่ใช่เขาก็ได้ เพราะงั้นอย่าเอามาคิดให้มันมากความเลยจะดีกว่า
เขารู้จักคุณเชาส์มานานพอสมควร ทว่าก็ไม่ได้สนิทกันมากมาย...พอรู้มาบ้างว่าอีกฝ่ายแสนจะขึ้นชื่อเื่ความเ้าชู้ พอใครแนะนำว่าให้มีคนรักเป็ตัวเป็ตนสักที ก็มักจะบอกว่า ‘มีเมียแล้วชีวิตน่ารำคาญ’ อยู่เสมอ
“มาแล้ว ๆ”
รถเข้ามาจอดที่พิท ทีมช่างที่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้วเข้าถึงตัวรถทันที พร้อมกับร่างของชาวินในชุดซ้อมแข่งที่เปิดประตูลงมา ตั้งโอ๋ที่เพิ่งจะได้เริ่มงานวันแรก มองซ้ายมองขวาหาผ้าเย็น แล้วเดินเข้าไปรวมกับกลุ่มคนที่รายล้อมเ้าตัวอยู่ ก่อนจะยื่นผ้าเย็นให้เงียบ ๆ ท่ามกลางสายตางุนงงจากทุกฝ่าย
“...”
“...”
บทสนทนาระหว่างกันตกอยู่ในความเงียบ กลิ่นอายชวนให้อึดอัดจากคนทั้งสอง ส่งผลให้คนรอบตัวที่กำลังพูดคุยเจื้อยแจ้วเงียบตามไปด้วย ตั้งโอ๋เริ่มก้มหน้าหลบสายตา ในขณะที่ชาวินดึงข้อมือของคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ มาดูเวลาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะตวัดสายตามองสบกันอีกครั้ง
“ช้าไปห้านาที”
“ผมมาถึงหน้าทางเข้าตรงเวลาที่นัดไว้พอดีครับ”
แม้จะมีศักดิ์เป็นายจ้างโดยสมบูรณ์แล้ว ทว่าตั้งโอ๋ที่อยากจะรักษาสิทธิ์ความถูกต้องของตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยพูดออกไปบ้าง คราวนี้ชาวินเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งมองกัน เปล่งเสียงตอบรับในลำคอแ่เบา กระนั้นสายตาที่มองมากลับดูกวนตีนอย่างถึงที่สุดจนผู้มองคิ้วกระตุก
“อ้อ”
“...”
“พอดีผมไม่เห็น เพราะทางเข้ามันอยู่ด้านนอก”
ตั้งโอ๋ขมวดคิ้วทันที คิดว่าพวกเขาทั้งสองคนคงไม่สามารถญาติดีกันได้อีกแล้วในชาตินี้...นึกแล้วก็อยากจะย้อนเวลากลับไปเมื่อสองคืนก่อน เขาจะทำเพียงแค่นั่งกระดกน้ำอัดลมดูละครหลังข่าวอยู่ที่บ้าน จะไม่เอาตัวเองไปอยู่ที่บาร์แห่งนั้น แล้วก็จะไม่ชวนใครนอนมั่วซั่วเด็ดขาด
หากเป็อย่างนั้น ตัวเขาก็คงไม่ต้องมายืนทำหน้ากระอักกระอ่วนอยู่แบบนี้...แม้วันนี้จะวางท่าทำตัวเป็ปกติต่อกัน แต่ก็ไม่สามารถลบล้างความจริงที่ว่า เมื่อสองคืนก่อน พวกเขาเพิ่งจะแก้ผ้ากอดกันกลมอยู่บนเตียงได้อยู่ดี
“ไม่เอาผ้าเย็น ไปเอาน้ำเย็นมาแทน”
“เดี๋ยวผมไปหยิบให้---”
“ให้เขาทำ”
คนที่อาสากำลังจะไปหยิบน้ำให้ชะงักไปในทันที รวมถึงเหล่าทีมงานในสนามแข่งที่จับจ้องมายังตั้งโอ๋เป็ตาเดียว ร่างขาวขบเม้มริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย โชคดีที่มีคนใจดีแอบกระซิบบอกว่าต้องไปเอาน้ำที่ไหน ตัวเขาจึงไม่ต้องเสียเวลางมหาให้ลำบาก
“คิดว่าคนนี้จะอยู่ได้นานเท่าไหร่?”
มือที่กำลังจะหยิบน้ำออกจากตู้แช่ชะงักไป เมื่อได้ยินเสียงกระซิบกระซาบพูดคุยจากคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของกำแพง และไม่รู้ว่าพวกตนไม่ได้อยู่ลำพังที่นี่ แม้จะรู้ว่าไม่ควรยืนแอบฟัง ทว่าประโยคต่อมาที่ได้ยิน กลับทำให้ตัวเขาเลือกที่จะยืนนิ่งอย่างสอดรู้สอดเห็นอยู่ครู่หนึ่ง
“ไม่รู้สิ คงไม่เกินเดือนเหมือนคนที่ผ่าน ๆ มาแหละมั้ง”
“...”
“เดี๋ยวก็คงจะทนนิสัยคุณเชาส์เขาไม่ไหวจนต้องขอลาออกไปเหมือนเดิมนั่นแหละ”
งานที่เขาได้ทำ ไม่ได้มีชื่อเรียกแบบเป็ทางการมากนัก เพียงคอยติดตาม ทำหน้าที่ช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้ ตั้งโอ๋เรียกงานนี้ว่า ‘เบ๊จำเป็’ ทั้งยังรู้ดีถึงสาเหตุที่อีกฝ่ายยอมรับตนเข้าทำงาน
เนื่องจากตัวเขาลาออกจากคิงบาร์ ซึ่งเป็ที่ทำงานเก่าด้วยเหตุผลและสถานการณ์ที่ไม่ดีมากนัก...คุณเชาส์จึงยอมรับเขาเข้าทำงานต่อด้วยความเวทนาก็เท่านั้น
ในสายตาของอีกฝ่าย ไอ้ตั้งโอ๋คนนี้ คงเป็เพียงผู้ชายคนหนึ่งที่หลงรักเ้านายคนเก่า ซึ่งมีคนรักเป็ตัวเป็ตนอยู่แล้ว ทั้งยังทิ้งขว้างร่างกาย ปล่อยตัวเองมั่วซั่วไปกับคนแปลกหน้าในชั่วข้ามคืน เพียงเพราะ้าประชดความรักที่ไม่สมหวัง
คิดดูแล้ว ตัวเขาในมุมมองของคุณเชาส์ ก็คงจะเป็คนที่ไม่ได้เื่คนหนึ่งนั่นแหละ
“น้ำครับ”
“...”
ขวดน้ำเย็นถูกยื่นให้ ตอนนี้คนอายุมากกว่าเริ่มถอดชุดแข่งออก จนท่อนบนเห็นเพียงเสื้อยืดสีดำแขนสั้น ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย ทั้งยังชื้นไปด้วยเหงื่อเมื่อเพิ่งจะถอดหมวกนิรภัยออก ดวงตาสีน้ำทะเลมองขวดน้ำกับคนถือสลับกันไปมา จนตั้งโอ๋เริ่มประหม่าทำตัวไม่ถูก
“ดะ เดี๋ยวมันจะไม่เย็นนะครับถ้าไม่รีบดื่ม”
เอ่ยพูดอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าน้ำเริ่มจะไม่ค่อยเย็นแล้ว ทว่ายิ่งเร่ง คุณเชาส์ก็ยิ่งเอาแต่มองกันเฉย ๆ คล้ายกับกำลังชวนเล่นาประสาท...คราวนี้ตั้งโอ๋เริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ตัดสินใจเปิดฝาขวดน้ำออกแล้วกระดกดื่มเองไปถึงครึ่งขวดต่อหน้าอีกฝ่าย
“ผมไม่ได้แอบใส่ยาพิษเข้าไปหรอกครับ ช่วยรับไปแล้วก็ดื่มมันสักที”
“เหอะ...”
คราวนี้ชาวินแค่นหัวเราะในลำคอ คว้าขวดน้ำที่เหลือน้ำอยู่เพียงครึ่งขวดมาถือไว้ แล้วเดินผ่านกันไปโดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้ร่างเพรียวยืนหลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วค่อย ๆ ผ่อนออกเพื่อระงับอารมณ์ขุ่นเคือง
ถ้ารู้ว่าได้นอนด้วยกันแล้ว สถานการณ์จะย่ำแย่ถึงขนาดนี้...เขาจะไม่ชวนอีกคนนอนด้วยเลยั้แ่แรก!
...
หลายวันต่อมา
“เราต้องทิ้งบ้านหลังนี้จริง ๆ เหรอพี่โอ๋”
คำถามของขนมผิงทำให้คนที่ยืนถือกระเป๋าเดินทางเหม่ออยู่เริ่มได้สติ ร่างขาวก้มหน้าลงมองน้องชายตัวกลมที่มองบ้านหลังเดิมของพวกตนตาละห้อยให้เขารู้สึกแย่ไปด้วย เมื่อไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจอย่างไร จึงเพียงวางมือลูบศีรษะของอีกฝ่ายเบา ๆ เท่านั้น
“พี่ต้องไปทำงานที่ชลบุรี ไว้มีโอกาส เราค่อยกลับมาเยี่ยมบ้านหลังนี้กันก็ได้”
คุณเชาส์อยู่ในกรุงเทพฯ มานาน แต่เพราะเบื่อการใช้ชีวิตในเมืองที่แออัด จึงตัดสินใจซื้อห้องคอนโดแห่งหนึ่งในพัทยา เมื่อที่นั่นสร้างเสร็จจึงทำเื่เตรียมย้ายเข้าทันที...แน่นอนว่าเขาก็ต้องตามไปด้วย
ขนมผิงพยักหน้ารับหงึกหงัก แม่ของพวกเขาเพิ่งจะเสียไปได้ไม่นานด้วยโรคประจำตัว ครอบครัวนี้จึงเหลือเพียงแค่พวกเขาสองคนพี่น้องเท่านั้น ดังนั้น ไม่ว่าผู้เป็พี่จะเลือกทำอะไร คนเป็น้องก็ไม่คิดที่จะต่อต้านกันแต่อย่างใด
“เ้านายคนใหม่ของพี่โอ๋ ใจดีหรือเปล่าฮะ”
“...”
คำถามใหม่ที่ถูกส่งมา ทำให้ผู้ฟังชะงักไป ได้แต่กลอกตาไปมากลบเกลื่อนพิรุธ หลีกเลี่ยงที่จะมองสบกับดวงตาคู่กลมของน้องชาย ซึ่งกำลังรอคอยคำตอบอยู่ด้วยความสงสัย...จะให้ตอบว่าอย่างไร ในเมื่อความจริงแล้วพวกเขาไม่ค่อยจะญาติดีกันสักเท่าไร...ยกเว้นตอนอยู่บนเตียง
ยังไม่ทันจะได้ตอบคำถาม เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ที่ดังมาแต่ไกล พร้อมกับรถสปอร์ตคันสีแดงเพลิงซึ่งมาจอดอยู่หน้าบ้านก็ดึงความสนใจไปได้จนหมด ตั้งโอ๋ยืนนิ่งตะลึงงัน ในขณะที่น้องชายซึ่งชอบรถเป็ทุนเดิมอยู่แล้วก็ดวงตาเป็ประกายทันที
“ยืนรออะไรอยู่...ต้องลงไปอัญเชิญขึ้นรถด้วยไหมคุณ”
อาจเพราะมัวแต่ยืนนิ่งเป็หินอยู่นาน ไม่ยอมขึ้นรถเสียที ปล่อยให้คนที่มารับต้องคอยท่า กระทั่งคนที่อยู่ในละแวกนั้นเริ่มเปิดประตูบ้านออกมาดู แล้วกระซิบกระซาบกันด้วยความใคร่รู้ใคร่เห็น...คราวนี้ตั้งโอ๋คิ้วกระตุก รีบจูงมือน้องชายขึ้นมาบนรถด้วยกัน ทั้งที่ยังแอบหงุดหงิดไม่หาย
“ขึ้นเองได้ครับ”
…
บรรยากาศในรถคันหรูน่าอึดอัดยิ่งกว่าที่คิดไว้ ขนมผิงซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังกระชับกอดกระเป๋าเป้ในอ้อมกอด ดวงตามองสลับระหว่างพี่ชายและเ้านายคนใหม่ ที่ดูยังไงก็คล้ายกับคนที่ปล่อยรังสีกดดันใส่กันแทบจะตลอดเวลา
รถยนต์แล่นไปตามท้องถนน มุ่งสู่จังหวัดชลบุรี โดยมีเสียงเพลงจังหวะเบาสบายดังทำลายความเงียบ ซึ่งสวนทางกับความเร็วบนหน้าปัดโดยสิ้นเชิง...ตั้งโอ๋เริ่มกัดปาก มือกำสายคาดนิรภัยเอาไว้แน่น เมื่อรถที่ตนกำลังนั่งอยู่เร็วมากเสียจนแซงรถคันอื่น ๆ ไปเสียหมด
“ช้าลงนิดหนึ่งได้ไหมครับ”
“...”
ประโยคขอร้องถูกเอ่ยออกมาเป็ครั้งแรก หลังจากที่นั่งเงียบใส่กันมาตลอดทาง ทว่านอกจากจะไม่ได้รับถ้อยคำใดตอบกลับมาแล้ว ความเร็วของรถก็ยังคงเท่าเดิม คล้ายกับว่าสิ่งที่เขาพูดออกไป ดังเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกหูขวาไปโดยสิ้นเชิง
“คุณเชาส์ ช่วยขับรถให้ช้าลงได้ไหมครับ ผมกลัวความเร็ว”
ตัดสินใจเอ่ยพูดออกไปอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้น เพื่อให้อีกฝ่ายได้ยินกันอย่างชัดเจน...ชาวินเพียงปรายตามองกันครู่หนึ่ง แล้วเพิกเฉยไปจนตั้งโอ๋คิ้วกระตุก มือก็ยังกำสายคาดนิรภัยเอาไว้แน่น สวดมนต์ในใจภาวนาไม่ให้รถพลิกคว่ำก่อนจะถึงจุดหมาย แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกในความพยายาม
“คุณเชาส์ครับ---”
“หนูคะ...หนูเป็เมียพี่เหรอ ถึงมาสั่ง?”
“...”
รถโยกเปลี่ยนเลนกะทันหัน จนตั้งโอ๋ที่ตั้งตัวไม่ทัน หัวโขกกับข้างกระจกเข้าไปเต็ม ๆ ครั้นเมื่อตวัดตามองกัน จึงพบกับดวงตาสีน้ำทะเลที่ทอดมองกันอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง พลางเอ่ยถามเสียงนุ่ม ทำเอาผู้ฟังได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ เสหน้ามองออกไปนอกกระจกทันทีทั้งใบหูขึ้นสีแดงก่ำ ด้วยทั้งความหงุดหงิดและอับอาย
ถึงอย่างนั้น รถก็ลดความเร็วลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเบื้องหน้าคือด่านตำรวจ กระนั้นก็ยังไม่พ้นได้รับใบสั่งฝากมาเป็ของขวัญอีกหนึ่งแผ่น
.
.
.
เวลาล่วงเลยผ่านไป รถสปอร์ตสีแดงเพลิงค่อย ๆ เลียบเข้ามาจอดภายในลานจอดรถของคอนโดหรูแห่งหนึ่งในพัทยา ซึ่งเพิ่งจะสร้างเสร็จไปไม่นาน แค่ราคาเริ่มต้นต่อยูนิตก็ปาไปหลายล้าน แลกกับการได้อยู่ในห้องขนาดใหญ่ ทั้งยังได้เห็นวิวชายฝั่งทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา
ตั้งโอ๋ได้แต่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่...ลำพังคนธรรมดาอย่างเขา คงไม่มีปัญญาใช้ชีวิตบนความสะดวกสบายขนาดนี้ได้แน่ ๆ ผิดกับอีกคนที่ดูจะมีทุกอย่างมั่นคงและล้นเหลือ จนอดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความสงสัย
“คุณมีทุกอย่างพร้อมขนาดนี้ ทำไมถึงไม่อยากสร้างครอบครัวบ้างล่ะครับ”
“...”
“อยู่แบบนี้ไม่เหงาบ้างเหรอ”
เอ่ยถามโดยไม่คิดอะไรมากมาย ก่อนจะหันกลับไปหากัน...พลันน้ำเสียงในท้ายประโยคเริ่มแ่เบาลง ยามรู้ตัวว่ากำลังถูกอีกฝ่ายมองกันอยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เพราะมีเมียมันน่ารำคาญ”
“...”
“ยิ่งถ้าจับพลัดจับผลู เกิดได้เมียช่างถามมากแบบเธอขึ้นมา ยิ่งน่ารำคาญเข้าไปใหญ่”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้