ชั้นที่ 6 ทุกคนต้องใช้หินหยวนเพื่อกระตุ้นการทำงานของวงโคจรหยวนชี่ ซึ่งจะทำให้หยวนชี่ในห้องนั้นหนาแน่นยิ่งขึ้น
ในตอนแรกหลายๆ คนรู้สึกสนใจหลินเฟิงจึงหยุดดู ซึ่งตอนนั้นพวกเขาก็แค่จะเดินผ่านชั้น 6 เพื่อขึ้นไปยังชั้นบน แต่เมื่อเห็นห้องฝึกที่อยู่ข้างๆ หลินเฟิงกำลังจะเปิดประตูออกมา แม้แต่คนที่อ่อนแอก็ยังรู้สึกตื่นเต้น อย่าลืมสิว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนกัน?!
ตอนนี้สิ่งเดียวที่พวกเขากำลังคิดอยู่ก็คือ จะต้องแย่งห้องฝึกมาให้ได้
ในที่สุด แสงสว่างจากหยวนชี่ในห้องนั้นก็ค่อยๆ ดับลง ก่อนที่เสียงะเิจะดังขึ้นมา ฝูงชนพากันก้าวเท้าเข้ามาขณะที่ดวงตาจ้องเขม็งไปที่ประตูหิน
ทันใดนั้นประตูหินก็เปิดออก พร้อมกับเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในสายตาของทุกคน คนคนนี้เป็ชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงโปร่ง เมื่อเขาเห็นสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่เขา ในดวงตาก็ปรากฏรอยยิ้มลึกลับขึ้นมา
“พวกเ้าทั้งหมด้าห้องนี้?”
ชายหนุ่มคนนั้นถามขึ้นด้วยสีหน้าชั่วร้าย แต่ในบรรดาฝูงชนกลับไม่มีใครตอบคำถามของเขา มีเพียงสายตากระตือรือร้นและลมปราณที่ถูกปลดปล่อยออกมาเท่านั้น ซึ่งนับได้ว่าเป็การตอบคำถามของชายหนุ่มคนนี้
“ดี ถ้าพวกเ้า้ามัน ข้าก็จะยกมันให้กับพวกเ้า”
ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายก่อนจะเดินไปด้านข้าง ทำให้ปากประตูห้องฝึกถูกเปิดเผยออกมา
ตอนนี้ภายในห้องนั้นว่างเปล่า และบานประตูก็ถูกเปิดออก ทำให้ดวงตาของทุกคนกลายเป็เร่าร้อนมากขึ้น
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าในใจของทุกคนอยากจะกระโจนเข้าไปห้อง แต่กลับไม่มีใครกล้าบุกเข้าไปเป็คนแรก พวกเขากวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง
เพราะพวกเขารู้ว่าหากใครก้าวเท้าออกมาเป็คนแรก คนคนนั้นจะต้องถูกทุกคนรุมโจมตีพร้อมๆ กัน คงไม่มีใครอยากเสียหินหยวนไปง่ายๆ หรอก นี่ไม่เท่ากับว่าตัดชุดแต่งงานให้คนอื่นใส่หรอกนะ?!
เื่นี้ไม่มีใครเต็มใจจะเป็ฝ่ายเริ่ม
แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้นเสมอ! และหลินเฟิงเองก็เป็หนึ่งในนั้น เขาเดินตรงไปที่ห้องโดยปราศจากความกลัว!
เมื่อเห็นหลินเฟิงเดินไปข้างหน้าโดยปราศจากความกลัว ทุกคนก็จ้องหลินเฟิงเป็ตาเดียว จนกระทั่งเดินมาหยุดอยู่หน้าห้อง หลินเฟิงก็หันมามองทุกคนพลางกล่าวว่า
“ข้าคือคนแรกที่มารอที่นี่ ดังนั้นห้องนี้ก็เป็ของข้า พวกเ้าไปหาห้องอื่นเถอะ”
ในใจของทุกคนพลันหัวเราะอย่างเ็า รอเป็คนแรกแล้วยังไง? บนโลกใบนี้มาก่อนมาหลังไม่ใช่เื่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญก็คือพลังต่างหาก
ยิ่งไปกว่านั้น ในหอฝึกฝนั้แ่ชั้นที่ 10 ลงมา ไม่มีห้องฝึกห้องไหนเลยที่ว่าง และอีกอย่าง ทำไมพวกเขาต้องถ่อไปหาห้องอื่นแล้วปล่อยห้องนี้ให้หลินเฟิงด้วย?
“ห้องนั้นไม่ใช่ของเ้าไสหัวไป”
หนึ่งในนั้นกล่าวกับหลินเฟิงด้วยน้ำเสียงเ็า
“ฮ่าๆๆ หากเ้า้าห้องนั้น อย่างแรกที่ต้องทำก็คือใส่หินหยวนลงไปก่อน”
อีกคนพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ่เวลาที่หลินเฟิงใส่หินหยวนลงไปในช่องคือ่เวลาที่ดีที่สุดในการโจมตี
หลินเฟิงเหลือบมองกลุ่มคนตรงหน้าด้วยสายตาเ็า ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเคลื่อนไหวสักคน
ลมปราณอันเย็นเยือกถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของหลินเฟิง พร้อมกับจิติญญาน้ำแข็งที่ปรากฏตัวขึ้นมาด้านหลังเขา
จิติญญาน้ำแข็งนั่นปล่อยผลึกน้ำแข็งออกมาในอากาศอย่างต่อเนื่อง และขยายพื้นที่เยือกแข็งไปด้านหน้าไม่หยุดหย่อน ทุกที่ที่มันแล่นผ่านทุกอย่างล้วนถูกแช่แข็ง
แม้กระทั่งอากาศก็ยังถูกแช่แข็ง! แค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันหนาวขนาดไหน!!!
ทุกคนพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีใครคิดจากไป ถึงแม้ว่าชายตรงหน้าจะทรงพลัง แต่พวกเขาเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน มีคนเพียงน้อยนิดที่ยอมตัดใจแล้วถอยออกไป
“ใครอยากได้ห้องนี้ ก็เข้ามาเอาจากข้า!”
หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา ความหนาวเย็นพลันทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง ตามด้วยอำนาจแห่งดาบจำนวนหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในอากาศ
ลมปราณน้ำแข็งกับอำนาจแห่งดาบผสานเป็หนึ่งเดียวกัน ทำให้หัวใจของทุกคนพลันตกลงไปที่ตาตุ่ม
เส้นผมของหลินเฟิงปลิวไสวไปตามแรงลม ขณะที่เขายืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นประหนึ่งผู้ไร้เทียมทาน
“อำนาจแห่งดาบ!”
ฝูงชนพากันตกตะลึง อำนาจแห่งดาบที่ผสานกับลมปราณน้ำแข็งนั้น มันน่ากลัวเกินไป!!! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงกล้าหยิ่งผยองขนาดนี้
ถึงแม้ว่าลมปราณที่หลินเฟิงปลดปล่อยออกมาจะอยู่แค่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 แต่ด้วยพลังโจมตีของอำนาจแห่งดาบที่ทรงพลัง แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 ก็ยากจะเอาชนะเขาได้
นอกจากนี้จิติญญาน้ำแข็งอันหนาวเหน็บนั่น ก็ได้ผสานรวมเป็หนึ่งเดียวกับอำนาจแห่งดาบ พลังโจมตีก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทวีคูณ เกรงว่าผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 ก็คงหมดโอกาสที่จะเอาชนะเขาได้
แต่ในกลุ่มฝูงชนยังมีผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 อยู่ และพวกเขาก็ยังคงจ้องมองมาที่หลินเฟิงไม่ละสายตา
ส่วนผู้ที่อยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 เริ่มจากไปทีละคน พวกเขายอมแพ้ให้กับความแข็งแกร่งของหลินเฟิง
“ถ้าไม่ไสหัวไปก็อย่าหาว่าข้าไร้เมตตาก็แล้วกัน”
หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าขณะที่ปราณน้ำแข็งกับอำนาจแห่งดาบพลันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“แปดฝ่ามือพิฆาต!”
ทันใดนั้นฝ่ามือที่ทรงพลังก็ปรากฏขึ้นมาในอากาศ แล้วพุ่งทะยานไปหาฝูงชนด้านหน้า หลินเฟิงเร่งลมปราณน้ำแข็งและอำนาจแห่งดาบเปิดฉากโจมตีก่อน
ฝูงชนตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนขยับร่างรับมือการโจมตีที่พุ่งเข้ามา แต่ตอนนี้เอง หลินเฟิงก็วิ่งเข้ามาที่ด้านหน้าของพวกเขา แล้วชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว เคล็ดวิชาชักดาบ!!!
พริบตาเดียวผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่พอก็ถูกฟันจนกระเด็นออกไป
แต่จังหวะนั้นผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 ก็ฉวยโอกาสนี้โจมตีมาที่หลินเฟิง
“ดาบปลิดิญญา!”
หลินเฟิงกำดาบแน่นขณะหมุนตัวไปต้านรับการโจมตีที่พุ่งเข้ามา ทันทีที่พลังโจมตีนั่นัักับดาบก็พลันแตกกระจายเป็เสี่ยงๆ ก่อนที่อำนาจแห่งดาบกับลมปราณอันเย็นเยือกจะหมุนรอบตัวดาบแล้วฟันไปทางฝูงชน
เร็ว เร็วมาก!!!
การโจมตีของหลินเฟิงไม่มีระเบียบแบบแผน ในตอนแรกเขาโจมตีด้วยฝ่ามือ แต่ไม่นานก็ชักดาบออกมาฟัน สุดท้ายก็ใช้กระบวนท่าดาบที่น่าสะพรึงกลัวในการโจมตี และปิดฉากด้วยการผสานลมปราณน้ำแข็งกับอำนาจแห่งดาบไว้ในการโจมตีครั้งสุดท้าย
การโจมตีเหล่านี้น่ากลัวเกินไปแล้ว มันเป็การโจมตีที่ไม่มีแบบแผนแต่กลับสอดคล้องและสนับสนุนซึ่งกันและกัน การโจมตีทั้งสามกระบวนท่าล้วนไม่เหมือนกัน และครั้งต่อไปมักจะแข็งแกร่งกว่าการโจมตีก่อนหน้านี้เสมอ นอกจากนี้ความสามารถในการควบคุมพลังก็แข็งแกร่งมาก ชายคนนี้สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนท่าต่างๆ ไม่ซ้ำกันได้อย่างรวดเร็วโดยที่ลมปราณไม่สับสนเลยสักนิด
เสียงะเิที่ดังกึกก้องต่อเนื่องก็ค่อยๆ เงียบหายไป ฝูงชนต่างแสดงสีหน้าเหยเกขึ้นมา พวกเขาร่วมมือกันโจมตีหลินเฟิง แต่กลับถูกหลินเฟิงตอบโต้กลับมา ทำให้ต้องรับมือต้านทานจนมือเป็ระวิง
“ข้าให้โอกาสอีกครั้ง ยังมีใคร้าห้องนี้อยู่หรือไม่?”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า ขณะกวาดสายตามองไปรอบๆ
ฝูงชนทั้งหมดทำได้แค่มองหลินเฟิงเงียบๆ ไม่มีใครกล้าลงมือโจมตีหลินเฟิงอีก
“ถือว่าข้าให้โอกาสแล้วนะ ถ้าหากใครคิดจะแย่งห้องไปจากข้า มันต้องตาย!!!”
จบประโยคนี้หลินเฟิงก็ปลดปล่อยลมปราณอันหนาวเหน็บออกมา พร้อมกับจิตสังหารที่เย็นเยือก แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าสงสัยในคำพูดของเขา ถ้าหากพวกเขาลงมือกับหลินเฟิงแล้วล่ะก็ หลินเฟิงคงสังหารเขาแน่นอน!
หลินเฟิงหันหลังกลับเข้าไปในห้องโดยไม่สนใจฝูงชนที่อยู่ตรงหน้าอีก เขาหยิบหินหยวนระดับกลางออกมา 3 ก้อน ใส่ลงไปยังช่องที่ผนัง
ทันใดนั้นแสงสว่างของหยวนชี่ก็เจิดจ้าขึ้นมา ภายในห้องเต็มไปด้วยหยวนชี่ที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างหนาแน่น ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย
ฝูงชนบางส่วนเหม่อมองอย่างโง่งมและคิดที่จะก้าวเท้าเข้ามา แต่เมื่อหลินเฟิงปรายตามองกลับมา ร่างของพวกเขาก็พลันแข็งทื่อก่อนจะหยุดอยู่กับที่
พวกเขาแต่ละคนล้วนเป็ผู้ที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถทะลวงผ่านสู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 แต่กลับต้องมาหวาดกลัวผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3?!
หากเื่นี้ถูกแพร่งพรายออกไป พวกเขาคงเสียหน้าอย่างมาก
คงไม่มีใครเชื่อว่าพวกเขาจะมาพ่ายแพ้ให้กับหลินเฟิง ที่มีระดับการบ่มเพาะอ่อนแอกว่าพวกเขาตั้งหนึ่งขั้น
หลินเฟิงกำลังจะก้าวเข้าไปในห้อง แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเ็าดังขึ้นมา
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
หลินเฟิงหันหลังกลับไปช้าๆ มองไปยังทิศทางของเสียงพูด ก็พบว่าเป็ชายหนุ่มที่เดินออกมาจากห้องนี้
“ดูเหมือนเ้าจะลืมไปคนหนึ่งนะ”
ชายหนุ่มคนนั้นยกยิ้มที่มุมปากอย่างชั่วร้าย ทำให้หลินเฟิงรู้สึกรังเกียจอีกฝ่ายขึ้นมา
“อยากจะผายลมอะไรก็รีบพูดมา!”
หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ชายหนุ่มผู้มีรอยยิ้มชั่วร้ายกล่าวต่อไปว่า “ตอนแรกข้าวางแผนจะเอาหินหยวนระดับกลาง 3 ก้อนจากเ้า แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ส่งหินหยวนระดับกลาง 6 ก้อนมาให้ข้า! ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ให้ห้องฝึกนี้กับเ้า!!!”
ม่านตาของหลินเฟิงพลันหดลง
คืนห้องให้กับเขา? ถ้าไม่มอบหินหยวนระดับกลาง 6 ก้อนให้???
ดวงตาของหลินเฟิงพลันเ็าขึ้นมา ห้องฝึกนี่กลายเป็ห้องส่วนตัวของเ้าั้แ่เมื่อไร?!
นอกจากนี้หลินเฟิงกำลังใส่หินหยวนระดับกลางทั้ง 3 ก้อนลงไปในช่อง เขากลับไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ ราวกับว่ากำลังรอหลินเฟิงทำทุกอย่างให้เสร็จ เพื่อที่เขาจะได้โจมตีและขโมยห้องไปจากหลินเฟิง
ชายคนนี้ได้คำนวณทุกอย่างไว้แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงยืนอยู่ที่นั่นตลอดเวลา นี่มันไร้ยางอายมาก!
ฝูงชนที่ยังอยู่ด้านนอกต่างมองชายหนุ่มไร้ยางอายนั่นด้วยสายตารังเกียจ ถ้าหากพวกเขาเป็ฝ่ายแย่งห้องไปได้สำเร็จ เกรงว่าชายคนนี้คงทำเช่นเดียวกัน
“ทำไม? มีปัญหาอะไร?”
ชายหนุ่มคนนั้นถามขึ้นพลางแสยะยิ้มเมื่อเห็นหลินเฟิงไม่ตอบ
หลินเฟิงจ้องมองเขาขณะที่ดวงตาวาวโรจน์ขึ้นด้วยความโมโห แล้วพูดออกมาเพียงประโยคเดียว
“ตอนนี้ไสหัวไปซะ! ยิ่งไกลเท่าไรยิ่งดี!!!”