“เอาใหม่! ครั้งนี้ไม่นับ! ไม่นับ!” ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งกำมือแน่นแล้วะโออกมา ผ่านไปยังไม่ทันกระพริบตาตัวเขายังไม่ทันได้ลงมือเลยสักครั้ง ยังไม่ได้แสดงการโจมตีที่แข็งแกร่งและยังไม่ได้ปลดปล่อยกระบวนท่าดาบต่อเนื่องที่สามารถปลดปล่อยได้ภายในโลกใบนี้ออกไปเลยแม้แต่ครั้งเดียวแต่กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้กับฝ่ายตรงข้ามทั้งอย่างนี้ แล้วจะให้เขาทำได้ยอมรับได้ยังไง!
มู่หรงชิวสุ่ยเบ้ปากเป็เชิงว่าไม่มีอะไรจะพูดอีก
“ทำไมจะไม่นับล่ะ?” เย่เทียนเซี่ยหันหลับมาพูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“เพราะเขาซุ่มโจมตี........ แล้วยัง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉันโชคร้ายถูกโจมตีจนล้มลงไปฉันจะต้องชนะหมอนั่นแน่นอน! ครั้งนี้ฉันรับไม่ได้ เริ่มใหม่!” ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งขมวดคิ้วแล้วกัดฟันพูดออกมา
เย่เทียนเซี่ยเลิกคิ้วก่อนจะพูดออกมาเสียงเย็น “แพ้แล้วก็คือแพ้ อย่าหาข้ออ้างให้ความพ่ายแพ้ของตัวเอง แล้วก็อย่าหาเหตุผลให้ความแข็งแกร่งของคนอื่นด้วย ถ้าแม้แต่จุดนี้นายยังไม่เข้าใจ นายก็จะไม่มีวันชนะมู่หรงชิวสุ่ยได้หรอก ในการต่อสู้ที่แท้จริง ผู้ชนะถึงจะมีคุณสมบัติหัวเราะออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็การซุ่มโจมตีหรือไม่ซุ่มโจมตี หรือว่าจะโชคดีหรือโชคร้ายก็ตาม”
“ฉัน...........” คำพูดของเย่เทียนเซี่ยทำให้ดวงิญญาเจี๋ยอิ่งไม่รู้จะพูดอะไรออกมาอีก
“กลุ่มทหารรับจ้างเทพ์จะรับเฉพาะวีรบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น รอให้นายเข็งแกร่งมากพอจริงๆแล้วค่อยมาหาฉันใหม่ก็แล้วกัน นายในตอนนี้น่ะถึงจะไม่อ่อนแอ แต่ก็กากเกินไป........ ลาก่อน!”
เมื่อหันไปพูดคุยกับจั้วพั่วจวินและมู่หรงชิวสุ่ยสักพักเย่เทียนเซี่ยก็รีบกลับเข้าเมืองไปพร้อมกับซูเฟยเฟย ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งยังคงยืนอยู่ตรงนั้นแล้วมองไปยังตำแหน่งที่เย่เทียนเซี่ยเคยยืนอยู่ด้วยความตกตะลึงไร้คำพูด
แม้จะไม่ได้อ่อนแอ แต่ก็กากเกินไป...........
ในหัวของคิดไปถึงสายตานิ่งเงียบของหลิงหยุนที่จ้องมองมาที่เขาจากนั้นหมอนั่นก็พูดประโยคหนึ่งออกมา..... “นายกากเกินไป”
ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว เขาหมุนตัวกลับไปพูดกับมู่หรงชิวสุ่ยอย่างรวดเร็ว “พวกเรามาประลองกันอีกครั้ง”
“ฉันขอปฏิเสธ” มู่หรงชิวสุ่ยไม่ได้หันกลับมา เขาพูดตอบกลับไปอย่างเฉยชา “ที่ฉันเพิ่งจะประลองกับนายไปก็เป็เพราะคำขอของพี่รองเท่านั้นแหละ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่สนใจจะสู้กับเด็กน้อยที่มั่นใจในตัวเองเกินไปอย่างนายหรอก......... คนแพ้น่ะ ไม่มีอำนาจในการต่อรองอะไรหรอกนะ รอให้ผ่านไปอีกสักสองสามปี ให้นายโตกว่านี้อีกหน่อยแล้วค่อนมาหาฉันก็แล้วกัน........... เฮ้อ พี่ชิวสุ่ยของนายจะเตือนนายอีกสักอย่างเป็ครั้งสุดท้ายนะ ถึงแม้ระดับจะสำคัญ แต่ความสูงของระดับไม่ได้แสดงถึงระดับของพลัง ถ้านายแข็งแกร่งมากพอจริงๆ ต่อให้เป็ระดับ 0 พี่รองของฉันก็ยินดีจะให้นายเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างเทพ์แน่นอน”
สีหน้าของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งสว่างไสวขึ้นมาก่อนจะเงยหน้าถามออกไปอย่างฉับพลัน “เซี่ยเทียนคือพี่รองของนายงั้นเหรอ?”
“ว๊า! ความลับอันยิ่งใหญ่ถูกนายค้นพบซะแล้วสิ เฮ้อ เก็บมันไว้ให้ดีๆล่ะ ไม่อย่างนั้น.... วะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.......”
ร่างของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
————
————
เมืองเทียนเฉิน
เย่เทียนเซี่ยรีบไปที่จวนเ้าเมืองอย่างรวดเร็วที่สุด เขาสามารถเข้าไปด้านในได้โดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง และเมื่อพบกับเ้าเมืองเทียนเฉิน เย่เทียนเซี่ยก็เห็นว่าเขากำลังเอามือไขว้หลังแล้วเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ เมื่อเห็นเย่เทียนเซี่ยเดินเข้ามาเขาก็รีบเข้ามาต้อนรับด้วยตัวเองก่อนจะพูดออกมา “เซี่ยเทียน ในที่สุดเ้าก็มาได้สักที......... มีเื่ที่สำคัญมากๆเื่หนึ่งที่ข้าคิดไม่ตก ต้องให้เ้าช่วยทำให้สำเร็จเท่านั้นข้าถึงจะวางใจได้”
“เื่อะไรเหรอครับ?” เย่เทียนเซี่ยถามออกไปอย่างจริงจัง
เ้าเมืองเทียนเฉินดึงจดหมายที่ปิดผนึกอย่างแน่หนาออกมาจากแขนแล้วส่งให้เย่เทียนเซี่ย “ครั้งนี้เป็เื่สำคัญที่สุดจริงๆ สามปีก่อนหลังจากที่ห้วงเวลาแห่งโชคชะตาที่ใช้ปิดผนึกหอคอยแห่งโชคชะตาหายไป ระหว่างนั้นมีอยู่คืนหนึ่งที่าาปีศาจทั้งแปดที่ถูกผนึกอยู่ด้านในได้รวมพลังกันหลบหนีไป.......... แต่การที่พวกมันถูกผนึกเอาไว้ภายใต้พลังของห้วงเวลาแห่งโชคชะตาเป็เวลาหลายปีทำให้ความแข็งแกร่งของพวกมันถูกกัดกินไปจนเหลืออยู่เพียงน้อยนิดจนตอนนี้พวกมันห่างไกลจากสถานะปกติของพวกมันเป็อย่างมาก ดังนั้นในระยะเวลาสามปีนี้าาปีศาจทั้งแปดจึงได้ซ่อนเร้นกายและฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างเงียบๆโดยไม่ออกมาก่อความวุ่นวายใดๆอีก และเพื่อกำจัดความชั่วร้ายที่น่ากลัวออกไป พวกเราเ้าเมืองทั้งห้าและาาของเราจึงได้ทุ่มกำลังค้นหาพวกมันมาตลอดหลายปีนี้.........”
เ้าเมืองเทียนเฉินถอนหายใจออกมายาวๆก่อนจะพูดต่อ “แต่เมื่อครู่นี้เมืองที่สูญหายได้ใช้อักขระด่วนพันลี้ส่งสารมาว่าในที่สุดปรมาจารย์พยากรณ์แห่งจิติญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองที่สูญหายก็ได้ค้นพบที่อยู่ของาาปีศาจตนหนึ่งจากไอปีศาจที่พวยพุ่งออกมาจากทางทิศใต้......... ซึ่งมันก็คือาาปีศาจอั้นิแห่งาาปีศาจทั้งแปด และสถานที่ซ่อนตัวของมันก็คือทิศใต้ซึ่งห่างจากทางเหนือของเมืองเทียนยรื่อไม่ถึง 5 กิโลเมตร....”
“............” เย่เทียนเซี่ย
แล้วเ้าเมืองเทียนเฉินก็เริ่มพูดต่อ “แต่สิ่งที่ทำให้เรากังวลก็คือ ถ้าเดาไม่ผิดที่แห่งนั้นน่าจะเป็ซากเผ่าสัตว์เวทย์ที่เคยเป็ที่นิยมใน่หนึ่ง และยังเป็หนึ่งในสถานที่ต้องห้ามที่อยู่ทางใต้ของทวีปที่สาบสูญด้วย ได้ข่าวมาว่าแม้เผ่าสัตว์เวทย์จะตายไปแล้ว แต่รอบๆร่องรอยที่เหลือไว้เป็สิ่งสุดท้ายกลับถูกปิดผนึกไว้ด้วยผนึกอันน่ากลัวที่ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้.......... และไม่แปลกใจเลยว่าทำไมาาปีศาจอั้นิอยู่ห่างจากเมืองเทียนยรื่อเพียงแค่นั้นกลับไม่เคยถูกค้นพบเลย แต่ยังมีข่างลือที่น่ากลัวเกี่ยวกับเผ่าสัตว์เวทย์อีกเื่นึงก็คือแม้ว่าเผ่าสัตว์เวทย์จะตายไปแล้ว แต่มันก็ยังปกป้องดินแดนสุดท้ายของมันเอาไว้เพราะที่แห่งนั้นกำลังฟูมฟักสัตว์เวทย์ที่น่ากลัวที่สุดและเป็ความหวังสุดท้าย.......... มันก็คือตราศักดิ์สิทธิ์!”
“ตราศักดิ์สิทธิ์? มันคืออะไรหรอครับ? เป็อาวุธที่น่ากลัวงั้นเหรอครับ?” เย่เทียนเซี่ยขมวดคิ้วถามออกไป
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตามบันทึกเกี่ยวกับเผ่าสัตว์เวทย์ได้เขียนไว้ว่าถ้าตราศักดิ์สิทธิ์เกินขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าเผ่าสัตว์เวทย์จะตายไปหมดแล้วพวกมันก็มีความหวังที่จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีกครั้ง และเห็นได้ชัดว่าเหตุผลที่าาปีศาจอั้นิซ่อนตัวอยู่ที่นั่นก็เพราะมัน้าตราศักดิ์สิทธิ์นั่นอย่างแน่นอน ไม่ว่าตราศักดิ์สัทธิ์นั่นจะเป็อะไร ถ้ามันแข็งแกร่งเหมือนในข่าวลือนั้นจริงๆ พวกเราก็ไม่อาจยอมให้มันตกไปอยู่ในมือของาาปีศาจอั้นิได้ ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาคงยากเกินกว่าที่จะจินตนาการได้” เ้าเมืองเทียนเฉินพูดออกมาด้วยใบหน้าจริงจัง
“แล้วท่านจะให้ผมทำอะไรเหรอครับ?” เย่เทียนเซี่ยถือจดหมายฉบับนั้นขึ้นมา
“ข้าหวังว่าเ้าจะช่วยนำจดหมายที่อยู่ในมือของเ้าไปส่งให้ถึงมือเ้าเมืองเทียนยรื่อภายในสิบวัน เมืองเทียนยรื่อห่างจากที่นี่นับพันลี้ ตลอดทางก็ยิ่งเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ปีศาจมากมายนับไม่ถ้วน แต่ไม่ว่ายังไงก็จะต้องส่งมันไปให้ถึงภายในสิบวันให้ได้ และเพราะการเดินทางในครั้งนี้ยากเสียยิ่งกว่ายาก ภารกิจที่ยากเย็นเช่นนี้ข้าคิดถึงแค่เ้าเท่านั้นที่จะทำมันให้สำเร็จได้”
ส่งจดหมาย? เย่เทียนเซี่ยถามออกไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก “ท่านเ้าเมืองครับ คนของเมืองที่สูญหายก็มีทักษะอักขระพันลี้ แล้วทำไมไม่ส่งไปให้เมืองเทียนยรื่อเองไปเลยล่ะครับ ทำไมต้องอ้อมมาที่เมืองเทียนเฉินแล้วให้คนของเมืองเทียนเฉินเป้นคนไปส่งด้วยล่ะครับ?”
“นี่มันเป็เื่ที่ช่วยไม่ได้ การส่งข้อความเร่งด่วนและห่างไกลจำเป็ต้องใช้อักขระพันลี้ที่มีมูลค่าสูงจนประเมินค่ามิได้ และทั้งสองฝ่ายจะต้องมีกระดาษที่ใช้ในอักขณะพันลี้คนละหนึ่งแผ่น เมื่อเชื่อมต่อเข้ากับพลัง หากมีกระดาษทั้งสองแผ่นแบบนี้ก็จะสามารถส่งสารด่วนถึงกันได้โดยตรงแม้ว่าจะอยู่ห่างกันเป็พันลี้ก็ตาม แต่กระดาษอักขระด่วนระหว่างเมืองเทียนยรื่อและเมืองที่สูญหายได้หายไปแล้วเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้คิดว่ามีความเป็ไปได้สูงที่มันจะถูกาาปีศาจอั้นิขโมยไป........... ขณะเดียวกันแม้ว่ากระดาษสารด่วนของเมืองเทียนยรื่อจะยังคงอยู่ แต่พลังที่ส่งไปขณะที่ส่งสารด่วนนั้นก็มีความเป็ไปได้ว่าจะถูกาาปีศาจอั้นิตรวจจับได้ ดังนั้นจึงมีเพียงแค่การส่งสารด่วนผ่านคนเท่านั้น เซี่ยเทียน เ้าจะยินดีช่วยข้าได้หรือไม่?”
“ติ๊ง! เ้าเมืองเทียนเฉินมอบหมายให้ท่านส่ง ‘จดหมายด่วน’ ไปให้ถึงมือเ้าเมืองเทียนยรื่อที่อยู่ทางใต้ของทวีปที่สาบสูญ ลักษณะภารกิจ : ภารกิจหนึ่งเดียว , รางวัลภารกิจ : ไม่ทราบ , ระยะเวลาทำภารกิจ : 10 วัน , หลังจากผ่านไป 10 วันรางวัลจะถูกหักไป 50% ในทุกๆวันที่ล่าช้า บทลงโทษ : ไม่มี ท่านจะยอมรับหรือไม่?”
เย่เทียนเซี่ยเคยมองแผนที่ของทวีปที่สาบสูญอย่างละเอียดมาแล้ว แม้ว่าจะเป็เพียงแผนที่ง่ายๆในมือผู้เล่นคนหนึ่งที่ถูกทำเครื่องหมายเอาไว้ แต่เครื่องหมายบอกตำแหน่งของห้าเ้าเมืองหนึ่งาาก็ชัดเจน เย่เทียนเซี่ยนึกถึงมันขึ้นมาทันทีจากนั้นระยะทางจากเมืองเทียนเฉินไปยังเมืองเทียนยรื่อก็ปรากฏขึ้นมาในสมองของเขาอย่างรวดเร็ว..........
ในโลกใบนี้ไม่มีรถไฟ ไม่มีเครื่องบิน มีเพียงแค่การขี่ม้าไปเท่านั้น หาก้าจะข้ามระยะทางที่ห่างไกลในแผนที่ของทวีปที่สาบสูญให้ได้ภายในสิบวัน แม้ว่าจะเดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยที่ไม่มีอะไรมาขัดขวางก็ยังถือว่าเป็เื่ยากอยู่ดี
“ได้ครับ ท่านวางใจเถอะครับ ผมจะรีบนำมันไปส่งทันที” เย่เทียนเซี่ยเงยหน้าขึ้น หลังจากเก็บจดหมายฉบับนั้นลงไปในกระเป๋าแล้วเขาก็พยักหน้าแล้วพูดออกมา
“เ้าตอบรับเช่นนี้ช่างเป็เื่ที่ดีจริงๆ ถ้าหากให้คนอื่นทำ ข้าคงไม่อาจวางใจได้ ในเมื่อเป็เช่นนี้เ้ารีบเดินทางเสียั้แ่ตอนนี้คงจะดีที่สุด เื่นี้เกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของเมืองเทียนยรื่อและความมั่นคงของทวีปที่สาบสูญทั้งทวีป ดังนั้นเ้าจะต้องส่งมันให้ถึงที่ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุดนะเ้าหนุ่ม”