บทที่ 121 ไป๋หยางมาหา
เย่จื่อเฉินยืนอยู่บนชั้นสองของร้านซูเปอร์มาร์เก็ต ชี้ไปยังเตียงไม้ที่เขาซื้อมาจากตลาดมือสอง ก่อนจะเปิดปากพูดกับเด็กขงเบ้งที่ยืนอยู่ทางด้านข้าง
“เตียงนี้ดูเก่าไปหน่อย น่าจะพออยู่ได้นะ ส่วนผ้าปูเตียงนี่ใหม่หมด”
เด็กขงเบ้งไม่ได้แสดงสีหน้ารังเกียจออกมา เขาผงกหัวเล็กๆ ด้วยความตื่นเต้น แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณครับพี่เย่”
ถึงจะไม่รู้ที่มาที่ไปของเ้าเด็กนี่อย่างแน่ชัด แต่นิสัยก็น่าเอ็นดูมาก
เย่จื่อเฉินเอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กของเขา แล้วเปิดปากพูด
“ที่ร้านไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”
“มีครับ” เด็กขงเบ้งย่นจมูกแล้วพูด “ตอนสายมีคนมาเก็บค่าคุ้มครองที่ร้านเราหลายคนเลย แต่ผมจัดการมันจนหนีไปแล้ว”
“เก็บค่าคุ้มครอง แถมยังโดนนายจัดการจนหนีไป?”
เย่จื่อเฉินชะงักไปนิด แต่เขาไม่ได้สงสัยว่าเ้าเด็กนี่จะโกหกหรือเปล่า เื่เก็บค่าคุ้มครองอยู่ที่ไหนมันก็มีทั้งนั้น ถือเป็เื่ปกติ
แต่ที่คิดไม่ถึงคือเ้าเด็กนี่จะโหดขนาดที่สามารถจัดการพวกเก็บค่าคุ้มครองจนหนีไปได้
“อิอิ แต่ก่อนผมเคยฝึกการต่อสู้กับปู่...”
ยังพูดไม่ทันจบ เสียงตบประตูอย่างรุนแรงก็ดังขึ้นที่ชั้นล่าง
เย่จื่อเฉินรีบลงไปหาที่มาของเสียง เมื่อไปถึงหน้าประตู เด็กขงเบ้งก็ขมวดคิ้วมุ่นพูดขึ้น
“มาอีกแล้ว”
“พวกนั้นเหรอ?”
น้ำเสียงของเย่จื่อเฉินค่อนข้างไม่พอใจ เด็กขงเบ้งก้าวขึ้นไปข้างหน้า สองมือเท้าเอวะโออกไป
“พวกนายอยากโดนต่อยอีกใช่ไหม”
การกระทำของคนด้านนอกหยุดนิ่งไป ดูท่าว่าตอนที่เ้าเด็กนี่สั่งสอนพวกเขามันจะฝังลึกอยู่ในใจพอสมควร
ทันใดนั้น ไป๋หยางก็เดินออกมาจากกลุ่มคนที่ถือไม้เบสบอลอยู่ แล้วพูดเสียงเหี้ยม
“เย่จื่อเฉิน ถ้านายไม่เปิดประตู ก็อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
“พี่เย่?”
เด็กขงเบ้งหันกลับมามอง เย่จื่อเฉินเม้มปากยิ้ม แล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูร้านก่อนจะเปิดออก
“คุณชายไป๋”
“เ้าหนู ยอมแพ้แล้วสินะ?”
ไป๋หยางหรี่ตาเอ่ยเสียงห้วน ที่แขนของเขายังพันผ้าพันแผลเอาไว้ แสดงว่าาแในวันนั้นยังไม่หายดี
“นายปล่อยให้ฉันตามหาตั้งนานเลยนะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาแอบอยู่ที่นี่”
“อือฮึ”
เย่จื่อเฉินพยักหน้ารับ ไป๋หยางเห็นท่าทางที่ดูมีทิฐิของเขา ก็เงื้อมือขึ้นหมายจะต่อย
ตุบ
“นายห้ามแตะต้องพี่เย่ของฉัน”
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว แม้แต่เย่จื่อเองก็ยังเห็นการกระทำของเด็กขงเบ้งไม่ชัด ไป๋หยางก็ลอยกระเด็นออกไปราวกับโดนแรงะเิ
กลับเป็ต้าเฮยที่รูม่านตาหดเกร็ง ก่อนจะอุทานออกมาอย่างใ
“สุดยอดกังฟู!”
เด็กขงเบ้งที่เชิดใบหน้าเล็กขึ้นอย่างดื้อรั้นหันขวับทันที ดวงตาสองข้างเป็ประกายจ้องไปทางต้าเฮย
แต่มันก็เป็เพียง่เวลาแค่พริบตาเดียว ไม่มีใครสังเกตเห็นในจุดนี้ด้วยซ้ำ
เย่จื่อเฉินเองก็มีสีหน้าใ พลังการต่อสู้ของเ้าเด็กนี่แข็งแกร่งไม่เบาเลยจริงๆ
“มัวยืนบื้ออะไรอยู่ พังร้านมันสิ!”
“นี่เป็หยาดเหงื่อแรงกายของฉัน ฉันไม่ให้พวกนายมาแตะต้องตามอำเภอใจหรอกนะ”
สิ้นเสียง เย่จื่อเฉินก็เคลื่อนไหวดุจเงา แล้วตามด้วยเสียงตุบตับดังอยู่สองสามครั้ง
กลุ่มอันธพาลที่มากับไป๋หยางก็ลงไปกองอยู่กับพื้นกันหมด
เมื่อปัดมือเสร็จ เย่จื่อเฉินก็เดินเข้าไปนั่งยองๆ ลงตรงหน้าของไป๋หยาง อีกฝ่ายก็มองเขาเหมือนกับเห็นสัตว์ประหลาด ก่อนจะะโขึ้นมา
“นายอย่าแตะต้องฉันจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นนายเตรียมรับผลที่จะตามมาได้เลย”
“แบบนั้นก็ดีเลยน่ะสิ คนอย่างฉันมันชอบหาเื่แล้วรอผลที่จะได้รับซะด้วย แบบนี้สิถึงจะไม่เสียเวลาฟรี”
เพียะ!
ฝ่ามือข้างหนึ่งตบเข้าที่ใบหน้าของไป๋หยาง แรงตบทำเอาใบหน้าซีกซ้ายของเขาบวมขึ้นมาทันที
“คุณชายไป๋ นายนี่มันยังไง วันนั้นฉันว่าฉันบอกกับนายชัดแล้วนะ แล้ววันนี้นายมาหาฉันเพื่ออะไรอีก อยากแก้แค้นเหรอ?”
“แกตายแน่ แกตายแน่!”
ไป๋หยางยกมือขึ้นชี้หน้าเย่จื่อเฉิน
กึก
นิ้วมือโดนเย่จื่อเฉินจับหักอย่างไม่ลังเล พร้อมกับเหวี่ยงฝ่ามือออกไปอีกครั้ง
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าฉันจะตายหรือเปล่า ฉันรู้แค่ว่าถ้านายยังพูดอะไรไร้สาระกับฉันอีกแค่ประโยคเดียว นายตายแน่”
สิ้นเสียง ต้าเฮยก็ลอยมาตรงหน้าไป๋หยางตามสายตาที่ส่งมาให้ของเย่จื่อเฉิน
ความเย็นะเืที่ทำให้คนทนไม่ไหว ทำเอาไป๋หยางตัวสั่นเทาขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
เขาจ้องเย่จื่อเฉินที่กระตุกยิ้มบางที่มุมปาก แล้วพูดอย่างขลาดกลัว
“ฉันผิดไปแล้ว…”
“ฮะ?”
เย่จื่อเฉินชะงักไป
“คุณชายเย่ ปล่อยผมไปเถอะ”
เปลี่ยนสีเร็วเกินไปไหมเนี่ย
เย่จื่อเฉินคิดว่าเ้านี่ยังอดทนต่อปากต่อคำกับเขาอีกสักสองสามประโยคเสียอีก ไม่นึกเลยว่าจะยอมแพ้เร็วขนาดนี้ แพ้อย่างราบคาบ
ยกมือขึ้นสางผม ก่อนเย่จื่อเฉินจะลุกขึ้นยืน แล้วหลุบตาลงมองที่พื้นก่อนจะพูดขึ้น
“ขอเหตุผล”
“ถ้าครั้งนี้คุณชายเย่ปล่อยผมไป ผมยังชดเชยค่าเสียหายให้คุณชายเย่ได้นะครับ”
“อ้อ”
ในเื่ของเงิน เย่จื่อเฉินก็ค่อนข้างที่จะขาดอยู่บ้าง พอไม่มีเนตรอัคคี ่นี้เขาจึงไม่ได้มีงานอะไร
เงินของร้านซูเปอร์มาร์เก็ตซูอี้อวิ๋นก็เป็คนจ่าย เงินบางส่วนที่เขามีอยู่ตอนนี้ก็เป็เงินที่เซียวอี้เหม่ยให้มา
เงิน จึงเป็สิ่งที่เขา้า
“เท่าไรล่ะ”
“หนึ่งแสน”
ไป๋หยางชูนิ้วชี้ขึ้นมาด้วยท่าทางที่สั่นกลัว เย่จื่อเฉินถีบเขาออกไปแล้วด่าทอ
“นายคิดว่าชีวิตของนายมันมีค่าแค่เงินแสนเดียวเองเหรอ?”
“สองแสน”
ตุบ
ถีบอีกครั้ง
“สามแสน!”
ไป๋หยางเพิ่มเงินขึ้นไม่หยุด เย่จื่อเฉินไม่มีความอดทนที่จะมามัวยืดเยื้อกับเขาอยู่ที่นี่ จึงชูนิ้วชี้ขึ้นมา
“หนึ่งล้าน แลกกับชีวิตนาย พวกลูกสมุนของนายก็จะรอดด้วย”
“หนึ่งล้าน?” ไป๋หยางหน้าดำคร่ำเครียด ตอนนี้เงินในมือเขามันไม่ได้มีมากขนาดนั้น
“ฉันไม่อยากพูดซ้ำ ถ้านายคิดว่าเอามาไม่ได้…”
เย่จื่อเฉินหรี่ตายิ้ม ยกมือขึ้นจับนิ้วมือของเขา
กึก
“ผมให้…ผมให้”
ไป๋หยางแทบจะกัดฟันะโออกมา เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยอาการสั่นระริก ก่อนจะะโใส่โทรศัพท์
“พ่อครับ รีบโอนเงินมาให้ผมล้านหนึ่ง ผม…”
พอวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว ไป๋หยางก็อดทนกับความเ็ปบริเวณนิ้วมือของเขา ก่อนพูดขึ้น
“คุณชายเย่ อีกเดี๋ยวพ่อผมจะเอาเงินมาจ่ายค่าเสียหายให้คุณ”
“อย่างนั้นเหรอ?”
เย่จื่อเฉินหรี่ตาลง ดวงตาทั้งสองราวกับอสรพิษ แล้วพูดพลางหัวเราะ
“ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าพ่อนายจะพาคนมาเลยล่ะ?”
ไป๋หยางลำคอตีบตันขึ้นมาทันที เมื่อครู่นี้เขาแอบบอกพ่อผ่านคำพูดที่มีความนัยแฝงว่าให้พาคนมาจริงๆ
คำพูดที่มีความนัยแฝงนี้มีแค่พวกเขาพ่อลูกที่เข้าใจ แล้วเย่จื่อเฉินรู้ได้ยังไง
ในขณะที่ไป๋หยางกำลังคิดสับสนอยู่ในใจ เย่จื่อเฉินก็เอื้อมมือไปตบไหล่ แล้วพูด
“ไม่ต้องเครียด ฉันแค่ล้อเล่น”
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
นิ้วที่หักไปทั้งสองนิ้วของไป๋หยางก็แทบจะบวมเป่งขึ้นมาเป็ลูกหมั่นโถว เย่จื่อเฉินก็ไม่ได้ลงไม้ลงมืออะไรกับเขาอีก
ราวกับว่ากำลังให้พ่อของไป๋หยางเอาเงินมาให้จริงๆ
“เ้าหนู เดี๋ยวแกได้ร้องไห้แน่”
ไป๋หยางจ้องแผ่นหลังของเย่จื่อเฉินอย่างจงเกลียดจงชัง หลิวฉิงที่ลอยอยู่กลางอากาศเบ้ปากพูด
“ทำไมนายต้องปล่อยเขาไว้ด้วย ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ได้จะให้เงิน”
ต้าเฮยที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ ถ้าเป็เขานะ ไม่ตีจนอึเรี่ยราดก็นับว่าเป็บุญแล้ว
เย่จื่อเฉินที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้กระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมาทันที
“เธอจะไปเข้าใจอะไร ละครมันเพิ่งจะเริ่มขึ้นต่างหาก”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้