“ดีจริง เดิมเื่นี้เป็เื่ที่เ้าวางแผนไว้ หลี่ชิ่งเหยียนทั้งนี้ตระกูลหลัวข้าได้ล่วงเกินเ้าตรงไหนเ้าจึงต้องลงมืออย่างโหดร้ายขนาดนั้นต่อสาวน้อยคนหนึ่ง” หลัวไท่ฟูโพล่งวาจาออกจากปากโดยไม่สามารถควบคุมไว้ได้
หลี่ชิ่งเหยียนถูกด่าว่าตำหนิจนกระอักกระอ่วนไปบ้างแต่ติดที่ซ่งหลิงซิวกับอวี้เสวียนจีอยู่ในที่เกิดเหตุมิอาจอาละวาดได้แต่หน้าด้านขอโทษขอโพยหลัวไท่ฟู “เื่นี้ิ่เอ๋อร์ทำผิดจริงๆเพียงรอจับฆาตกรตัวจริงได้ข้าก็พานางไปขอโทษถึงที่ถึงเวลาจะตีจะด่าก็แล้วแต่ท่านจัดการ”
“เกรงว่าเ้าไม่มีโอกาสนี้แล้วทหาร นำมา” อวี้เสวียนจีหรี่ตาอย่างดูถูกดูแคลน โบกมืออีกครั้ง
หลี่หยงกับคนชุดดำหลายคนถูกทหารรักษาพระองค์คุมตัวเข้ามาหลี่ชิ่งเหยียนได้เห็นพวกเขา หน้าก็ซีดเขียวแล้วในชั่วพริบตา
จาก่นาทีที่เห็นซูเฟยซื่อปลอดภัยไร้กังวลเขาก็รู้สึกลางๆ ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตอนนี้ได้เห็นหลี่หยงถูกจับอีก เขาเกือบจะเป็ลมไป
“นี่ไม่ใช่หลี่ซื่อจงหรอกหรือ?” ซูเต๋อเหยียนได้สติตอบโต้มาก่อนคนแรก
“หลี่ซื่อจงกลางวันแสกๆ เ้าแต่งตัวแบบนี้มีเป้าหมายใด?” ซ่งหลิงซิวได้ตระหนักถึงเื่ผิดปกติด้วยพลันขมวดคิ้ว
“นี่...”หลี่หยงไม่รู้ควรจะตอบอย่างไรโดยสิ้นเชิง ร้อนรุ่มจนเหงื่อเย็นออกทั่วตัว
“ฝ่าาเดิมกระหม่อมอุปราชคิดสวมใส่เสื้อผ้าผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ด้วยนึกสนุกแต่ไม่คิดว่ากลับจับโจรเล็กๆ ที่มาปล้นคุกหลวงได้หลายคนและหลี่ซื่อจงเป็ผู้นำของคนเหล่านี้ กระหม่อมรู้สึกน่าสนใจก็พามาให้ฝ่าาทรงทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ”ประโยคเดียวของอวี้เสวียนจีที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจ กลับเหมือนน้ำหยดลงในกระทะน้ำมันร้อนทำให้หัวใจของทุกคนในที่เกิดเหตุต่างะเิขึ้นมาแล้ว
อะไร? คาดไม่ถึงว่าคนที่เพิ่งปล้นคุกเป็หลี่หยง?
ถ้าเช่นนั้นไยหลี่ชิ่งเหยียนมิใช่กำลังเป็โจรเรียกจับโจร!
ดวงตาอำมหิตชั่วร้ายทั้งสองของซ่งหลิงซิวหรี่ขึ้นมา“หลี่ซื่อจง เ้าใช่ควรอธิบายให้ข้าฟังคราหนึ่งว่านี่เป็เื่อะไร?”
“ฝ่าากระหม่อม...กระหม่อม...” เขาควรพูดว่าอะไร?
สารภาพความผิดหรือ?
นี่เป็อาชญากรรมร้ายแรงถึงขั้นบั่นศีรษะ!
ไม่สารภาพความผิดหรือ?
ตอนนี้หลักฐานยืนยันชัดเจนอวี้เสวียนจีกับซูเฟยซื่อจะปล่อยเขาไปหรือ!
“ในเมื่อหลี่ซื่อจงพูดไม่ออกถ้าเช่นนั้นก็ให้ข้าอุปราชช่วยเ้าพูดฝ่าาเื่ทุกอย่างในวันนี้ล้วนเป็ตระกูลหลี่จัดเตรียมทั้งหมด รวมถึงชุดกระโปรงที่เหมือนกันการทะเลาะวิวาทกัน การเสียชีวิตของคุณหนูหลัว พบซูเฟยซื่อข้างศพของคุณหนูหลัวจนในที่สุดจัดฉากปลอมเป็ซูเฟยซื่อสังหารคนหลบหนี เป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียวก็คือให้ซูเฟยซื่อตายพ่ะย่ะค่ะ” อวี้เสวียนจีจงใจชะลอความเร็วของประโยคสุดท้ายทุกๆ คำอันชั่วร้าย ทำให้คนสั่นเทิ้มอย่างอดไม่ได้
ตระกูลหลี่ทำเื่มากมายขนาดนั้นเพียงเพื่อให้ซูเฟยซื่อตาย?
วาจานี้ฟังดูแล้วทั้งไร้สาระทั้งทำให้คนมิอาจสยบ
ถ้าเปลี่ยนเป็ผู้หญิงคนอื่นเขาอาจจะไม่เชื่อ แต่ถ้าเป็ซูเฟยซื่อ...
ซ่งหลิงซิวหรี่ตาแล้วผู้หญิงที่เหมือนปริศนาลึกลับคนนี้คาดไม่ถึงว่าสามารถดึงดูดให้ตระกูลหลี่ทั้งครอบครัวออกปฏิบัติการมิอาจดูแคลนได้จริงๆ
ััได้ถึงสายตาของซ่งหลิงซิวซูเฟยซื่อก็ก้มศีรษะลงอีกหลายส่วนโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้จะรู้ว่าตนได้เปลี่ยนคราบเนื้อหนังแล้วซ่งหลิงซิวดูอย่างไรก็จดจำไม่ได้แน่นอน
แต่นางยังรู้สึกก้นบึ้งหัวใจไม่สบาย
คราวนี้เกรงว่านางได้ทิ้งความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้ซ่งหลิงซิวอีกครั้ง
แต่หลี่หยงถูกความกดดันมหาศาลชนิดนี้ข่มขู่จนใเป็ลมไปยิ่งขาของหลี่ชิ่งเหยียนก็อ่อนยวบลงทันที คนทั้งคนล้มลงกับพื้น“ฝ่าา...หลี่หยงกับหลี่ิ่เอ๋อร์เพียงเลอะเลือนไปชั่วขณะ จึงทำเื่นี้ออกมายังขอฝ่าาทรงพระกรุณา ไว้ชีวิตพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”
ขณะที่หลี่ชิ่งเหยียนพูดคำเหล่านี้ออกมาหัวใจปวดหนึบไปหมด
ในที่สุดเขาก็เข้าใจความรู้สึกที่นางแซ่หลี่ขอร้องเขาแต่ถ้าเป็ไปได้เขายินยอมที่จะไม่มีวันเข้าใจ
คำพูดนี้หลุดออกจากปากก็เท่ากับยอมรับความผิดของหลี่หยงและหลี่ิ่เอ๋อร์
ก็เท่ากับทรยศหักหลังหลี่หยงกับหลี่ิ่เอ๋อร์เพื่อปกป้องตัวเอง
เพราะเขาเข้าใจถ้าไม่รีบยอมรับ อวี้เสวียนจียังต้องขุดอีกหลายเื่ที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อตระกูลหลี่ออกมาอีกมากแน่นอน
ถึงเวลาอย่าว่าแต่เป็หลี่หยงกับหลี่ิ่เอ๋อร์แม้แต่เขาก็อย่าคิดหลบหนีด้วย
ถ้าเขาเสียชีวิตแล้วตระกูลหลี่ก็จบเห่แล้ว
ดังนั้นกับการถูกคนอื่นบีบคั้นทีละก้าวๆให้จนมุมตาย สู้ยอมจัดการตนเองถึงตายแล้วเกิดใหม่มิดีกว่าหรือ?
บางทียังสามารถช่วยชีวิตหลี่หยงกับหลี่ิ่เอ๋อร์ไว้ได้
“ไว้ชีวิตพวกเขาถ้าเช่นนั้นใครไว้ชีวิตลี่เอ๋อร์ตระกูลข้า!”หลัวไท่ฟูร้าวรานจนดวงตาทั้งสองแดงฉานไปหมด
เดิมเขาไม่คิดว่าเื่นี้ถึงกับมีการเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้ยิ่งไม่คิดว่าการเสียชีวิตของหลัวฉีลี่เป็เพียงส่วนหนึ่งในแผนทั้งหมดของตระกูลหลี่
ถ้าหลัวฉีลี่ถูกคนแทงเสียชีวิตเพราะเกิดปากเสียงทะเลาะกับคนอื่น อย่างมากที่สุดเขาก็เสียใจแค้นเคืองต่อว่า
แต่ตอนนี้ได้รู้โดยคาดไม่ถึงว่าหลัวฉีลี่เสียชีวิตอย่างไม่ยุติธรรมขนาดนั้นจะให้เขากลืนความโกรธนี้ลงไปได้อย่างไร!
หลี่ชิ่งเหยียนโขกศีรษะอย่างแรงไปบนพื้นน้ำเสียงเศร้าสลดอย่างสุดซึ้ง “ฝ่าาการเสียชีวิตของคุณหนูหลัวไม่สามารถเรียกคืนได้ ถึงแม้หลี่หยงและหลี่ิ่เอ๋อร์ได้ทำผิดกลับถูกผู้อื่นใช้ประโยชน์ โทษฐานไม่ถึงขั้นตายพ่ะย่ะค่ะ”
“ถูกผู้อื่นใช้ประโยชน์?” ซ่งหลิงซิวเลิกคิ้วหรือว่าเื่นี้ยังมีโอกาสพลิกผัน?
“หม่อมฉันเฝ้าทูลพระบาทเพคะ”ก่อนที่หลี่ชิ่งเหยียนได้พูดเื่ต่อไป จู่ๆ เสียงของพระสนมหวินดังมา
เพียงเห็นนางเดินเข้ามาในห้องทรงพระอักษรอย่างรวดเร็วสีหน้าดูเหมือนยังมีความกังวลและความลําบากใจบ้าง
ได้เห็นพระสนมหวินในสถานที่แบบนี้ใน่เวลานี้ทำให้ซูเฟยซื่ออดที่จะประหลาดใจบ้าง
หรือพระสนมหวินไม่รู้ว่าการปรากฏตัวในที่นี่ตอนนี้เป็เื่โง่มากหรอกหรือ?
ซ่งหลิงซิวกำลังโกรธจัดที่นี่เป็สถานที่จัดการเื่การเมืองด้วยยังมีขุนนางใหญ่มากมายขนาดนั้นอยู่ที่นี่ นางซึ่งเป็พระสนมองค์หนึ่ง จู่ๆปรากฏตัวขึ้น...
ชะตากรรมจุดจบสามารถจินตนาการได้
ตามที่คาดทันทีที่ซ่งหลิงซิวได้เห็นพระสนมหวิน คิ้วก็ขมวดทันที“วังหลังไม่ยุ่งเื่การเมือง พระสนมหวิน เ้าควรมีโทษสถานใด?”
เมื่อนางได้ยินอย่างนั้นพระสนมหวินใจนรีบคุกเข่าหมอบลงกับพื้น ใบหน้าหวาดกลัว ชนิดข้าเห็นก็สงสาร“ฝ่าา ความจริงหม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนฝ่าาทรงเสวนาเื่การเมืองเป็หลักแหล่งกับใต้เท้าหลายท่านเพียงแต่มีบางเื่ถ้าไม่พูดออกมา ชั่วชีวิตหม่อมฉันก็ไม่มีความสุข ยิ่งกว่านี้คุณหนูหลัวได้เสียชีวิตจากการมาเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวันสมภพของหม่อมฉันหม่อมฉันก็ต้องรับผิดชอบด้วยจริงๆ เพคะ”
ทันทีที่ได้ยินว่าเกี่ยวกับเื่ของหลัวฉีลี่ทุกคนต่างแสดงท่าทีอยากรู้อยากเห็นออกมาหมด
ทั้งนี้เื่นี้มีการเปลี่ยนแปลงพลิกผันมากเกินไปไม่เพียงแต่ในการแสดงละคร แต่ยังเกี่ยวข้องกับขุนนางใหญ่ไม่น้อย
ถ้าพระสนมหวินพูดความลับอะไรบางอย่างออกมาอีก...
“ในเมื่อเป็เื่เกี่ยวกับคุณหนูหลัวถ้าเช่นนั้นก็พูดเถิด” น้ำเสียงของซ่งหลิงซิวได้ประนีประนอมลงมามากแล้วด้วย
พระสนมหวินเห็นเช่นนี้รีบกราบขอบพระคุณ “ตามที่หม่อมฉันได้ทูลเมื่อครู่ คุณหนูหลัวได้เสียชีวิตจากการมาเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวันสมภพของหม่อมฉันดังนั้นหม่อมฉันจึงรู้สึกไม่สบายใจมาตลอดก็ให้คนของพระตำหนักไปรวบรวมหลักฐานที่สวนบุปผชาติหลวงหวังสามารถสืบหาฆาตกรตัวจริงออกมาได้ในเร็ววันคิดไม่ถึงคนของพระตำหนักได้พบว่ามีคนโยนเหรียญเงินไว้ในสวนบุปผชาติหลวงโยนไปพลางยังท่องเป็ระยะๆ ว่าให้คุณหนูหลัวเดินทางโดยสวัสดิภาพตลอดทางไปพลางอย่าได้มาหาข้า วาจาประมาณแบบนี้หม่อมฉันคิดว่าคงเป็เพราะในพระตำหนักห้ามเผากระดาษเงินคนนี้จึงใช้วิธีการโยนเงินแทน หม่อมฉันรู้สึกว่าคนนี้ผิดปกติ ก็ให้คนของพระตำหนักลอบสะกดรอยตาม...”