“เ้าฟื้นแล้วสินะ”
ในขณะที่ดวงตาอ่อนล้าของเยี่ยเฉินเฟิงค่อยๆ เปิดออก และเริ่มฟื้นคืนสติได้หลังจากสลบไป น้ำเสียงทุ้มต่ำกระแสหนึ่งก็ดังขึ้นกระทบโสตประสาทของเขา
“เ้า เ้ายังไม่ตายอีกเรอะ!” เยี่ยเฉินเฟิงเผยสีหน้าตื่นตระหนกระคนหวาดกลัว เมื่อเห็นร่างของชายปริศนาที่ถูกของแหลมแทงทะลุอกและเืไหลโชกออกจากาแยืนอยู่ตรงหน้า
ในความคิดของเขา คนที่ถูกแทงทะลุหน้าอกและเืไหลแทบจะหมดตัวอยู่แล้วนั้น ไม่มีทางรอดมาได้หรอก เหตุการณ์ประหลาดเบื้องหน้าเป็เื่ที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขามาก
“ทำไม นี่เ้าอยากให้ข้าตายมากกระนั้นรึ?” ดวงตาของชายปริศนาเผยกลิ่นอายความอันตรายและเอ่ยถามอย่างไม่ยินดียินร้าย
“ย่อมมิใช่ ข้าเพียงประหลาดใจที่ผู้าุโาเ็หนักขนาดนั้นแต่ยังดูปรกติดี” เยี่ยเฉินเฟิงใจกระตุกวูบ เมื่อััถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่ในแววตาของชายปริศนาได้ จึงพยายามสงบจิตสงบใจของตัวเองและกล่าวอธิบาย
“งั้นรึ เช่นนั้นเ้าอยากเก่งกาจให้ได้อย่างข้าไหมล่ะ” ชายปริศนาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มแปลกๆ
“คือ...” หัวคิ้วของเยี่ยเฉินเฟิงกระตุกเบาๆ “ผู้าุโ ท่าน้าให้ข้าคารวะท่านเป็อาจารย์กระนั้นหรือ?”
หากเป็คนทั่วไป คงดีอกดีใจแทบตายกับสมบัติที่หล่นมาจากฟากฟ้าเช่นนี้ แต่เยี่ยเฉินเฟิงไม่ได้หลงมัวเมาไปกับลาภลอยตรงหน้า เพราะเขารู้ซึ้งแก่ใจว่าบนโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดได้มาอย่างไร้ราคา ความหวาดระแวงในดวงตาเขาก็เริ่มปรากฏชัดขึ้น
“การที่ข้าได้พบเ้าก่อนตายเป็สิ่งชี้ชัดแล้วว่าพวกเรามีวาสนาต่อกัน หากเ้ายอมคารวะข้าเป็อาจารย์ ข้าจะถ่ายทอดวิชาความรู้ทั้งหมดที่มีให้แก่เ้า ในยามที่เ้าสำเร็จเคล็ดวิชาแล้ว แม้แต่กษัตริย์ในแคว้นแดนมนุษย์แห่งนี้ ยังต้องปฏิบัติต่อเ้าด้วยความเคารพ” ชายปริศนาจ้องเยี่ยเฉินเฟิงด้วยสายตาลึกล้ำ จนยากจะคาดเดาวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของอีกฝ่าย
แม้ชายปริศนาจะพูดจาดูน่าเชื่อถือ แต่เยี่ยเฉินเฟิงกลับัักระแสสังหารแ่บางในแววตาของเขาได้
‘เขาคิดจะสังหารข้า เพราะสมองโลหิตก้อนนั้นหรือ’
ความคิดอันน่าหวาดหวั่นผุดขึ้นในห้วงสมองของเยี่ยเฉินเฟิง จนรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วทั้งร่างกาย สองขาก้าวถอยหลังอย่างไม่อาจควบคุมได้
“อะไรกัน เ้าไม่อยากคารวะข้าเป็อาจารย์กระนั้นรึ!?”
สีหน้าของชายปริศนาเริ่มถมึงทึง เมื่อเห็นเยี่ยเฉินเฟิงก้าวถอยหนีไม่ยอมหยุด น้ำเสียงที่ใช้ก็เย็นะเืเกินบรรยาย จิตสังหารที่เก็บซ่อนไว้ในแววตาถูกเผยออกมาและไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไป
“ผู้าุโ การคารวะอาจารย์เป็เื่ที่ยิ่งใหญ่เกินไป ให้ข้าปรึกษากับครอบครัวเสียก่อนแล้วค่อยตัดสินใจได้หรือไม่” เยี่ยเฉินเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และแสร้งพูดขึ้นอย่างสุขุม
“เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็ใคร? และเ้ารู้หรือไม่ว่ามีผู้คนมากมายทั่วทั้งทวีปโต้วหุนแห่งนี้ที่อยากจะคารวะข้าเป็อาจารย์?” ชายปริศนาเอ่ยถามเสียงต่ำ
“ได้รับความชื่นชอบจากผู้าุโเป็บุญวาสนาของผู้น้อยแล้ว ไม่ทราบว่าผู้าุโพอจะให้เวลาผู้น้อยสักสองสามชั่วยามได้หรือไม่ รอให้ผู้น้อยแจ้งข่าวแก่บิดามารดาเสียก่อน ค่อยกลับมาติดตามผู้าุโไปร่ำเรียนวิชา” เยี่ยเฉินเฟิงกล่าวอย่างรู้จักแบ่งรับแบ่งสู้
“เนื้อแท้ของจิตใจเ้าไม่เลวเลยนะ แต่เ้าไม่มีสิทธิ์เลือกแล้ว หากไม่ยอมคารวะข้าเป็อาจารย์ก็จงตายเสียเถอะ”
ขณะที่กล่าวออกมานั้น พลังิญญาในห้วงความคิดของชายปริศนาก็พลั่งพรูออกมา รวมตัวกันกลายเป็อสรพิษสามเศียรขนาดมหึมา ลำตัวใหญ่ั์ขดเป็วงกลมแผ่รัศมีสีแดงแสบตา แรงกดดันมหาศาลแผ่ปกคลุมเยี่ยเฉินเฟิงในชั่วพริบตาจนเขารู้สึกหายใจติดขัด สองขาหนักอึ้งเหมือนถูกกรอกด้วยตะกั่วหลอม ขยับเขยื้อนไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
“ผู้าุโ ท่านอย่าได้กริ้วไปเลย ข้ายินยอมคารวะท่านเป็อาจารย์แล้ว”
ถึงแม้ชายปริศนาจะาเ็หนัก แต่ด้วยความต่างชั้นระหว่างพลังของทั้งสองนั้นมีมากเกินไป เยี่ยเฉินเฟิงจึงไม่เคลือบแคลงใจเลยสักนิดว่า ชายปริศนาเพียงแค่เกิดความคิดขึ้นวูบเดียวเท่านั้น จิตอสูรอสรพิษสามเศียรของเขาก็พร้อมจะสังหารตนให้ตายตกในทันที เยี่ยเฉินเฟิงจำต้องยอมเจรจาต่อรอง ร้องขออย่างประนีประนอมด้วยความจำนน
“เ้าคิดว่าข้าอยากจะรับเ้าเป็ศิษย์จริงๆ หรือ ข้าเพียงสนใจกายเนื้อของเ้าก็เท่านั้น ในเมื่อเ้ามองวัตถุประสงค์ของข้าออกแล้วก็จงยอมรับความตายซะเถอะ” ชายปริศนาควบคุมพลังของจิตอสูรอสรพิษสามเศียรให้วนรัดรอบตัวของเยี่ยเฉินเฟิงเอาไว้และออกแรงกระชากร่างของเขาให้มาอยู่เบื้องหน้าของตน
ครู่ต่อมา ชายปริศนาก็ได้บังคับจิติญญาของตนให้ออกจากร่าง ยอมเสี่ยงแทรกซึมเข้าไปในห้วงสมองของเยี่ยเฉินเฟิงหมายจะกลืนกินจิติญญาของอีกฝ่ายและยึดร่างกายมาเป็ของตนเอง เพื่อขโมยสมองประหลาดกลับคืนมาอีกครั้ง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการแทรกซึมจิติญญาของชายปริศนา เยี่ยเฉินเฟิงก็เป็ดั่งปลาบนเขียงที่ไร้เรี่ยวแรงขัดขืน ได้แต่ปล่อยให้จิติญญาของอีกฝ่ายรุกล้ำเข้าไปในสมองของตน
‘จบกัน ชีวิตข้าช่างสั้นเหลือเกิน’
ความคิดสุดท้ายผุดขึ้นในห้วงสมองของเยี่ยเฉินเฟิง ดวงตาสองข้างพลันมืดสนิท ร่างกายทิ้งดิ่งล้มลงสู่พื้น สูญสิ้นสติสัมปชัญญะ
หลังจากเข้ามาในห้วงสมองของเยี่ยเฉินเฟิงได้แล้ว จิติญญาของชายปริศนาก็คิดจะ่ชิงสติสัมปชัญญะของอีกฝ่ายด้วยการกลืนกินจิติญญาและยึดร่างกายของเขาในทันที
แต่แล้วก็เกิดเื่เหนือความคาดหมายขึ้น
สมองประหลาดที่แฝงตัวอยู่ในห้วงความคิดของเยี่ยเฉินเฟิงนั้น มันเหมือนกับมีชีวิตจิตใจ ปลดปล่อยพลังกัดกลืนระลอกใหญ่ออกมา และกลายเป็ฝ่ายกลืนกินจิติญญาของชายปริศนาเข้าไปแทน
“ไม่นะ!”
ขณะที่สมองประหลาดดูดกลืนจิติญญาเขาเข้าไป ชายปริศนาก็ััได้ถึงอันตรายในทันที เขารีบร้อนผสานจิติญญาให้รวมกันเป็หนึ่ง คิดจะหลบหนีออกมาจากห้วงความคิดของเยี่ยเฉินเฟิง
แต่น่าเสียดายที่สมองก้อนนั้นมันเป็ก้อนสมองที่ไม่ธรรมดา การกลืนกินในรูปแบบคลื่นน้ำวนของมันอยู่เหนือกว่าขอบเขตที่จิติญญาของเขาจะขัดขืนได้
สมองประหลาดไม่คิดจะเหลือหนทางให้เขาได้หลบหนีออกไป วังวนคลื่นกลืนกินและบดจิติญญาของเขาจนแตกสลาย
ขณะที่เขาได้แต่กรีดร้องอย่างสิ้นหวัง จิติญญาของเขาก็ถูกสมองประหลาดกลืนกินจนหมดสิ้น จิตอสูรอสรพิษสามเศียรของเขากลายเป็แสงสีแดง สูญสลายไปท่ามกลางความว่างเปล่า
หลังจากดูดกลืนิญญาของชายปริศนาแล้ว เ้าก้อนสมองประหลาดก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง เซลล์สมองแต่ละจุดขยับ ขยุกขยิกอย่างรวดเร็วและนำจิติญญาของเยี่ยเฉินเฟิงเข้าไปสู่ห้วงดินแดนแห่งความฝันอันลึกลับในทันที
“อ้าว นี่ข้าอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่าข้าตายซะแล้ว”
ในขณะที่สติสัมปชัญญะของเยี่ยเฉินเฟิงค่อยๆ ฟื้นคืนนั้น เขากลับพบว่าตัวเองอยู่ในห้วงมิติอันมืดมิด มืดจนยื่นมือออกไปก็ยังมองไม่เห็นแม้แต่ปลายนิ้วตัวเอง และภายในมิติแห่งนี้มีจุดแสงสีขาวที่ลอยเคว้งดั่งดวงดาว แผ่พลังิญญาชวนให้เขาหวาดหวั่น
ขณะที่เยี่ยเฉินเฟิงจ้องมองจุดแสงสีขาวที่อยู่ไกลออกไป จุดแสงนั้นก็ลอย ‘วูบ’ เข้ามาหาเขาราวกับมีชีวิต และแทรกซึมเข้าไปในจิติญญาของเขาทันทีแบบที่เขาก็ไม่ทันได้ตั้งตัว
“โอ๊ย...”
เยี่ยเฉินเฟิงรู้สึกเจ็บจี๊ดในห้วงสมอง ครู่ต่อมาก็ปรากฏภาพมากมายขึ้นในจิติญญาของเขา ทว่าภาพเ่าั้ไม่ต่างอะไรกับแมลงกลืนิญญา ที่กัดกร่อนสมองของเขาอย่างไม่หยุดยั้ง มันเ็ปจนเขาแทบอยากจะกัดลิ้นตายและจิติญญาก็เกือบจะแหลกสลาย
“นี่ข้ายังไม่ตายหรอกหรือ? ไม่อย่างนั้นข้าจะรู้สึกถึงความเ็ปเพียงนี้ได้อย่างไร” เมื่อรับรู้ถึงความเ็ปนี้ได้ เยี่ยเฉินเฟิงพยายามฝืนรั้งสติสัมปชัญญะเอาไว้และกัดฟันอดทนรับกับความเ็ปในครั้งนี้
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ในตอนที่เยี่ยเฉินเฟิงถูกความเ็ปรวดร้าวกัดกินจนร่างแทบสลาย จุดแสงลึกลับก็หลอมรวมเข้ากับจิติญญาของเขาได้สำเร็จ ความเ็ปที่เขาได้รับจึงค่อยๆ ลดน้อยลงในที่สุด
เวลาผ่านไปพักใหญ่ เยี่ยเฉินเฟิงก็ได้สติตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลในสภาพเหงื่อโทรมกาย ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเืฝาด ฝ่ามือถูกเล็บตัวเองจิกจนเืไหลซึม
เขาชะงักเมื่อได้เห็นร่างไร้ิญญาของชายปริศนา และในเสี้ยววินาทีถัดมา ข้อมูลมหาศาลก็ไหลทะลักเข้าสู่สมองของเขาราวกับมวลน้ำจากเขื่อนที่พังทลาย
“หืม? สมองข้า...ทำไมถึงมีอะไรอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด?”
ศาสตร์แพทย์ ทักษะิญญา เคล็ดวิชาลับ...
“หรือว่าจุดแสงลึกลับนั่นจะเป็ชิ้นส่วนจิติญญาของใครสักคน?”
พอคิดได้เช่นนั้น ในใจของเยี่ยเฉินเฟิงก็เกิดคลื่นลูกใหญ่ซัดโถม เขาตระหนักในใจว่าสิ่งที่ตนได้รับมานั้น มันคือความมั่งคั่งที่มิอาจจะจินตนาการได้
และทรัพย์สมบัติดังกล่าวก็เป็สิ่งจำเป็มากที่สุดในยามนี้และเป็สิ่งที่เขาปรารถนาจะได้มามากที่สุด
เมื่อมีสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ เขาก็ไม่ต้องทนลำบากยากเข็ญอย่างที่เป็อยู่และโบยบินสู่สรวง์ได้
