แสงสว่างแห่งรุ่งอรุณกระจายอยู่ในห้องพักอันล้าสมัยของผู้เข้าพักบนเตียงแกะสลักลายอย่างประณีต และใต้ผ้าห่มผืนบางๆ
โม่เชี่ยนนีพักผ่อนอยู่บนหมอนนุ่มสีขาวปล่อยเสียงหายใจที่นุ่มนวลออกมาเป็จังหวะ ใบหน้างดงามถูกแสงแดดอ่อนๆ สาดลงมาคล้ายนางสนมของจักรพรรดิ ที่ยังมีกลิ่นอายความเซ็กซี่
ทันใดนั้นประตูห้องถูกเปิดออกเบาๆหยางเฉินที่เปลี่ยนไปเป็ชุดสูทสีดำ และเนกไทสีน้ำตาลอมแดง หยางเฉินวางโจ๊กและถ้วยแบ่งไว้บนตู้ข้างเตียงแล้วยืนมองหญิงสาวที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่
“เรามีธุรกิจที่ต้องไปคุยกันวันนี้นะครับคุณตั้งใจจะหลับทั้งวันเลยเหรอ?”
ขนตายาวๆ ของโม่เชี่ยนนีขยับเล็กน้อยใบหน้าของเธอแดงมาก ในที่สุดเธอก็ไม่สามารถที่อดทนต่อการจ้องมองของหยางเฉินได้เธอลืมตาขึ้นและนั่งเงียบๆ อยู่บนเตียง
“นายรู้ว่าฉันตื่นอยู่เหรอ?”
“ตอนที่ผมเข้ามาตัวของคุณสั่นอย่างเห็นได้ชัด ทักษะการแกล้งทำเป็นอนหลับของคุณยังไม่ดีพอนะ”หยางเฉินล้อเลียน
“ฉัน… ฉันขอโทษ… ฉัน…” โม่เชี่ยนนีลดสายตาลง โดยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
หยางเฉินพูดอย่างไม่แยแสว่า “อย่าโทษตัวเองเลยคนธรรมดาที่เห็นเหตุการณ์เมื่อคืนก็คงไม่สามารถรับมันได้ง่ายๆถ้าคุณไม่รู้สึกอะไรเลย ผมก็คงคิดว่าคุณเป็ปีศาจหรือคนฆาตกรโรคจิตหรืออะไรสักอย่างแน่ๆ”
“เมื่อวานนี้…เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ฉันเป็ลมไป?” โม่เชี่ยนนีถามเบาๆ
หลังจากที่เธอเห็นหยางเฉินฆ่าคนโม่เชี่ยนนีก็เป็ลมพับลงไปทันที เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกลับมาที่วิลล่าได้ยังไงหลังจากที่ตื่นขึ้นมา
เธอก็ตกอยู่ในสภาพที่ตื่นตระหนก นอกเหนือจากความลึกลับที่ดึงดูดความสนใจแล้วชายผู้นี้ทำให้เธอรู้สึกกลัว… ดังนั้นเมื่อหยางเฉินเข้ามาเธอก็ไม่กล้าที่จะลืมตาของเธอในทันที
หยางเฉินดึงเก้าอี้มา นั่งไขว่ห้างและพูดขึ้นว่า
“หลังจากการเจรจากับหลี่มู่หัวเขาตกลงที่จะให้หุ้นเราถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากรวมกับตอนแรกที่ตกลงกันว่าเราจะได้ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์อวี้เหล่ยจะได้รับผลกำไรทั้งหมดหกสิบห้าเปอร์เซ็นต์จากโครงการนี้”
“ฮะ?” โม่เชี่ยนนีใอย่างมากความไม่เชื่อปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าอันสวยงามของเธอ “นั่นไม่ใช่…ตัวเลขนี้มันมากเกินไป…”
เธอตระหนักถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่โครงการนี้อาจนำมาซึ่งหากเป็อย่างที่หยางเฉินว่าไว้จริงการเติบโตในอนาคตของอวี้เหล่ยจะสูงเป็ประวัติการณ์
“ไม่ดีเหรอ? อย่างน้อยน้องหลี่ก็ยังคงมีชีวิตอยู่”หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
โม่เชี่ยนนีมองหยางเฉินด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเพราะผู้ชายคนนี้มักจะทำสิ่งที่ทำให้ใเช่นเดียวกับที่เธอกำลังรวบรวมความกล้าหาญทั้งหมดของเธอ เธอถามว่า “แล้ว… แล้วเื่อื่นๆ ล่ะ?”
“คุณหมายถึงบอดี้การ์ดสองคนนั้นน่ะเหรอ?”หยางเฉินพูดอย่างไม่แยแสว่า “พวกเขาตายแล้วการมีชีวิตอยู่ของพวกเขามันจะเป็อุปสรรค”
นอกจากนี้ เื่ที่หลี่มู่หัวยิงหลี่มู่เฉิงเมื่อวานนี้ มันถูกรายงานกับตำรวจว่าหลี่มู่เฉิงถูกบงการขณะที่หลี่มู่หัวฆ่าเขาเพื่อป้องกันตัวเองจำนวนเงินเป็จำนวนมากที่จ่ายให้กับตำรวจฮ่องกงมาจากครอบครัวหลี่ดังนั้นเื่นี้ก็ต้องผ่านขั้นตอนการแสดงตัวอย่างเป็ทางการ สำหรับเราสองคน เราไม่เคยไปอยู่ที่นั่นดังนั้นคุณหมดกังวลได้เลย
โม่เชี่ยนนีเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามอย่างเป็ห่วงว่า “นายไม่กลัวว่าหลี่มู่หัวจะผิดสัญญาหลังจากที่นายทำกับเขาแบบนั้นเหรอ?”
หยางเฉินแสดงให้เห็นรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย “ผมมั่นใจในตัวหลี่มู่หัวมากเขาไม่สามารถเอาชนะผมได้ และคงเลือกยอมเสียดีกว่าที่จะมาเสี่ยงกับผม”
โม่เชี่ยนนีฝืนยิ้ม “นายมักจะทำให้คนรู้สึกว่านายมีความมั่นใจแต่นายก็พูดถูกทุกครั้ง”
“นั่นคือเสน่ห์ของผู้ชายยังไงล่ะ”หยางเฉินขยิบตาให้เธอ
ต่อจากนั้น ทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกันมากนักเนื่องจากหยางเฉินไม่้าอธิบายอะไรในขณะที่จิตใจของโม่เชี่ยนนียังคงสับสนวุ่นวาย
ในที่สุดแล้ว หยางเฉินสังเกตเห็นความทุกข์และการต่อสู้ในตัวของโม่เชี่ยนนี เขาถอนหายใจอย่างเข้าอกเข้าใจ
“คุณไม่จำเป็ต้องฝืนตัวเองไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราสองคนหรอก คุณไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ หรือให้อภัยสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้อย่างที่คุณเห็นผมเป็คนที่เชี่ยวชาญในการฆ่าคน และเมื่อผมฆ่าใครสักคนผมไม่แม้แต่กะพริบตา”
“ผมจะไม่อธิบายให้คุณรู้ว่าทำไมผมถึงฆ่าผมจะไม่บอกคุณเกี่ยวกับสิ่งที่ผมเคยทำมาก่อนทั้งหมดที่ผมจะบอกคุณคือทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเห็นมันเป็ความจริงถึงแม้ว่ามีสิ่งที่ผมไม่้าจะบอกคุณ แต่ผมก็ไม่เคยปิดบังความจริง”
โม่เชี่ยนนีเงยหน้าขึ้นมองดวงตาอันสงบของหยางเฉินเธอรู้สึกว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอเริ่มออกห่างจากตัวเธออีกครั้งความสนิทสนมที่สร้างขึ้นเมื่อวานนี้หายไปแล้ว…
เธอรู้สึกเ็ปใจอย่างมากมันเ็ปยิ่งกว่าการฆ่าเธอเสียอีก
เขาดูเป็ธรรมชาติ มีอิสระและยิ้มให้อย่างเป็กันเองราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น… อย่างไรก็ตามโม่เชี่ยนนีรู้สึกถึงความเหงาที่อยู่ลึกๆ ในตัวของเขามันเป็พลังงานเชิงลบซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในตัวเขา เหมือนยาพิษที่ทำให้ทรมานอย่างต่อเนื่อง
“หยางเฉิน…นายช่วยยื่นมือซ้ายของนายออกมาหน่อยสิ” โม่เชี่ยนนีเม้มริมฝีปากที่แดงระเรื่ออย่างนุ่มนวลและพูดเบาๆ
หยางเฉินสับสน แต่เขาไม่ลังเลและยื่นมือซ้ายของเขาออกไป
โม่เชี่ยนนียื่นมือนุ่มๆของเธอออกไปจับมือของหยางเฉิน นิ้วมือที่ละเอียดอ่อนของเธอนวดบนผิวหยาบเล็กน้อยของเขาเธอเกาและถูมัน
“เมื่อคืนนี้คุณใช้มือนี้จัดการหลี่เิ…”
หยางเฉินพูดไม่ออก เมื่อคืนนี้เขาใช้มือนี้จัดการคร่าชีวิตของหลี่เิ เขาคว้าหลอดลมของหลี่เิและดึงมันออกมา… ใน่หลายปีที่ผ่านมา มือข้างนี้เคยเปื้อนเืสดๆกลิ่นเืได้ฝังลึกลงในกระดูกของเขาบางครั้งมันก็ทำให้หยางเฉินรู้สึกว่ามือของเขาเปียกโชกไปด้วยเืไปแล้ว
ทันใดนั้น โม่เชี่ยนนีก็ก้มหัวลง และริมฝีปากบางๆของเธอก็จูบลงกลางฝ่ามือของหยางเฉิน ััอันชุ่มฉ่ำนุ่มนวลทำให้หยางเฉินสั่นไหวการกระทำนี้เหมือนกับค้อนหนักทุบบนหัวใจของหยางเฉิน!
เธอจูบมือของผม!
มือของฆาตกร! มือที่ทำให้เธอหมดสติจากอาการช็อก!มือที่ได้พรากชีวิตมานับไม่ถ้วน! มือที่แปดเปื้อนไปด้วยเื!
มือบาปที่ปกคลุมไปด้วยความมืด!
การจูบของหญิงสาวไม่ใช่แค่แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยล้างบาปมันยังนำความอบอุ่นมาเข้าสู่หัวใจที่ปิดสนิทของหยางเฉิน…
รอยยิ้มบนใบหน้าของหยางเฉินค่อยๆ จางหายไปสีหน้าสับสนเข้ามาแทนที่
ทำไมกัน? เธอควรจะกลัวหรือรังเกียจไม่ใช่หรือ? เหมือนกับทุกคนที่หนี หรือแกล้งทำเป็เคารพเพื่อรักษาระยะห่างทำไมเธอถึงต้องจูบมือที่เต็มไปกลิ่นคาวเืนี้?
หลังจากจูบแล้ว โม่เชี่ยนนีก็สูดลมหายใจ แล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มที่น่ารัก
“มีกลิ่นน้ำมันด้วยล่ะนี่คุณไม่ได้ล้างมือหลังกินอาหารเหรอเนี่ย?”
“ทำไม…” หยางเฉินไม่สนใจเื่ตลกของเธอและถามตรงๆ
โม่เชี่ยนนียิ้มอย่างเมินเฉยเธอโน้มตัวอันนิ่มนวลของเธอไปข้างหน้าและลูบใบหน้าของหยางเฉินกับมือของเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“ฉันชอบนายนะ หยางเฉิน…ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกัน เราก็รู้จักกันเพียง่เวลาสั้นๆ แต่ฉันก็ชอบนาย…”
“แม้ว่านายมักจะทำให้ฉันโกรธแม้ว่านายจะเ็า และไม่เคยแยแสฉันเลยก็ตาม ถึงแม้ว่านายจะนิสัยเสียอยู่เสมอแม้ว่านาย… จะเป็สามีของเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ฉันแค่ชอบนาย...”
“ฉันไม่สนใจว่าในอดีตนายเป็ใครมาก่อนฉันไม่สนใจว่าตัวตนนายในตอนนี้เป็อะไรและก็ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่านายจะเป็ใครในอนาคต…”
“ทั้งหมดที่ฉันพยายามจะบอกก็คือผู้ชายที่ฉันชอบชื่อหยางเฉิน เมื่อฉันรู้สึกสิ้นหวังเขาจะดึงฉันออกจากสถานการณ์นั้น เมื่อฉันโดดเดี่ยว เขาจะอยู่เคียงข้างฉและพูดคุยกับฉัน เมื่อฉันอยู่ในอันตราย เขาจะปกป้องฉันจากอันตรายใดๆ…”
“คนที่ฉันชอบคือเ้าของมือนี้คือนาย…”
“…”
หยางเฉินไม่ได้นับถือศาสนาใดๆ เขาไม่เชื่อในพระเ้าแต่ใน่เวลานี้ถ้าพระเ้ามีอยู่จริงเขา้าที่จะขอบคุณพระเ้าที่สรรค์สร้างผู้หญิงขึ้นมา
ผู้หญิง สิ่งมีชีวิตที่หลงใหลผู้ชาย…
ตอนแรกเขาคิดว่าหลังจากที่ได้เห็นบางส่วนที่แท้จริงของเขาผู้หญิงคนนี้จะไม่อยากสนิทสนมกับเขาอีกต่อไป เขานึกว่าเธอจะห่างเหินและหลีกเลี่ยงเขา…
แม้ว่าเขาจะไม่ใส่ใจกับเื่นี้แต่การที่น้ำหยดลงหิน หินยังกร่อนลงได้ในที่สุดความเ็ปก็จะทำให้หัวใจของเขาอ่อนแรงลง แต่มันกลับเหนือความคาดหมายของเขาสุดท้ายผลลัพธ์กลับกลายเป็แบบนี้…
หยางเฉินก้มหัวลงเขากะพริบตาสองสามครั้งก่อนเงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“เชี่ยนเชี่ยนน้อยนี่เป็วิธีการที่ผมจะเรียกคุณในอนาคต”
หลังจากสารภาพออกมาแล้วโม่เชี่ยนนีรู้สึกราวกับว่าเธอได้รับภาระที่หนักอึ้ง คำพูดของหยางเฉินเมื่อครู่เกือบทำให้เธอบ้าคลั่ง เธอพูดตอบกลับไปว่า
“มันเชยมาก!” แต่ภายในใจเธอรู้สึกถึงความหอมหวาน และอบอุ่น
“ไม่เป็ไรหรอกผมจะทำให้คุณดูทันสมัยขึ้นเล็กน้อย!”
หยางเฉินยิ้มอย่างร้ายกาจแล้วคว้าตัวนุ่มนิ่มของโม่เชี่ยนนีดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดจากนั้นเขาจูบริมฝีปากชมพูของโม่เชี่ยนนี!
“อื้อ!”
การจู่โจมกะทันหันทำให้โม่เชี่ยนนีไม่สามารถตอบสนองใดๆได้ทัน ขากรรไกรของเธอผ่อนคลายลงหญิงสาวเผยอริมฝีปากสีหวานช่วยให้ลิ้นที่ว่องไวของหยางเฉินจู่โจมไปในอวัยวะภายในที่อบอุ่นและปลุกปั่นความวุ่นวาย
นี่เป็ครั้งแรกที่เธอตอบรับจูบอันดูดดื่มโม่เชี่ยนนีเริ่มโต้ตอบมากขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นนุ่มๆ ของเธอถูกยั่วเย้าโดยไม่ต้องปิดบังใดๆด้วยลมหายใจที่หนักหน่วงและการจูบที่ดุเดือดทำให้เธอก้าวขาลงไปในเปลวเพลิงสวาทที่เย้ายวน…
หลังจากที่หยางเฉินได้ลิ้มรสน้ำลายของหญิงสาวอย่างไม่เต็มใจแล้วเขาจึงถอนริมฝีปากเขาออก
ตอนนี้ใบหน้าของโม่เชี่ยนนีแดงด่ำ หายใจออกมาอย่างยากลำบากริมฝีปากของเธอดูบวมเล็กน้อย สายตาที่เปราะบางของเธอก็มีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อเหมือนกับนรกกำลังหลอกล่อให้ผู้คนกระทำความผิด และยากที่จะต้านทานได้
หยางเฉินจ้องมองไปยังหญิงสาวตรงหน้าผู้เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์รูปร่างหน้าตาของเธอเหมือนถูก์สรรค์สร้างออกมาอย่างอิสระความปรารถนาของเขาค่อยๆ ปะทุขึ้นมา แต่เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาดังนั้นเขาจึงสามารถยับยั้งความปรารถนาอันยั่วยวนนี้ได้ เขาเอื้อมมือไปที่ก้นอวบๆของโม่เชี่ยนนีและตีมัน เขารู้สึกพอใจกับเนื้อนุ่มๆ อย่างไม่น่าเชื่อ
“เชี่ยนเชี่ยนน้อยคุณไม่คิดจะให้ผมผลักคุณลงตอนนี้ใช่มั้ย?”
โม่เชี่ยนนีเพิ่งกลับมามีสติดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นใ เธอรีบผละออกจากอ้อมกอดของหยางเฉินปกปิดใบหน้าเขินอายของเธอ เธอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำด้วยเท้าเปล่า
ผ่านไปไม่นานเสียงน้ำไหลแรงจากฝักบัวดังออกมาจากห้องน้ำในที่สุด โม่เชี่ยนนีก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็วันที่ต้องเจรจาธุรกิจอย่างเป็ทางการเธอต้องรีบอาบน้ำ แต่งตัว และแต่งหน้า
หยางเฉินนั่งเอนหลังพิงกับเก้าอี้สายตาทอดมองออกไปชมวิวูเาอันสวยงามในตอนเช้าและยิ้มอย่างมีความสุข