หลังจากพาหญิงสาวเข้ามานั่งในห้องรับแขก ที่อยู่ด้านในของบ้าน ข้างในมีภาพวาดงดงามประดับไว้ที่ฝาผนังมากมาย
แต่สิ่งที่สะดุดตาของบุหงาเข้าอย่างจังก็คือประติมากรรมปูนปั้นและไม้แกะสลัก ที่สะดุดตาเพราะว่ามันเป็รูปอวัยวะเพศชาย ตั้งตระหง่านอยู่บนโต๊ะและตู้โชว์
“ขอบคุณค่ะ… ”
บุหงาดื่มน้ำยังไม่ทันจะหมดแก้ว จู่ๆ ก็ต้องใกับเสียงลมพัดมาอย่างแรง
หล่อนมองผ่านหน้าต่างห้องรับแขกออกไปภายนอก เห็นใบไม้แห้งปลิวคว้างไปทั่วลานซีเมนต์ด้านหน้า จากนั้นฝนก็เทลงมาอย่างหนัก
“หนูต้องกลับแล้วค่ะ… ”
บุหงาใ…
นั่งคุยกับบดินทร์จนเพลิน ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจเอาไว้ว่าควรจะกลับออกมาก่อนค่ำเพราะหล่อนต้องหารีสอร์ตพักแรมสำหรับคืนนี้
“จะกลับยังไง… พายุแรงขนาดนี้”
บดินทร์กล่าวด้วยความเป็ห่วง…
มองผ่านกระจกห้องรับแขกไปด้านนอกที่แสงฟ้ากำลังแลบแปลบปลาบ ตอนนี้ทั้งฝนทั้งลมแรงมาก ถ้าขับรถออกไปไม่แคล้วคงต้องเกิดอุบัติเหตุกลางทางแน่ๆ
“คืนนี้หนูคงต้องค้างที่นี่ รอให้พายุผ่านไปก่อนจะดีกว่า… ”
บดินทร์ออกความเห็น…
จ้องมองใบหน้าของบุหงา น้ำเสียงและแววตาของเขาบ่งบอกว่าเอ็นดูหล่อน
“จะดีหรือคะ… ”
บุหงารู้สึกเกรงใจ…
เพราะคิดว่าที่บ้านหลังนี้น่าจะมีแค่ห้องนอนเดียว แม้จะเป็บ้านเดี่ยวหลังใหญ่แต่ก็ใช้เกือบทุกบริเวณของบ้านทำงานศิลปะจนเต็มพื้นที่
“เดี๋ยวเธอนอนในห้องนอน ฉันจะนอนข้างนอกเอง… ”
บดินทร์หมายถึงโซฟาในห้องรับแขกที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ในตอนนี้
“ให้เ้าของบ้านนอนโซฟา… จะดีหรือคะ”
บุหงารู้สึกเกรงใจ
“ไม่เป็ไร… ถ้าให้แขกผู้มาเยือนนอนโซฟาแล้วเ้าของบ้านนอนบนเตียงนั่นแหละฉันว่าแปลกกว่า”
“ถ้างั้นคงต้องรบกวนสักคืนนะคะ… ”
น้ำเสียงมีความเกรงใจ…
บุหงาจ้องมองสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักด้วยแววตามีความกังวล
“ไม่เป็ไร… อย่าได้เกรงใจ… เดี๋ยวฉันมานะ”
บดินทร์ลุกขึ้นสำรวจบานหน้าต่างในจุดที่ลืมปิดเอาไว้ ด้วยเกรงว่าอาจจะมีฝนสาดเข้ามาเพราะลมแรงมาก
