ฉินซีถูกกุญแจมือตรึงไว้กับเก้าอี้ สายตามองไปยังเืสีแดงสดที่ค่อยๆ ไหลออกจากร่าง รู้สึกได้ว่าหมัดที่กำแน่นคลายออกอย่างไร้เรี่ยวแรง… นี่เขากำลังจะตาย?
ไม่ เขาไม่ยอม! เขาไม่ยินดีที่จะตายไปแบบนี้!
เขาถูกข่มเหง ถูกข่มเหงจากคนที่สนิทที่สุดหักหลังแบบนี้!
ไม่ยอม! เขา… ยังไม่อยากตาย
…….
ฉินซีพลันลืมตาตื่น!
เขาหอบหายใจอย่างรุนแรง ทุกลมหายใจเต็มไปด้วยความร้อนรน ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อผุดพราย เสื้อเชิ้ตเปียกชื้นราบติดไปกับแผ่นหลัง
“สวัสดีค่ะ รูมเซอร์วิสค่ะ” อยู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
นั่นเรียกสติของฉินซีให้ตื่นตัว เขาตอบกลับเสียงเมื่อครู่ “ไม่เป็ไรครับ ขอบคุณ” จากนั้นเสียงฝีเท้าด้านนอกประตูก็ห่างไปอย่างรวดเร็ว ฉินซีถอนหายใจก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าผาก ััที่ส่งผ่านจากปลายนิ้วยังคงอุ่นร้อน นี่เขา… ยังไม่ตายสินะ?
ฉินซีกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ
บริเวณไม่ห่างออกไป มีเตียงหลังใหญ่ซึ่งบนหัวเตียงวางไว้ด้วยอุปกรณ์ร่วมรักชนิดต่างๆ อย่างใส่ใจ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกได้ถึงความวาบหวิว ซึ่งตอนนี้เขากำลังพิงกับโซฟา ที่เขี่ยบุหรี่เปื้อนเืตกอยู่ข้างเท้า อีกทั้งยังมีผลไม้กับแก้วน้ำที่กระจัดกระจายอยู่ที่พื้น เกิดจากสถานการณ์เมื่อครู่ที่มีการใช้กำลังเกิดขึ้น!
ฉินซีนิ่งไปชั่วครู่ จนกระทั่งเหลือบไปเห็นกระดาษสัญญาไม่กี่แผ่นบนโต๊ะชา นั่นทำให้เขานึกขึ้นได้ว่า นี่ไม่ใช่ตอนที่เขาอายุ 19 ปี และได้เซ็นสัญญากับผู้จัดการของบริษัทการบันเทิงแห่งหนึ่งหรือ?
เขายังจำวันนั้นได้ เขาใฝ่ฝันถึงภาพอันงดงามในวงการบันเทิง จึงมาที่นี่ตามข้อความที่ส่งมาทางโทรศัพท์ รอจนได้เห็นบรรยากาศรอบห้องนี้ ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ทว่าเมื่อผู้จัดการคนนั้นมาถึงก็เริ่มลงมือกับเขาทันที ‘เขาเพิ่งก้าวเข้ามาในขั้นแรกของวงการบันเทิง เขาจึงควรเรียนรู้กฎเกณฑ์เื้ัของวงการบันเทิงเสียก่อน’ นั่นคือสิ่งที่ผู้จัดการคนนั้นได้กล่าวไว้
เมื่อชาติก่อน ฉินซีเป็คนมุทะลุ เขาไม่แม้แต่จะส่งเสียงโวยวาย แล้วคว้าที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะน้ำชาขว้างออกไป
ไม่รู้ว่าผู้จัดการคนนั้นใช้ข้ออ้างนี้หลอกคนหน้าใหม่ที่้าเข้าวงการบันเทิงไปเท่าไรแล้ว คงเพราะไม่เคยเจอคนที่ขัดขืนอย่างรุนแรงแบบฉินซีมาก่อน จึงทำได้เพียงด่าทอและนำสัญญาที่เซ็นเรียบร้อยแล้วเดินจากไปอย่างหัวเสีย
หลังจากนั้นฉินซีก็ถูกผู้จัดการคนนี้หาเื่ในบริษัทเป็ระยะเวลานาน ในตอนนั้นเขาเซ็นสัญญาไปเพราะความขาดสติ จะปุบปับออกจากบริษัทก็ทำไม่ได้ อยู่ที่นี่นานเป็ปีถึงได้รู้ว่า คนในวงการต่างเรียกบริษัทนี้ว่า “บริษัทไก่ป่า” เพราะสองเหตุผลข้อใหญ่ๆ หนึ่งคือไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และสองคือนี่เป็บริษัทการบันเทิงเพียงเบื้องหน้า ทว่าในมุมมืดแล้วกลับทำธุรกิจค้าบริการทางเพศ
ไม่ เดี๋ยวก่อน นี่เขาย้อนกลับมาในอดีตจริงเหรอ?
ความทรงจำที่หลั่งไหลเข้ามากลับหยุดลงกะทันหัน ฉินซียกสองมือขึ้นกุมศีรษะทั้งเจ็บ ทั้งปวดจนทั่วร่างสั่นไหว
ฉินซีพยายามชันกายลุกจากโซฟาด้วยหัวใจที่สั่นระรัว ความเกรงกลัวและเสียใจที่ทำร้ายผู้จัดการไปถูกฝังกลบไปด้วยความดีใจที่ได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง เขาพุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำ มองใบหน้าอ่อนเยาว์ของตนที่สะท้อนอยู่ในกระจก
ใบหน้านั้นรวมจุดเด่นของทั้งพ่อและแม่ งดงามเปล่งประกายราวกับควรยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟั้แ่ลืมตาดูโลก
ภายในสมองเต็มไปด้วยภาพความทรงจำวิ่งว่อนดูวุ่นวาย คือสิ่งที่เขาได้ประสบมาก่อนจะย้อนกลับมาเกิดใหม่… ครอบครัวที่เห็นแก่ตัว คนรักที่เ็า ซ้ำยังมีเพื่อนที่เหยียบย่ำเขาเพื่อเลื่อนขั้นขึ้นไป… ทำเขาอดนึกถึงความไม่พอใจและความโกรธเกลียดของตัวเองก่อนตายขึ้นมาไม่ได้
สายตาของฉินซีค่อยๆ กลายเป็เ็า
เขากลับมาแล้ว… เขายังมีโอกาสแก้ไขเส้นทางในอนาคต เขาจะไม่ตายไปอย่างโดดเดี่ยวอ้างว้างในห้องของบาร์อีกแล้ว
ฉินซีจัดชุดเสื้อผ้ายับย่นบนร่างให้เรียบร้อย ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำ แล้วก้าวเท้าเดินออกไป สีหน้าของเขาผ่อนคลายลงไม่น้อย กระทั่งฝีเท้าที่ดูเร่งรีบเมื่อครู่ก็ค่อยๆ เบาลง เขาถือสัญญาออกมาจากห้อง ใจคิดวางแผนว่าในชาตินี้เขาจะทำอย่างไรเพื่อหลบหนีจากสัญญาบริษัทนอกระบบนี่ไปได้
หากได้ย้อนเวลากลับไปเริ่มใหม่ใน่ที่เร็วกว่านี้สักนิดก็คงดี… ฉินซีถอนหายใจ
ไม่ เขาโลภมากเกินไป แค่สามารถมีชีวิตอีกครั้งก็ถือว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว นี่เขาจะคาดหวังมากกว่านี้อีกได้อย่างไร? ตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ เขาก็มีโอกาสพลิกสถานการณ์ขึ้นมาได้!
ฉินซีเดินไปถึงโถงทางเดินที่ปูไว้ด้วยพรมแดง เสียงดังโหวกเหวกจากทางด้านหน้าค่อยๆ ดังเข้ามา
ส่งเสียงดังขนาดนี้ในโรงแรมได้เหรอ? ฉินซีขมวดคิ้ว
“เดี๋ยวนี้พวกดาราชอบทำตัวหยิ่งยโสจริงๆ คนตั้งมากมายต้องมารอผู้หญิงคนนั้นมาออดิชั่น คิดว่าตัวเองเป็นางฟ้านาง์หรือยังไง?” หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังกล่าวกับหญิงวัยรุ่นด้วยใบหน้าเ็าอยู่หน้าประตูห้อง “เธอเป็คนรับผิดชอบแจ้งข่าวสารให้กับผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้ฉันไม่สนใจว่าเธอคนนั้นจะมาได้หรือไม่ สรุปก็คือวันนี้ เธอต้องหานักแสดงมาให้ฉัน อย่าให้ผู้กำกับสวี่มาว่าพวกเราเด็ดขาด”
เมื่อหญิงวัยกลางคนกล่าวจบก็หมุนตัวเข้าห้องไป ปล่อยให้เด็กสาวตัวเล็กๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยสีหน้าย่ำแย่
หลังจากที่ฉินซีเดินเข้าไปใกล้ ก็พบว่าทางเดินถูกขวางแน่นจนไม่อาจเดินผ่านไปได้ เขาจึงเข้าใจแล้วว่า หลายๆ ห้องแถวนี้คงถูกทีมกองถ่ายเหมาเอาไว้ พวกคนที่เดินอัดแน่นอยู่ที่โถงทางเดินนั้น น่าจะเป็นักแสดงที่เข้ามาออดิชั่นสินะ?
ฉินซีมองพวกเขาด้วยความคิดถึงเล็กน้อย ในวงการบันเทิง นักแสดงส่วนมากก็เป็อย่างคนพวกนี้ ต้องรีบมาทดสอบการแสดงเพื่อคัดเลือก ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็หนึ่งในนั้น แต่จะมีพวกนักแสดงที่มีความสามารถบางกลุ่ม เหมือนอย่างที่หญิงวัยกลางคนพูดถึงคนนั้น ชื่อเสียงไม่ได้โด่งดังมากมาย ทว่ากลับทำตัวเย่อหยิ่งยิ่งกว่าใคร สุดท้ายก็มีแต่จะสร้างปัญหาให้กับตัวเอง
“รบกวนขอทางหน่อยครับ...” ฉินซีส่งเสียงบอกนักแสดงที่เข้าร่วมการออดิชั่นซึ่งยืนขวางอยู่ตรงหน้า
นักแสดงคนนั้นขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “จะแทรกแถวเหรอ?”
ฉินซีได้ยินดังนั้นก็สำลักเล็กน้อย ในระหว่างที่เขากำลังจะเปิดปากอธิบาย จู่ๆ เด็กสาวที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ก็เข้ามาจับข้อมือของเขาไว้ “เอ๊ะ พี่สาว ช่วยฉันหน่อยสิ!”
สีหน้าของฉินซีเปลี่ยนแปลงไป ในใจของเขาคิดว่า ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงถูกดุด่าขนาดนั้นได้ ก็เพราะสายตาของเธอไม่ได้เื่เอาเสียเลย! เขาหมุนตัวกลับไป ฝืนส่งยิ้มให้อีกฝ่าย แล้วตอบกลับไป “มองให้ดีก่อนเถอะน้องสาว เธอควรจะเรียกฉันว่าพี่ชายสิ”
ความอับอายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กสาว ทว่ามือของเธอกลับกระชับแน่นขึ้น ก่อนจะลากตัวฉินซีเข้าไปในห้องทันทีอย่างไม่ลังเล “ไอ๊หยา พี่ชายอย่าได้ถือสาฉันเลย ฉันเห็นว่าพี่ชายหน้าตาดีขนาดนี้ ก็ลองเข้าไปออดิชั่นดูหน่อยเถอะ”
นักแสดงที่ต่อแถวอยู่ทางด้านหลังต่างแสดงท่าทีไม่พอใจ “สาวน้อย ถ้ามีคนไม่มาออดิชั่นก็ให้พวกเราเข้าไปลองก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงจะต้องจับคนแปลกหน้าเข้าไปเล่า?”
ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของเด็กสาวพลันกลายเป็จริงจัง ดูเป็การเป็งานมากขึ้น “ตัวละครตัวนี้ค่อนข้างพิเศษ ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถแสดงได้”
คนอื่นยังอยากพูดอะไรต่อ ทว่าเด็กสาวคนนั้นกลับรีบลากตัวของฉินซีเข้าไปในห้อง
“ไม่ว่าจะแสดงได้หรือไม่ พี่ก็ทนๆ แสดงไปเถอะ หลังจากเสร็จงานแล้ว ฉันจะตอบแทนพี่อย่างงามเลย” หญิงสาวเขย่ามือของอีกฝ่ายเพื่อร้องขอ
ฉินซีชี้ไปยังกลุ่มคนนอกประตู “คนมากมายรออยู่ตรงนั้น ทำไมไม่ไปหาเอาจากพวกเขาล่ะ?” การแย่งโอกาสออดิชั่นจากคนอื่นในวงการบันเทิง ก็เปรียบเสมือนแย่งชามข้าวของคนอื่นมา
เด็กสาวยัดกระดาษใบหนึ่งใส่มือของฉินซี “เดิมทีพวกเราเชิญนักแสดงสาวที่มีชื่อเสียงอย่างเหลียนเหล่ยมาออดิชั่นเป็ตัวละครตัวนี้”
ฉินซีอ่านเนื้อหาบนกระดาษใบนั้น มันคือรายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครตัวนี้ รวมทั้งบทในการทดสอบด้วย เขาเพียงกวาดตาดูคร่าวๆ ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมไม่สามารถใช้คนที่อยู่ด้านนอกได้
ละครเื่นี้ดัดแปลงมาจากนิยายกำลังภายในคลาสสิคอย่างเื่ [กระบี่เย้ยยุทธจักร] และที่เขียนอยู่บนกระดาษก็คือตัวละครที่ได้รับการโต้เถียงมากมายในเื่ [กระบี่เย้ยยุทธจักร] อย่างตงฟางปู๋ป้าย เมื่อชาติก่อน [กระบี่เย้ยยุทธจักร] ได้ถูกถ่ายทำขึ้นใหม่อีกครั้งโดยผู้กำกับสวี่เทาที่มีชื่อเสียงในตอนนั้น เดิมทีตัวละครตัวนี้ถูกวางไว้ให้เหลียนเหล่ยในวงการบันเทิง เหลียนเหล่ยมีรูปลักษณ์งดงามน่าหลงใหล สวี่เทาเคยดูละครงิ้วที่เธอเล่นเป็ฮวาตั้นมาก่อน จึงให้เธอมาลองออดิชั่น แต่ต่อมาไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆ เหลียนเหล่ยก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย รอจนกระทั่ง [กระบี่เย้ยยุทธจักร] ถูกถ่ายทอดออกมาก็ถูกเปลี่ยนเป็นักแสดงหน้าใหม่ในบริษัทของสวี่เทา หลังจากที่นักแสดงคนนั้นเข้ามาแสดงบทนี้ก็ถูกแฟนคลับของตงฟางปู๋ป้ายประณามอยู่นาน
แต่นั่นกลับไม่ใช่อุปสรรคที่ขวางกั้นความโด่งดังของละครในตำนานจากนิยายกำลังภายในเื่นี้ สวี่เทาทำเงินจากละครเื่นี้ได้มากมาย นักแสดงร่วมเองก็โด่งดังขึ้นมา
หากเขาไม่ได้จำผิด วันนี้เป็ออดิชั่นคัดเลือกจากบุคคลมากมาย สำหรับบทละครเื่ [กระบี่เย้ยยุทธจักร] เท่านั้น ถ้าแม้แต่เหลียนเหล่ยก็ยังถูกตัดทิ้ง… แล้วแบบนั้นเขาจะแสดงความสามารถอย่างไรได้อีก? หรือเขาควรจะลองไปทดสอบดูสักหน่อย? ตามบทดั้งเดิมแล้ว ตัวละครตัวนี้ก็ควรจะเป็ผู้ชายมาั้แ่แรก
“เสี่ยวหวัง หาคนได้หรือยัง?” หญิงวัยกลางคนออกมาจากห้อง และถามเด็กสาวด้วยใบหน้าบึ้งตึง
เด็กสาวชี้ไปทางฉินซีมือสั่นระรัว “คุณว่าเขาเป็ยังไงบ้างคะ?”
หญิงวัยกลางคนพิจารณาฉินซีั้แ่หัวจรดเท้า แววตาของเธอพลันส่องประกายแวววาว “เข้ามาก่อนเถอะ เหลียนเหล่ยไม่มา อย่างไรก็ต้องหาคนเข้าไปให้ผู้กำกับสวี่ดูอยู่แล้ว”
ความจริงบทละครบนกระดาษแผ่นนั้นก็ไม่ได้ยาวนัก ฉินซีพับเก็บกระดาษลงเรียบร้อย ในหัวของเขาจำมันได้อย่างแม่นยำแล้ว เพราะเมื่อชาติก่อนเขาแสดงละครมามากมาย จึงมีวิธีการจำบทให้ได้อย่างว่องไวในแบบของตัวเอง แค่บทละครเล็กน้อยนี้ย่อมเป็เื่ง่ายดายสำหรับเขา
หญิงวัยกลางคนไม่ได้คาดหวังกับคนที่ถูกดึงเข้ามาโดยไม่รู้ที่มาที่ไปคนนี้ ขอเพียงสามารถออกหน้าแสดงความสามารถได้สักครู่ เพื่อให้สวี่เทาคลายความโกรธลงไปได้เล็กน้อยก็พอ คิดได้เช่นนั้นก็พาฉินซีไปยืนต่อหน้าสวี่เทา
ตอนนี้สวี่เทายังอายุน้อยอยู่มาก อายุยังไม่ถึง 30 ปี แต่ก็ทำเงินได้ไม่น้อยจากซีรีส์หลายเื่ แต่เพราะยามปกติเขายุ่งวุ่นวายอยู่กับการถ่ายทำ ทำให้ไม่ได้ใส่ใจกับรูปลักษณ์ภายนอกนัก เมื่อฉินซีได้พบกับชายที่นั่งอยู่บนโซฟา เรือนผมและหนวดเคราล้วนยาวจนแทบจะถักเปียได้ ทั้งยังสวมใส่แว่นตากรอบดำหนาเตอะ นี่มันต่างจากภาพผู้กำกับสวี่ผู้น่านับถือและเป็กันเองในใจเขาไปไกลลิบ...
เมื่อเห็นฉินซีเพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หญิงวัยกลางคนนึกด่าทอในใจ “ไม่ได้เข้าใจอะไรเสียเลย” แล้วรีบยื่นมือไปดันเขาเล็กน้อย “จะมัวยืนนิ่งทำไมเล่า? คนคนนี้คือผู้กำกับสวี่นะ”
ฉินซีได้สติกลับมา เขากดเสียงลงพูด “สวัสดีครับ ผู้กำกับ”
สวี่เทาย่นคิ้วลง แต่เพราะผมหน้าม้าที่ยาวรุงรังนั้นทำให้ดูออกได้ยาก เขาถามหญิงวัยกลางคนเสียงดัง “เหลียนเหล่ยเป็ดาราหญิงไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงพาผู้ชายเข้ามาเล่า?”
หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามากระซิบบางอย่างข้างหูของสวี่เทา เมื่อได้ยินแล้ว เขาก็สะบัดบทในมือออกไป จากนั้นก็ระบายอารมณ์ออกมายกใหญ่ “ถ้าเธอไม่มา หลังจากนี้ก็ไม่ต้องมาแล้ว” เมื่อพูดจบสวี่เทาก็มองฉินซีอีกครั้ง “แล้วนาย จำบทสำหรับการออดิชั่นได้หรือยัง?”
ฉินซีพยักหน้าสบายๆ
สีหน้าของสวี่เทาดูสงบลงมาเล็กน้อย “แบบนั้นตอนนี้ก็มาลองกันเถอะ”
ฉินซีนำกระดาษในมือส่งให้เด็กสาวที่เข้ามาพร้อมกับเขา จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินไปกลางห้อง ใน่เวลานั้นผู้คนภายในห้องต่างหยุดทุกการกระทำ และตั้งตารอดูการแสดงจากเขา
เพิ่งจะได้เกิดใหม่ก็ต้องมาแสดงละครเสียแล้ว… ฉินซีอดหัวเราะขึ้นเบาๆ ในใจไม่ได้ เขาค่อยๆ หลุบตาลง และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไป